12 : เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้
“ท่านพี่ท่านป้าให้ข้ามาตามท่าน” เสียงของเซี่ยซือหยางดังขัดจังหวะของทั้งคู่ ศีรษะน้อย ๆ ของเขายื่นออกมา ผ่านช่องประตูที่แง้มไว้เพียงเล็กน้อย
“มีเรื่องอันใดน้องเล็ก” เซี่ยซือซือเห็นน้องชายไม่กล้าเข้ามาก็นึกแปลกใจ
“ท่านหมออวี่มาหาท่านพี่ขอรับ”
เซี่ยซือซือขานรับในลำคอ หันไปทางเจ้าของห้อง เห็นเขาหันหลังกลับไปคัดลอกตำราต่อ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย เซี่ยซือซือทำปากยื่นใส่อย่างหมั่นไส้ เขาก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป
“น้องเล็กทำไมไม่เข้าไปในห้องล่ะ” นางจูงมือน้องชายเดินไปตามทางเดิน
“ท่านป้าถานบอกว่า ห้ามข้าเข้าห้องพี่เขยก่อนได้รับอนุญาต”
พี่เขย ! ทำไมคำนี้ทำนางรู้สึกกระดากอายชอบกล
“เช่นนั้นเจ้าต้องส่งเสียงบอกเจ้าของห้องก่อน รอให้เขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้าไป”
“อื้ม ข้าจะจำไว้”
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของบ้านสกุลถาน เห็นนางถานนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านหมออวี่อยู่ บนโต๊ะด้านข้างมีกาชาร้อนวางต้อนรับ
“เจ้ามาพอดีเลยซือซือ ท่านหมออวี่มีธุระเรื่องน้องสาวของเจ้า”
“ท่านหมออวี่” เซี่ยซือซือโค้งคำนับทักทาย นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง คว้าตัวน้องชายให้นั่งลงบนตักของนาง
“เมื่อวานข้าไปที่ตำบลแต่ดันเจอสหายเก่าที่ห่างหายกันไปนาน ปลีกตัวกลับมาไม่ได้มันมืดแล้ว เลยต้องอยู่ค้างคืนที่โรงเตี๊ยมคืนหนึ่ง ไม่ได้เอายากลับมาให้อาซาน นางเป็นอย่างไรบ้าง” สีหน้าของท่านหมออวี่ไม่ใคร่สบายใจนัก
“อาการของนางคงที่เจ้าค่ะ ข้าทายาภายนอกให้นางแล้ว ท่านหมออวี่ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านจะเข้าไปดูนางเสียหน่อยไหม”
“ไปสิ”
“ท่านป้าถานเจ้าคะ ข้าขอพาท่านหมออวี่เข้าไปดูอาการอาซานก่อนนะเจ้าคะ”
“ข้าเองก็จะไปดูนางอยู่เหมือนกัน ไปพร้อมกันนี่แหละซือซือ” เพราะเซี่ยซือซือเป็นลูกสะใภ้ของนางแล้ว นางถานจึงไม่สามารถให้บุรุษอื่นอยู่กับนางตามลำพังได้ เดินตามหลังพวกเขาเข้าไปภายในห้องฝั่งปีกขวา
ท่านหมออวี่ทำการตรวจชีพจรของอาซาน สีหน้าของเขายังคงไม่เข้าใจอาการของนางอยู่ดี ชีพจรเต้นคงที่ไม่มีตรงไหนบ่งบอกว่าอาการรุนแรงแต่อย่างใด
เซี่ยซือซือเห็นว่านี่เป็นโอกาสดี ที่จะเอ่ยเรื่องการฟื้นของน้องสาว “ท่านหมออวี่เจ้าคะ ไม่รู้ว่าข้ารู้สึกไปเองไหม เหมือนข้าเห็นนิ้วมือของอาซานขยับได้ อาการของนางกำลังดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“เจ้าเห็นนิ้วนางขยับรึ เมื่อใดกันอาซือ”
“เอ่อ เมื่อคืนเจ้าค่ะ ตอนข้าป้อนน้ำให้นาง แต่พอข้าเพ่งดูดี ๆ ก็ไม่ขยับแล้ว จึงไม่ค่อยแน่ใจเจ้าค่ะ”
“ไม่เลว ๆ อาการนางคงดีขึ้นจริง ๆ เจ้าต้มยาที่ข้าซื้อมา พยายามป้อนให้นางกินทุกวัน สามเวลาเช้า กลางวัน เย็น หากโชคดีนางอาจจะฟื้นขึ้นมาในเร็ววันนี้ก็เป็นได้”
“นี่ถือได้ว่าเป็นเรื่องดีใช่ไหมท่านหมออวี่” นางถานรู้สึกดีใจไปกับเด็ก ๆ ด้วย อีกทั้งยังปลดก้อนหินหนักในใจลงได้
“ย่อมดีอยู่แล้วเหลียนฮวา มีแนวโน้มที่ดีเลยล่ะ การขยับร่างกายบางส่วนได้ หมายความว่าร่างกายกำลังฟื้นตัวขึ้นมา อีกหน่อยคงขยับได้ทั้งตัว” ท่านหมออวี่สีหน้าสดใสขึ้นมาในทันที อาการป่วยของเซี่ยซานซานนั้นแปลกนัก หากนางไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เขาคงรู้สึกค้างคาใจไปจนวันตาย
แต่คนรู้ความจริงสองคน กลับรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เซี่ยซือซือคิดว่าอีกสองวันนางคงต้องน้องสาวฟื้นขึ้นมาแล้ว
“เจ้าล่ะเหลียนฮวาอาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จู่ ๆ ท่านหมออวี่ก็หันไปทางนางถาน
“ข้ากินยาต้มตามเทียบยาของท่านหมอในตำบลอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าอาการไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรนัก” นางถานทำหน้าหมดหวัง ไม่ว่าจะเปลี่ยนหมอสักกี่คน ทุกคนต่างพูดไปในทิศทางเดียวกันหมด นั่นคือหมดทางเยียวยา
“ข้ามันไร้ความสามารถรักษาเจ้าไม่ได้”
“โทษท่านได้อย่างไร ขนาดท่านหมอในตำบลยังรักษาข้าไม่ได้เลย เรื่องนี้คงต้องโทษตัวข้าเองที่ร่างกายอ่อนแอเกินไป”
เซี่ยซือซือเดินมาส่งท่านหมออวี่กับนางถานตรงประตูหน้าบ้าน ได้ยินสิ่งที่พวกเขาสนทนากันตลอดทาง พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก นางถานมีอาการไออย่างรุนแรง นางไม่ใช่หมอจึงไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ที่เข้าใจคือท่านหมออวี่รักษาไม่ได้ ส่วนหมอในตำบล ทำได้แค่เขียนเทียบยาบรรเทาอาการให้เท่านั้น
มื้อเที่ยงที่นางถานทำต้อนรับลูกสะใภ้ มีเพียงข้าวต้มผสมธัญพืชหยาบ ส่วนกับเป็นผักป่าผัดใส่น้ำมันกับเกลือ ไม่มีเนื้อสัตว์แต่อย่างใด เซี่ยซือซือลองเดินไปเปิดดูถังข้าวสาร พบว่ามีอยู่เพียงก้นถังเท่านั้น ส่วนพวกแป้งก็เหลืออยู่ติดก้นถุง ไม่รู้จะอยู่ได้อีกสักกี่วัน
“เสี่ยวซือหยางเจ้าไปเรียกพี่เขยเจ้าออกมากินข้าวได้แล้ว” นางถานบอกเด็กน้อยระหว่างวางถ้วยข้าวลงบนโต๊ะ
“ขอรับท่านป้า” เซี่ยซือหยางรับปากแล้วรีบวิ่งไปตามถานจ้านที่ห้อง เขาหยุดยืนรอหน้าประตูอย่างที่พี่สาวสั่งสอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ
รออัพเดตค่ะ...
รอ รอ รอ เงียบหายไปเลยค่ะ ยังรออยู่นะคะ...
เรื่องนี้ก็สนุกนะคะ...
รอติดตามอยู่นะคะ...