ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 888

เสียงของอาวุธกระทบกัน เสียงของทหารที่มารายงานนั้นไม่เบาเลยจึงทำให้ดึงดูดสายตาของทุกคนได้ในทันที

เมื่อเห็นมู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนมีสีหน้าตื่นตกใจ พระสนมหลินเฟยก็ยิ่งได้ใจ นางหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “อยู่ไหนล่ะ”

“เพิ่งจะเข้ามาทางประตูวังตะวันตกพ่ะย่ะค่ะ กำลังรอพระสนมเรียกอยู่ที่ด้านล่างพ่ะย่ะค่ะ”

พระสนมหลินเฟยยิ้มอย่างชั่วร้ายมองไปยังเหลิ่งชิงฮวนอย่างได้ใจ “พาเขาขึ้นมา! พวกเจ้าที่คิดต่อต้านข้า ตอนนี้ตัวข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเสียใจทีหลัง”

มือของชิงฮวนจับแขนของมู่หรงฉีแน่นแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนกของเธอ มือของมู่หรงฉที่กำแน่นก็คลายออกแล้วตบปลอบชิงฮวนเพื่อให้เธอสบายใจ

องครักษ์ลงไปแจ้งคำสั้ง ผ่านไปไม่นานก็เห็นคนที่แต่งตัวในชุดองครักษ์หิ้วแขนของอวิ๋นเช่อ เขาเดินก้มหน้าขึ้นไปบนอู่เฟิ่งโหลว

อวิ๋นเช่อดิ้นไปร้องไห้ไป “ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าพวกชั่วข้าจะให้ท่านพ่อจัดการเจ้าให้หมด!”

ใจของทุกคนเริ่มบีบรัดแน่นขึ้นมาราวกับแขวนอยู่บนเส้นผมบางๆอย่างแทบจะหมดลมหายใจ พระสนมฮุ่ยเฟยยิ่งปวดใจจึงก้าวเข้ามาด้านหน้า “อวิ๋นเช่อ! พวกสารเลว!”

อวิ๋นเช่อน้ำหูน้ำตาไหลและเหยียดแขนตะเกียกตะกายไปทางพระสนมฮุ่ยเฟยและโฉวซือเส่า “ท่านพ่อโฉว ท่านพ่อโฉวช่วยข้าเร็วเข้า! เจ้าบ้านี่ตีข้า!”

โฉวซือเส่าจ้องเขม็งไปยังรอสามนิ้วที่อยู่บนข้อมือของอวิ๋นเช่อ เขามองแบบนั้นอยูาสองครั้ง จากนั้นก็เหลือบมององครักษ์ที่จับตัวอวิ๋นเช่อ ขาของเขาไม่ขยับแต่ช่วงหลังของเขากลับแน่นตึง เขาพร้อมโจมตีแล้ว

พระสนมหลินเฟยยิ้มร้ายให้กับอวิ๋นเช่อ “มานี่สิ ให้ข้าดูหน่อย เด็กน้อยผู้น่าสงสาร”

องครักษ์วางอวิ๋นเช่อลงแล้วกอดเขาเอาไว้ อวิ๋นเช่อหดตัว เมื่อเขาหันไปก็เห็นฮ่องเต้ชราที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและพยายามดันตัวไปหาชายชราเพื่อขอให้ช่วย มือเท้าสั้นๆของเขาตะเกียกตะกายราวกับลูกเสือน้อย “เสด็จปู่ เสด็จปู่ช่วยข้าด้วย”

องครักษ์ดูเหมือนว่าไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้แล้ว เมื่ออวิ๋นเช่อดิ้นเขาก็เซถอยหลังไปสองก้าว ฮ่องเต้ชราเป็นห่วงหลานและพยายามดิ้นไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจตัวเอง

พื้นที่ด้านบนประตูนั้นแต่เดิมก็ไม่ได้กว้างขวาง ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว อวิ๋นเช่อเอื้อมมือไปยังลำคอของฮ่องเต้ชราอย่างไม่กลัวมีดที่จ่ออยู่ที่ลำคอของเขา

หัวหน้าเหอไม่ได้มีใจคิดระวังเด็กหกขวบเลยสักนิด และยิ่งนึกไม่ถึงว่าองครักษ์ที่จับตัวอวิ๋นเช่อเอาไว้จะมีอะไรปกปิดเขา

เขาถึงได้ประมาทเลินเล่อจนทำให้มือของอวิ๋นเช่อมาใกล้แขนที่ถือมีดของเขา จู่ๆข้อมือหยกที่เขาสวมก็ขยับและหันไปกัดข้อมือที่ถือมีดของหัวหน้าเหออย่างแรงไปทีหนึ่ง

มือของหัวหน้าเหอสั่นและรู้สักชาที่ข้อมือในทันทีจนไม่สามารถใช้แรงได้ เขารู้ว่าท่าไม่ดีแล้วจคงได้ใช้มืออีกข้างขยับแทน

ในเวลานี้เององครักษ์ที่กอดอวิ๋นเช่อเอาไว้ก็ขยับ เขาหันตัวมาปกป้องอวิ๋นเช่ออีกทั้งยังลงมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขายื่นมือออกไปความดาบสั้นในมือของหัวหน้าเหอและลอบออกแรง

เดิมทีหัวหน้าเหอก็ได้รับบาดเจ็บ เขาเหลือชีวิตอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียว การจับฮ่องเต้ชราไว้ถือเป็นเรื่องที่เปลืองแรง ตอนนี้เขาถูกพิษงู มือข้างนี้ของเขาไม่สามารถใช้ได้ดั่งใจอีกแล้ว ดาบสั้นร่วงลงบนพื้นและพิษงูก็แล่นเข้าสู่หัวใจทันทีทำให้เขาสิ้นชีพที่ตรงนั้น

ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในพริบตาและไม่อยู่ในความคาดหมาย พระสนมหลินเฟยยังไม่ทันได้รู้ตัวโฉวซือเส่าก็ได้ลงมือเสียแล้ว เขาใช้มือข้างหนึ่งลากพระสนมฮุ่ยเฟยและฝ่าสิ่งกีดขวางข้างหน้าไปอย่างไม่สนใจตัวเองและรวมตัวเข้ากับอวิ๋นเช่ออย่างราบรื่น

“ลูกรัก ไม่เป็นไรนะ!อยู่ต่อหน้าความเป็นความตายแล้วไม่ลนลาน มีความตื่นตัวและฉลาดเฉลียว ไม่เสียแรงทีเป็นลุกของข้าโฉวซือเส่า”

องครักษ์ที่กอดอวิ๋นเช่อไว้แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “โฉวซือเส่า เจ้าช่างหน้าไม่อาย”

โฉวซือเส่าชะงักไปแล้วจึงได้รู้สึกตัว เขาก็ตะลึงงันไป “ต่อให้เจ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างไร พอได้ยินทำนองการพูดแบบนี้ข้าก็เดาได้ว่าเจ้าเป็นใคร ทำตัวกลมกลืนและสามารถเป็นใครก็ได้ เจ้าไม่เปลี่ยนไปสักนิด”

มู่หรงฉีกับอ๋องรุ่ยรู้ว่าจะให้พลาดโอกาสนี้ไม่ได้ เมื่อมีีโอกาสก็นำทัพเข้าไปโจมตี

มู่หรงฉีคว้าคันธนูขึ้นมาคันหนึ่งราวกับอินทรีทองสยายปีก เขากระโดดตัวขึ้นไปบนหลังม้า เขาง้างมันออกและหันไปทางพระสนมหลินเฟยที่อยู่เหนือประตูห้าลูกพร้อมกัน

ธนูห้าดอกส่งเสียงหวีดหวิว มีองครักษ์บางคนก้าวเข้าไปด้านหน้าเพื่อปกป้องพระสนมหลินเฟยอย่างไม่สนใจตัวเอง ลูกศรทั้งหมดทะลุผ่านไปหัวใจของพวกเขาเรียงราย

ทหารและผู้คนที่อยู่ไกลๆส่งเสียงเชียร์กันออกมาดังสนั่น จนทำให้ทหารของฝ่ายตรงข้ามหวาดกลัว

มู่หรงฉีเอาธนูขึ้นบนคันธนูอีกสามดอก เขาดึงคันธนูสุดแรง พวกมันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าอีกทั้งยังรุนแรง จากนั้นเขาก็ยิงมันออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้พระสนมหลินเฟยตกใจเสียจนไม่กล้าอยู่บนหออู่เฟิ่งโหลวอีกแล้ว นางทิ้งชุดเกราะและหนีตายออกไปจากอู่เฟิ่งโหลวด้วยความคุ้มครองของผู้บัญชาการฮั่ว

กลุ่มคนที่ขาดผู้นำก็เละเทะ มู่หรงฉีนำทหารเข้าไปทำลายและสลายกองกำลังของฝ่ายตรงข้าม เหล่าอันธพาลเมื่อเห็นกำลังของฝ่ายตัวเองหายไปก็ค่อยๆยอมแพ้และยอมจำนนเพื่อร้องขอชีวิต

ผู้คนภายในวังต่างก็เข้าพวกกันและเข้าต่อสู้ร่วมกัน พระสนมหลินเฟยกับผู้บัญชาการฮั่วนำคนและม้าจำนวนหนึ่งออกไปทางประตูตะวันตกอย่างลนลาน สุดท้ายเมื่อประตูเปิดออกพวกเขาก็เผชิญหน้ากับกิงทัพที่รองแม่ทัพสูงสุดอวี๋นำมา พวกเขาเอาตัวเองเข้าไปในกับดัก

รองแม่ทัพสูงสุดอวี๋ที่มาได้จังหวะ เข้าเพิ่งนำกองทัพเข้ามาในเมืองหลวงยังไม่ทันได้เข้าร่วมที่ประตูอู่ แต่ก็ได้ส่งคนไปดักไว้ที่ประตูวังหลายๆประตูเพื่อรอโอกาส สุดท้ายเขาก็เสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาจับทั้งสองคนเอาไว้ทันทีและพาไปหาฮ่องเต้ชรา

โบราณกล่าวไว้ว่าเมื่อผู้มีอำนาจล้มลูกน้องก็จะหายไป พระสนมหลินเฟยหนีออกไปทำให้อันธพาลกลุ่มนั้นแพ้ยับเยิน แต่ว่าก็ทำให้การใหญ่จบลงอย่าง่ายดาย

ประชาชนต่างส่งเสียร้องอย่างมีความสุขและบอกข่าวต่อๆกันไป

มู่หรงฉีกับอ๋องรุ่ยก็ได้คนไปกวาดล้างกบฏและพาพวกเขาไปขังคุก พระสนมฮุ่ยเฟยควบคุมวังหลัง ลู่กงกงนั้นก็วิ่งวุ่นไปทั่วและสั่งให้คนในวังเก็บกวาดและกลับไปยังที่ของตัวเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา