ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 23

“อ้าว ไม่บอกแล้วผมจะรู้ไหม”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นค่ะ”

“แบบนี้สงสัยผมคงต้องเดินโอบเอวซะแล้ว”

“ชิส์ คนบ้า” ร่างบางลุกเดินกระแทกเท้านำหน้าชายหนุ่มออกไป เขามองแผ่นหลังอรชรแล้วต้องอมยิ้มก่อนจะก้าวตามไปยียวนให้หัวใจแห้งเหี่ยวพองโต

“รีบไปไหนล่ะครับ...รอก่อนสิพิตต้า”

“เดินตามให้ทันแล้วกัน”

“พิตต้า” มือหยาบคว้าข้อมือสาวแล้วค่อยๆ เลื่อนไปประสานที่ฝ่ามือเธออย่างอ่อนโยน เล่นเอาแก้มเนียนแดงระเรื่อร้อนผ่าว หญิงสาวไม่กล้าหันไปมองใบหน้าคมเข้มที่จับจ้องเธอ เรียวปากฝืนให้เรียบไม่เผยรอยยิ้มพึ่งพอใจให้เขาเห็น แต่แววตาสวยเป็นประกายอย่างมีความสุข

“มือจับพิตต้าทำไมคะ...เดี๋ยวใครเห็นเข้าคุณจะเสียหายนะ”

“ผมเหรอจะเสียหาย...แต่ก็ยอมถ้าได้เดินจับมือคุณ”

“อีตาบ้า...ยังจะมาทำหน้าทะเล้นอีก” หญิงสาวจะเดินหนี แต่พันธนาการที่เขาเกี่ยวมือเรียวไว้แน่นเกินกว่าจะปล่อยให้เธอหลุดลอยไป ชายหนุ่มเอียงหน้ามองหญิงสาวแล้วก็อดที่จะยิ้มให้ความน่ารักของเธอไม่ได้

“คุณเขินเหรอ” รู้ทั้งรู้ว่าหญิงสาวเขินอายมากขนาดไหน ชายหนุ่มก็ยังที่จะแซว

“โอ๊ย หยุดทำหน้าตาทะเล้นได้แล้วค่ะ”

“น่านะ ที่รัก เดินจับมือกันแบบนี้โรแมนติกจะตาย” ธัญญ์ยื่นใบหน้าคมเข้มไปใกล้แก้มเนียนที่แดงระเรื่อ

“โรแมนติกตรงไหนมิทราบ คนมองเยอะแยะน่าอายจะตาย”

“ไม่ชอบเหรอ...ถ้างั้นผมปล่อยก็ได้”

“อย่านะ” หญิงสาวหันมาร้องห้ามเสียงหลง แล้วเธอก็ต้องเขินอายกว่าเดิมเมื่อปลายจมูกโด่งของคนข้างๆ สัมผัสแก้มเธออย่างจัง

“คุณธัญญ์”

“หอมจัง...แก้มคุณแดงมากเลยรู้ไหม” กำปั้นเล็กๆ ทุบไหล่กว้างเบาๆ ราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง

“กลับกันได้หรือยังคะ...คนมองกันใหญ่แล้ว”

“เรายังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ”

“พิตต้าทานไม่ลงแล้วค่ะ รู้สึกมันแน่นๆ ยังไงไม่รู้” หญิงสาวไม่กล้าสบสายตาสีน้ำตาเข้มนั้นตรงๆ เธอรอบมองผ่านเวลาหันไปตอบคำถามเขา

“งั้นกลับก็ได้ครับ”

“แต่ถ้าคุณหิว เราแวะซื้ออะไรไปทานก็ได้นะคะ”

“ครับ...พิตต้าเลือกเลยแล้วกัน เอาไปทานในรถก็ได้ เวลานี้รถคงติดกว่าตอนที่มาอีก”

“ก็ได้ค่ะ ทานผลไม้ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างเอา ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโตขึ้นเป็นกอง

“ครับ...ไม่ต้องเลือกหวานๆ นะ...เดี๋ยวผมเติมความหวานให้” พิยะตาตีร่างหนาอย่างเขินอาย พนักงานในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างมองทั้งคู่หยอกล้อกัน บ้างก็อมยิ้มเขินอายแทนหญิงสาว ทำให้พิยะตาทำอะไรไม่ถูกเธอแทบจะบีบส้มในมือให้แตก

“พิตต้า ส้มมันจะแตกแล้วนะครับ”

“อุ๊ย...คุณนั่นแหละแกล้งพิตต้า ดูสิพนักงานมองกันใหญ่แล้ว”

“เค้ามองคนสวยน่ะสิ”

“อีตาบ้าเล่นไม่เลิกนะ” หญิงสาวรีบเลือกผลไม้แล้วก็เดินหนีคนทะเล้น แต่ขายาวก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวห่างกายเขาอีก ธัญญ์รีบเดินตามมาชำระเงินค่าอาหารมื้อที่เขาคิดว่าวิเศษที่สุด

“เป็นแฟนกันเหรอคะ...น่ารักจริงๆ เลยค่ะ” พนักงานสาวแอบแซวจนหญิงสาวหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ เธอไม่รู้จะทำอะไรได้บิดไปมาเขินอาย ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างชื่นชม

“ปะ เปล่าค่ะ” หญิงสาวตะกุกตะกักไม่กล้าตอบ

“แหม ไม่ต้องอายหรอกค่ะ เรื่องธรรมดา เป็นแฟนกันก็ต้องหวานใส่กันสิคะ”

“ครับ แฟนผมน่ารักไหม”

“สวยมากค่ะ”

“คุณธัญญ์” พิยะตาเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ ที่ชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของเธอต่อหน้าคนอื่น ทั้งที่หัวใจแอบชื่นบานที่เขายอมรับเธอ แต่อีกความรู้สึกก็กลัวเรื่องนี้จะรู้ถึงหูของคนมีบุญคุณ ธัญญ์ยังคงจูงมือสาวร่างบางอย่างอ่อนโยน เขาพาเธอมายังที่จอดรถพร้อมเปิดประตูข้างคนขับให้เธอก้าวเข้าไปนั่งสบายๆ พิยะตาอมยิ้มมีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ในรถ แม้จะรู้ว่านี่เป็นความสุขชั่วครู่แต่มันก็น่าที่จะเก็บเกี่ยวความทรงจำเอาไว้ให้นานที่สุด

สองร่างชายหญิงนอนกอดก่ายใต้ผ้าห่มนุ่ม แขนกำยำหนาพาดร่างบางเกี่ยวตัวหญิงสาวเข้ามาแนบชิดร่างกายอย่างอ่อนโยน สันจมูกคมเชยชิดไหล่ขาวไม่ยอมห่าง ร่างบางขยับตัวคลายความเมื่อยจากการพันธนาการของร่างหนา แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอออกห่างเลย

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

“ก็คุณนั่นแหละทำให้พิตต้านอนไม่หลับ”

“คิดถึงผมหรือไง”

“จะบ้าเหรอ...คุณเอาแต่ยุกยิกตามตัวพิตต้า แบบนี้จะหลับลงได้ยังไงคะ”

“ก็ตัวคุณหอมขนาดนี้ จะให้ผมอดใจไหวเหรอ” พูดจบชายหนุ่มก็จับร่างบางให้หันมาทางเขา พร้อมทั้งพรมจูบบนปากสีหวานอ่อนนุ่มที่สุด ปลายลิ้นที่ซุกซนตวัดนัวเนียเรียวลิ้นบางเบาๆ

“อืม ยังเช้าอยู่เลยนะคะ”

“บรรยากาศแบบนี้น่ะสิดี ถ้าคุณเสียงดังจะได้ปลุกคนอื่นแทนนาฬิกาปลุกไง”

“คุณธัญญ์ก็ แหย่พิตต้าอีกแล้วนะ...ตัวเองนั่นแหละเสียงดัง” หญิงสาวนึกหมั่นไส้พลิกร่างตัวเองให้ขึ้นมาอยู่เหนือชายหนุ่มก่อนที่จะบรรเลงจูบอย่างดูดดื่ม เรียวปากบางประกบปากใหญ่แทรกลิ้นเข้าสำรวจภายในปากของคนหนุ่มอย่างร้อนแรง เล่นเอาคนแข็งแกร่งสะดุ้งวาบไปทั้งตัว เสียงดูดกลืนน้ำหวานของทั้งคู่ดังประสานเป็นเสียงเดียวกัน มือบางเลื่อนลูบไล้แผงอกกว้าง มัดกล้ามหน้าอกกระตุกรับสัมผัสเป็นอย่างดี

“คุณจะแกล้งผมเหรอ”

“เปล่านะ...พิตต้าแค่ไม่อยากให้คุณเหนื่อยต่างหาก” หญิงสาวซุกใบหน้าลงกับเนินอกที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ปลายลิ้นวนรอบอกที่ชูชันไม่แพ้ทรวงที่แข็งเป็นไตของเธอ มือสาวยังลูบไล้ไปตามสัดส่วนต่างๆ จนถึงแก่นกายชายที่กำลังผงาดรอให้เธอเข้ามาจับจ้อง สิ่งนั้นก็ตอบสนองมือบางอย่างดี

“อย่าแกล้งผมนะครับ...อืม” ใบหน้าสวยเลื่อนขึ้นซุกไซ้ซอกคอที่แข็งไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะประกบจูบดื่มด่ำความสุขที่อบอุ่น

“อืม...คนดีของผม” ชายหนุ่มไม่อยากทนอัดอั้นอีกต่อไปเขาพลิกตัวทาบทับร่างสาว มือหนาบีบทรวงอกอิ่มสลับกับการขบเม้ม ความเสียวซ่านทำให้คนสาวเอนแอ่นตัวสู้การปรนเปรอของชายหนุ่ม

“อืม อ้า...อืม” นิ้วยาวเวียนวนคลอเคลียกลีบกุหลาบสีสด เกสรที่ชูชันท้าทายให้ภมรตัวผู้เข้าเก็บเกี่ยวตักตัวความสุข ชายหนุ่มรีบเข้าประชิดร่างบางทันทีที่เธอส่งเสียงครางกระเซ้า

“อ๊า ซี้ด” ความคับแน่นของเธอไม่ได้คลายลงเลย แรงตอดรัดก็เช่นกัน ยิ่งแก่นกายชายพุงชนเป้าหมายแรงแค่ไหน เนื้อนุ่มในร่างกายสาวก็บีบแน่นจนชายหนุ่มแทบขาดใจ

“อืม...โอ๊ว ซี้ด รอผมก่อนนะ”

“ซี้ด อะอ๊ะ” เครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนถูกเร่งเต็มแรง เอวหนาบิดเกร็ง กล้ามเนื้อขาแข็งเป็นมัด เพียงไม่กี่อึดใจร่างทั้งสองก็กระตุกหนักแน่น พร้อมกับการคลอเคลียเต็มความโหยหาของกันและกัน

“ไม่ค่ะ คุณรักโด่งไม่ได้ ฮือ”

“ทำไม คุณปิดกั้นทุกอย่างไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เลย”

“โด่งรู้ค่ะว่าที่คุณทำมันคือความจริงใจ แต่ได้โปรดนะคะ สิ่งที่โด่งตัดสินใจไปมันก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุดค่ะ”

“ผะ ผมรับไว้ก็ได้ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณ”

“ฮือๆ คะ คุณธีร์ โด่งขอโทษค่ะฮือ” ดนุพรผลักร่างที่โอบกอดออกห่างก่อนจะวิ่งปาดน้ำตาเข้าไปในบ้านพักตากอากาศที่ธีร์จองเอาไว้เพื่อให้หล่อนได้พักผ่อน

“โด่ง” ธีร์เอ่ยเรียกแผ่วเบา เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หวาย ความหนักใจที่ทวีคูณเข้ามาทำให้เขาเริ่มปวดหัวจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับ สิ่งที่เขาทำทุกอย่างก็เพื่อให้หล่อนใจอ่อนยอมให้เขาได้ดูแลอยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่หนักใจมากที่สุดก็คือการรับพิยะตาเข้ามาเป็นคนหนึ่งในครอบครัวสินสาโรจน์

เช้าวันที่ท้องฟ้าสีครามหม่นหมอง ร่างบางเดินเหนื่อยล้าออกมารอชมดวงอาทิตย์ขึ้นทักทายท้องฟ้า สีหน้าที่ซีดบ่งบอกว่าเธอคงไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงนกน้อยที่ร้องเรียกบรรดาหนอนให้ขึ้นมาเป็นอาหารคลอเป็นเพลงที่ฟังยังไงก็เศร้ายิ่งนัก

“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”

“ค่ะ...อยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นน่ะคะ” ธีร์เดินเข้ามายืนข้างๆ มือสองข้างจับรั้วไม้ที่กั้นระเบียง

“ยามเช้าอากาศสดชื่นจังนะ”

“ใช่ค่ะ...โด่งอยากกลับบ้าน” ชายหนุ่มหลับตาแล้วถอนหายใจ เขาคิดอยู่แล้วว่าจะต้องได้ยินประโยคนี้ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“ได้ครับ แต่ผมขออยู่ที่นี่อีกวันหนึ่งนะครับ...อากาศดีๆ แบบนี้ไม่อยากรีบทิ้งไปเลย” เขาจงใจทิ้งท้ายให้หล่อนเห็นด้วยกับเขา

“กลับไปคราวนี้หวังว่าคงได้ยินข่าวดีบ้างนะคะ”

“คุณหมายถึง”

“เรื่องพิตต้า...อย่าลืมสิคะว่าแกไปอยู่บ้านคุณหลายเดือนแล้ว ผู้หญิงต้องเสียหายเป็นธรรมดา”

“ตกลงว่าคุณจะให้พิตต้ามาเป็นเอ่อ” ธีร์ไม่กล้าพูดประโยคหลัง เขาหนักใจกับเรื่องนี้มาก การที่รับพิยะตามาอยู่ในบ้านก็เพื่ออยากจะให้ดนุพรคลายกังวลว่าหลานสาวจะมาจมอยู่กับสิ่งไม่ดี แต่ความต้องการที่แท้จริงของหล่อนนั้นเขาคงจะให้ไม่ได้ รู้ไปถึงไหนก็คงมีแต่คนด่าว่าเขาเป็นเฒ่าหัวงูที่มีเมียอายุยี่สิบปี

“ใช่ค่ะ คุณเข้าใจถูกแล้ว”

“ผมขอคิดดูก่อน”

“ยังต้องคิดอะไรอีกคะ...หรือหลานสาวของโด่งดีไม่พอที่จะเป็นภรรยาของคุณ”

“เปล่าเลย หนูพิตต้าเธอน่ารักมาก แค่ผมยังไม่พร้อม”

“อย่าคิดนานนักนะคะ...บาร์ก็ใกล้เสร็จแล้ว”

“ผมรู้...ยังไงซะผมก็ไม่ปล่อยบาร์กินนรีหลุดไปถึงมือเสี่ยพงษ์แน่นอน”

“ค่ะ มันเป็นเรื่องที่โด่งกังวลมากที่สุด”

“ผมรับปากคุณเรื่องบาร์เลยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องอื่นผมขอเวลาซักหน่อย”

“ตามใจคุณค่ะ กาแฟไหมคะ เดี๋ยวโด่งจะไปชงมาให้”

“ครับ” ดนุพรยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในบ้านพัก

“โด่งขอโทษจริงๆ นะคะคุณธีร์ ฮือๆ” คล้อยหลังชายหนุ่มร่างบางก็สั่นสะท้านร้องไห้ตัวโยน ดนุพรเสียใจมากที่ตัวเองเกิดมาอาภัพนักมีรักก็ไม่อาจจะครอบครองได้ ยิ่งเห็นเขาแสดงความรักมากมายขนาดนี้หล่อนยิ่งต้องทำอะไรซักอย่างให้เขาลืมหล่อนให้ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม