ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 883

ณ วังหลวง

พระสนมหลินเฟยเปลี่ยนเป็นชุดฟินิกซ์ที่หรูหราประณีตสีสันฉูดฉาดนอกเหนือจากเสื้อผ้าธรรมดาภายใต้การดูแลของคนรับใช้ มวยผมสูง สวมมงกุฏ ก้าวเดินไปทีละก้าวตามขั้นบันไดหยกสีขาวไปสู่ตำแหน่งอย่างเฉิดฉาย ยื่นมือออกมาเบาๆ ราวกับมีคนคอยประคับประคองนาง นางเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างเหนียมอาย จากนั้นก็ก้าวอ่อนช้อยไปบนเก้าอี้มังกรทรงสูงและนั่งลง

เก้าอี้มังกรมีขนาดใหญ่และกว้างขวางเป็นอย่างมาก ว่างเปล่ามิต่างอันใดกับใจของนาง

นางนั่งอย่างเหม่อลอยพลางมองไปยังตำหนักที่ว่างเปล่า ความเศร้าหมองปะทุขึ้น น้ำตาก็ไหลพรากออกมาอย่างกลั้นมิอยู่

นางรู้ว่ารอบตัวนางมิมีผู้ใดเลย ตำหนักจินหลวนอันกว้างใหญ่ มีเพียงแค่นางเท่านั้น ชายที่สัญญาว่าจะรอนางอยู่บนเก้าอี้มังกรตัวนี้และจะแต่งงานกับนางในอนาคต ถูกฝังอยู่ท่ามกลางน้ำใสภูเขาเขียวบนภูเขาว่อหลงมานานแล้ว

สุดท้าย ทุกอย่างก็ล้วนสูญเปล่า เป็นเพียงแค่จินตนการของนาง

นางรอคอยข่าวอย่างเงียบๆ จากคนที่ยังมิกลับมาจากการมุ่งไปขโมยตราราชลัญจกรในจวนอ๋องฉี ส่วนอ๋องเฮ่าก็ปลอมพระราชโองการก่อนจะไประดมกองกำลังทหาร และยังมิมีข่าวใดๆ เช่นกัน

เชื่อว่าตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนคงจบเห่และถูกฝังยู่ในวังใต้ดินแล้วสินะ? ถึงแม้เหลิ่งเซียงและคนอื่นๆ จะต่อต้านอย่างดื้อรั้น เขาจะสามารถต้านทานทหารชั้นยอดนับพันของหยางรุ่ยได้หรือ?

ตราบใดที่แผนการสำเร็จ ข้าราชพลเรือนของแมนจูก็ถูกพิษงูแล้ว ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของนางเอง มิมีสิ่งใดที่จะมาเป็นอุปสรรคขวางกั้นทางขึ้นบัลลังก์ของอ๋องเฮ่าได้อีก

ตราบใดที่สามารถหาตราราชลัญจกรเจอ นางก็จะได้ปลอมแปลงพระราชโองการขึ้นครองบัลลังก์ สังหารชายชราผู้เป็นฮ่องเต้ และเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ได้อย่างราบรื่น

ผู้บัญชาการฮั่วเข้ามาจากข้างนอกตำหนักราวกับลมกระโชกแรง และทรุดตัวลงแทบเท้าของนาง “พระสนมหลินเฟยขอรับ หัวหน้าเหอเข้าวังมาแล้ว และรออยู่ด้านนอกตำหนัก”

ปฏิกิริยาของผู้บัญชาการฮั่วทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาในทันที

“หัวหน้าเหอนำทหารมาถึงแล้วรึ” หลินเฟยลุกขึ้นยืนอย่างดีอกดีใจ “ว่ามา!”

ผู้บัญชาการฮั่วอ้าปาก ทว่ามิได้พูดอันใดเช่นกัน ก่อนจะก้มหน้าถอยหลังออกไปอย่างเอือมระอา

หัวหน้าเหอที่เลือดเต็มตัวก้าวเข้าไปในตำหนักพร้อมมีดคมๆ ในมือ ลักษณะท่าทางที่อยู่ในสถานการณ์คับขันนั้นทำให้พระสนมหลินตกใจ

“นี่เจ้า...”

นางจินตนาการมิออกว่าตอนนี้ยังมีผู้ใดกล้าต่อกรกับตนอีก หัวหน้าเหอมีลูกสมุนเป็นทหารชั้นยอดที่นับมิถ้วน นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

หัวหน้าเหอก็ทรุดลงกับพื้นมิสามารถลุกขึ้นได้เช่นเดียวกับผู้บัญชาการฮั่ว “พระชายา ข้าน้อยได้รับความไว้วางใจอย่างยิ่งจากท่านอ๋องให้นำทหารเข้ามาในเมืองหลวง แต่พบเจอการดักซุ่มโจมตี จนนองเลือด และพ่ายแพ้ขอรับ!”

คำพูดนั้นทำให้ร่างของพระสนมหลินเฟยโงนเงน และทรุดนั่งลงบนเก้าอี้มังกรอย่างแรง

ไร้สติไปครู่หนึ่ง “เป็นไปได้เยี่ยงไร? เป็นไปได้เยี่ยงไร? ผู้ใดกัน? ทหารของผู้ใด?”

“มู่หรงฉีขอรับ”

“เขายังมิตายรึ?”

หัวหน้าเหอทุบพื้นด้วยความโมโห “มิใช่แค่ยังมิตาย แต่ยังลอบสืบหาที่ซ่อนทหารของเราและดักซุ่มโจมตีมานานแล้วด้วย ผู้น้อยเพิ่งจะนำทหารออกจากค่ายตามคำสั่งของท่าน และถูกปิดล้อมทันที มิใช่แค่ทางของเราเท่านั้น แม้แต่กองกำลังอีกสองกลุ่มก็หนีการปิดล้อมของพวกเขามิได้ ในมือของมู่หรงฉีถือพระราชโองการลับของฮ่องเต้ เปิดโปงต่อสาธารณชนว่าการสั่งให้ระดมทหารของท่านมิเป็นความจริง ส่งผลให้ขวัญของทหารหยุดชะงักอย่างรุนแรงและแพ้ยับ”

ในสมองของพระสนมหลินเฟยว่างเปล่าอย่างง่ายดาย ทั้งปากชาเล็กน้อย มิรับรู้อันใด “แล้ว แล้วตอนนี้...”

“มู่หรงฉีได้รับข่าวว่าเหลิ่งชิงฮวนถูกขังอยู่ จึงรีบนำทหารม้ารักษาพระองค์ไปที่สุสานของจักรพรรดิ ข้าน้อยถึงจะมีโอกาสฝ่าวงล้อมออกมา แต่เหลือทหารมิมากนัก“

พระสนมหลินเฟยยิ่งหวั่นใจมากขึ้น “มู่หรงฉีไปที่สุสานจักรพรรดิงั้นหรือ? แล้ว แล้วเฮ่าเอ๋อร์ล่ะ เขา...”

เสือสองตัวสู้กันก็ย่อมมีบาดแผล เกรงว่าพระสนมหลินเฟยจะเป็นกังวลและมีลางสังหรณ์ใจที่มิดีขึ้นมาทันที

“ทหาร ส่งคนมุ่งหน้าไปที่สุสานหลวงฝั่งตะวันออกโดยเร็ว! แจ้งท่านอ๋องเฮ่าว่ามู่หรงฉีพาทหารม้ารักษาพระองค์กลับมาแล้ว ให้เขารีบกลับไปที่เมืองหลวง...”

เมื่อมีพระราชลัญจกรอยู่ในมือ หากสามารถยืมอวิ๋นเช่อมาบีบบังคับให้มู่หรงฉียอมแพ้ได้ อาจจะสามารถพลิกตัวได้หรือไม่?

ผู้บัญชาการฮั่วรู้ว่าสถานการณ์การดีๆ ได้สิ้นสุดไปแล้ว ทว่าเมื่อชักคันธนูแล้วก็มิมีทางหันหลังกลับได้ จำใจรับคำสั่งแล้วไปจัดการ

พระสนมหลินเฟยรู้ดีอยู่แก่ใจเช่นกันว่าที่ตนทำเช่นนี้มันเป็นการต่อสู้ดิ้นรนในเฮือกสุดท้าย

อีกมินานมู่หรงฉีจะนำกองกำลังทหาร ทหารม้าทรงพลังของเขาบุกเข้าประตูวัง พุ่งเข้ามายังตำหนักแห่งนี้

นางมิเต็มใจนัก แม้ว่าจะมีความหวังสุดท้ายที่ริบหรี่ ก็ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดและสู้ให้ถึงที่สุด

ชีวิตของตนช่างน่าเศร้า น่าสมเพช และน่าเวทนา ชายที่ก่อเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังคงนอนอยู่บนเตียงมังกรในวังเยี่ยนชิง และหลับอย่างสงบ

สิ่งที่น่าเกลียดมากกว่านั้นก็คือ แม้ว่าเขาจะหมดสติมิรู้สึกตัว ก็ยังสามารถควบคุมตนได้ มู่หรงฉีได้พระราชโองการลับมาจากที่ไหนกัน? การที่มู่หรงฉีแกล้งตายจะเป็นหมากที่เขาวางไว้หรือเปล่า?

พระสนมหลินเฟยหรี่ตา ทันใดนั้นก็มีแสงวาบขึ้น ความสงสัยก็แวบเข้ามาในสมอง เหงื่อผุดขึ้นทั้งตัว มิใช่สิ ตนมองข้ามสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากไป!

นางเดินลงบันไดไปทีละก้าว มุ่งตรงไปยังวังเยี่ยนชิ่ง เชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจและโอหัง

ด้านหลังคือหัวหน้าเหอที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ในมือถือมีดคมกริบ

คนในวังที่มิรู้เรื่องรู้ราวมิรู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นพระสนมหลินเฟยสวมชุดฟินิกซ์อย่างสง่าผ่าเผย เดินไปตามทางเดิน ทุกคนก็ต่างก้มหน้าลงอย่างสั่นกลัว มิกล้ามองอีก

ประตูวังเยี่ยนชิ่งถูกพระสนมหลินถีบเข้ามา

ฮุ่ยเฟยที่เฝ้าชายชราผู้เป็นฮ่องเต้ที่ไร้สติ กำลังโซเซจากความง่วงงุน และหาววอดใหญ่ ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงถีบประตู ทำให้นางลืมตาฉับขึ้นมา รู้สึกสายตาพร่ามัว ลายปักสีทองอร่ามตาแทบจะทำให้นางตาบอด

นางเช็ดมุมปาก ทั้งร่างกายก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที

นกฮูกเข้าบ้านในยามวิกาล หากมิมีเรื่องคงมิมา และก็มิใช่เรื่องดีเสียด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา