ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 31

“อะไรนะ”

“เปล่าค่ะ โด่งแค่บอกว่าแขกเยอะดีจริง”

“แน่นอน บาร์กรีนเนอร์รีจะต้องดึงดูดแขกให้กลับมาเหมือนเดิม และเพิ่มขึ้น ผมเชื่อว่าเด็กสองคนนั่นทำได้”

“ถ้าเป็นความสามารถ โด่งไม่เถียงค่ะ”

“ความคิดของคนรุ่นใหม่มันน่าจะดึงดูดคนมากกว่าหัวโบราณอย่างผมนะ”

“ใช่ค่ะ แต่เรื่องอื่นโด่งไม่แน่ใจ”

“คุณจะบอกอะไรผม ว่ามาเลยดีกว่า”

“ก็โด่งเห็นสองคนนี้เค้าไม่ค่อยถูกกัน จะให้ทำงานร่วมกันมันคงจะแปลกๆ นะคะ”

“ก็จะได้ปรับตัวเดี๋ยวก็ดีกันเอง อีกอย่างพิตต้าจะต้องมาเป็นครอบเดียวกับผมยังไงก็หนีไม่พ้นที่จะต้องร่วมงานกับเจ้าธัญญ์อยู่แล้ว” เหตุผลของธีร์ทำให้ร่างสูงโปร่งไม่สามารถโต้แย้งได้อีก หล่อนยอมรับจุดนี้ถ้าอยากจะให้พิยะตาแต่งงานกับธีร์ ยังไงเสียก็ต้องได้ใกล้ชิดกับหลานชายตัวแสบอยู่แล้ว

“คุณพิตต้าครับ” พิยะตาหันมองตามเสียงทุ้มที่เรียกเธอ ใบหน้าคมคายดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

“สวัสดีค่ะคุณวราวุฒิ”

“ครับ”

“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์สละเวลามางานเปิดบาร์”

“ยินดีด้วยครับผู้บริหารคนใหม่” หญิงสาวยิ้มให้อย่างยินดี เธอดีใจไม่น้อยที่จะได้ดูแลบาร์นี้ด้วยตัวเอง แต่ที่กังวลคือเพื่อนร่วมงานต่างหาก คนที่ใจคอโหดร้ายจะมาดูแลใครได้

“จะแสดงความยินดีกับพิตต้าทั้งทีพูดอย่างเดียวได้ยังไงคะ...ดื่มฉลองกันหน่อยไหม” เสียงหวานสดใสเชื้อเชิญ ใบหน้าที่สวยเด่นสะท้อนแสงนีออนเป็นประกาย วราวุฒิกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบรับด้วยความตื่นเต้น

“ได้สิครับ...แต่ผมดื่มไม่เก่งนะ”

“แหม พิตต้าก็ไม่ใช่นักดื่มซะหน่อยค่ะ เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวเดินนำทางไปยังโต๊ะสูงทรงกลมมุมหนึ่งของบาร์ที่ยังว่างอยู่ ร่างบางเดินเบียดเสียดเปิดช่องทางให้ชายหนุ่มเดินตามได้สะดวก แขนเรียวถูกกระแทกด้วยสีข้างหนา หญิงสาวเงยหน้ามองหมายจะขอโทษแต่ดวงตาที่แข็งกร้าวกลับจ้องมองราวกับจะกินเนื้อเธอ รอยยิ้มมุมปากของคนเย่อหยิ่งทำเอาแก้มเนียนร้อนผ่าว

“รอพิตต้าด้วยค่ะคุณวุฒิ” คนสาวเบนความสนใจไปให้ชายอีกคน ทำเอาใบหน้าเข้มกระตุกด้วยความโกรธ มือหนากำเอาไว้จนแน่นเส้นเลือดที่แขนและหลังมือปูดโปน

“ดื่มอะไรดีครับคุณพิตต้า”

“เอาเหมือนคุณวุฒิดีกว่า...จะได้ไม่น้อยหน้ากัน” เด็กเสิร์ฟที่รับออเดอร์รีบไปจัดหาเครื่องดื่มเย็นให้เจ้านายคนใหม่ทันที ไม่กี่อึดใจทุกอย่างก็พร้อมเสิร์ฟตรงหน้า

“เชิญค่ะ...รับลองพิตต้าไม่มอมคุณวุฒิแน่ๆ”

“ผมไม่กลัวเมาเหล้าหรอกครับ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่”

“อะไรคะ...พูดแบบนี้พิตต้าคิดไปไกลนะ”

“คิดว่ายังไงครับ”

“ไม่บอกค่ะ คริคริ” พิยะตาแสดงอารมณ์ขบขันให้คนตรงข้ามเฮฮาไปกับเธอ แก้วใสถูกยกขึ้นกระทบอีกแก้วส่งเสียงเว้าวอนให้คนหนุ่มต้องยกขึ้นดื่ม

“ว้าว ไหนบอกดื่มไม่เก่งยังคะ”

“ก็จะให้ยอมแพ้คนสวยๆ แบบคุณพิตต้าได้ยังไงครับ”

“เอาอย่างงั้นเลยเหรอ...พิตต้าก็ไม่อยากแพ้นะคะ งั้นชนแก้วเลย” คนสวยยื่นแก้วให้เขากระทบอีกครั้ง พร้อมยกดื่มจนหมดแล้วสั่งต่ออีกหลายแก้ว

“อืม สงสัยคืนนี้ต้องเมาแน่ๆ”

“งั้นพอก่อนไหมครับ ดื่มมากไปก็ไม่ดีกับสุขภาพนะ”

“คุณวุฒิเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ทำไมครับ...ผมแปลกไปเหรอ” พิยะตามุ้ยหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เขา

“ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย สบายดีทุกอย่างครับ”

“แต่สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลย ถ้าร่างกายปกติงั้นก็คงกังวลอะไรอยู่ใช่ไหมคะ ไม่สบายใจเรื่องอะไรบอกพิตต้าได้นะ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็ยินดีรับฟังค่ะ” ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรคนสาวก็ดักคอเสียแล้ว เธอคงช่วยอะไรเขาไม่ได้จริงๆ เพราะสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจนั้นก็คือตัวเธอนั่นแหละ นับตั้งแต่ได้พบเจอเขาก็มีภาพเธอวนเวียนตลอดเวลา ยิ่งวันนี้ได้รับรู้สถานะก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวใจ ถึงมันยังคงเต้นแต่อาการบอบช้ำมันก็สาหัสพอสมควร

“บอกไปแล้วเดี๋ยวก็พลอยทำให้คุณพิตต้าไม่สบายใจอีกคน ผมว่าเก็บไว้คนเดียวจะดีกว่า”

“แหม มันคงเป็นเรื่องสำคัญมากใช่ไหมคะ”

“ทำนองนั้น สำคัญมากเสียจนผมไม่รู้จะพูดยังไง” วราวุฒิตอบคำถามอย่างหนักใจ สายตาเขาจับจ้องใบหน้าหวานอยากให้เธออ่านความหมายของสายตานั้นออกจริงๆ

“เอ่อ จะกลับหรือยังคะ พิตต้าจะเดินไปส่งที่รถ”

“โอ้โฮ ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วหันมองไปรอบตัว แขกที่มาร่วมงานทยอยกันกลับแล้ว เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะที่ยังนั่งดื่มกันอยู่

“จะตี 2 แล้วค่ะ”

“เราดื่มกันเพลินเลยนะครับ”

“แน่ใจเหรอคะว่าคุณวุฒิดื่มเพลิน พิตต้าเห็นเอาแต่จ้องหน้าพิตต้า แล้วก็ถอนหายใจ”

“อะ เอ่อ ผมทำแบบนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย” เขาทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ตัวว่าแสดงท่าทางแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“นี่คุณวุฒิ หน้าพิตต้าซีดขนาดนี้ยังจะว่าพูดเล่นอีก มองจนจืดเลย” พิยะตายังคงพูดอย่างอารมณ์ดี

“นั่นสินะ ผมอยากทำมากกว่ามองซะด้วยซ้ำ”

“อะไรนะคะ” เสียงใสสวนทันที

“เปล่าครับ ผมแค่บอกว่าน่าจะกลับได้แล้วครับ”

“ค่ะ...งั้นพิตต้าจะไปส่งที่รถค่ะ” วราวุฒิเดินเคียงข้างร่างบาง เขามีอาการอึกอักบ้างก็ขัดเขินเวลาที่เผลอสัมผัสถูกตัวคนสาว ดวงตากลมมองเขาอย่างแปลกแต่ก็อดขำไม่ได้ที่เห็นนหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ

“สงสัยจะเมานะเนี่ยแก้มแดงเชียว”

“แดงเพราะอยู่ใกล้คุณพิตต้ามากกว่าครับ”

“ใกล้พิตต้าเหรอ นั่นแน่แสดงว่าเขิน” มือที่กำลังจะเปิดประตูรถยนต์ชะงักเมื่อหญิงสาวรู้ความในใจเขา ใบหน้าคมยิ่งเพิ่มดีกรีความแดงจนเห็นชัดกว่าเดิม

“เขินพิตต้าจริงๆ เหรอคะ” เสียงใสถามราวกับกระซิบ

“อย่าแซวสิครับคุณพิตต้า”

“ค่ะ ไม่ถามก็ได้ คริคริ” ชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว เขากดเปิดกระจกแล้วส่งรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งให้หญิงสาว เธอเองก็รับไว้ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แต่ความหมายนั้นมีเพียงไมตรีของความเป็นเพื่อน

“ขับรถดีๆ นะคะ”

“ครับ แล้วเจอกันใหม่” พิยะตาโบกไม้โบกมือขณะที่รถค่อยๆแล่นออกไป หญิงสาวยังคงยืนยิ้มขบขันที่เห็นอาการเก้อเขินของวราวุฒิ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีเงาสีดำพาดผ่านตัวเธอจนซ้อนเป็นเงาเดียวกัน

“มีความสุขจริงๆ นะ” ร่างบางหันขวับกลับมามองด้านหลัง ใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ใกล้แค่เอื้อมจนเธอตกใจผงะถอยไปหนึ่งก้าว

“จะตกใจอะไรขนาดนั้น...ผมคนนะ ไม่ใช่ผี”

“เหรอคะ ฉันก็คิดว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่มีที่ไป คอยตามจิกหาเรื่องคนอื่นไปวันๆ”

“นี่คุณ ถึงกับแช่งผมเชียวเหรอ”

“เปล่าค่ะฉันพูดไปตามที่เห็น ไม่ได้คิดจะแช่งใคร” เสียงขบกรามดังเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้

“อืม อ๊า” ชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้าแดงกล่ำอย่างพึงพอใจก่อนจะสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปใต้กระโปรงเขาค่อยๆค้นหาทางสัมผัสเนินเนื้ออวบนุ่มจากด้านหลัง เมื่อมือซอกซอนจนเจอสิ่งยั่วยุคนสาวก็รีบหนีบขาของตัวเองโดยอัตโนมัติ แต่มีหรือมือซุกซนจะยอม เขาบีบสะโพกกลมอย่างแรงจนร่างกายสาวกระเด้งชนตัวเขา

“อ๊า”

“อย่าดื้อสิคนสวย มาสนุกด้วยกันนะ” เขากระซิบเสียงแหบพร่าจนคนสาวขนลุกสะท้านไปทั้งตัว

“อย่าค่ะคุณธัญญ์”

“เธอทำให้ฉันโกรธรู้ไหม”

“อืม อ๊า โกรธทำไมคะ” เสียงคนสวยอ่อนระทวย

“...” ไม่มีเสียงตอบ ชายหนุ่มชะงักกิจกรรมไม่กี่วินาที เขาก็บรรเลงเพลงรักที่ร้อนแรงกว่าเดิม ร่างบางถูกดันไปจนติดโต๊ะ มือไม้ป้ายปัดด้วยความกระสันจนแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะกลิ้งตกแตก

“อดทนหน่อยสิคนสวย”

“อืม...ไม่นะคะอย่าทำอะไรพิตต้าอีกเลย”

“ผมอดใจไม่ไหว เวลาที่ได้เห็นความสวยของคุณ”

“แต่พิตต้าเป็น” ก่อนที่เสียงคำสุดท้ายจะออกมาปากหนาก็งับเรียวปากบางจนมิด เบียดบดดูดด่ำน้ำหวานแทบหายแห้ง เสียงลมหายใจของคนสาวต่ำลดราวกับเหนื่อยล้า มือที่ผลักไสกลับบีบเคล้าไหล่กว้างจนเนื้อแข็งแรงกระตุก จมูกโด่งคลอเคลียแก้มใสเลื่อนไล้ต่ำลง ชายหนุ่มลูบไล้ทุกสัดส่วนพอถึงบั้นท้ายกลมเขากลับบีบแน่นแล้วตบเสียงหนักๆจนร่างสาวกระแทกใส่ตัวเขา ปากหนาจูบเคล้นเม้มผิวขาวจนแดง เขาสูดดมกลิ่นอย่างกระหายเสียงครางกระตุ้นอวัยวะชายให้แข็งตัว

“อ๊า” ชายหนุ่มปลดกระดุกกางเกงอวดความแข็งแกร่งที่ผงาดท้าทายความสาว แล้วแทรกส่ายผ่านช่องระหว่างขาที่หญิงสาวอ้ารอความสุขจากเขาโดยไม่รู้ตัว แรงที่เบียดเสียดดันเข้าออกร้อนแรงจนทั้งคู่ต้องสูดลมหายใจทางปาก

“อืม ซี้ด” ตัวสาวแอ่นเอนไปด้านหลังโดยมีมือหนารั้งเอาไว้ ส่วนอีกมือประคองเอวบางให้รับน้ำหนักที่เขาขับส่งเป็นจังหวะหนักแน่น

“อ๊า คุณธัญญ์ ซี้ด” หญิงสาวเสียวสะท้านจนครางชื่อเขาเบาๆ อกอูบอวมชูชันเย้ายวนให้ชายหนุ่มก้มลงไปดูดด่ำความหอมนุ่มนวล ยอดอกแข็งเป็นไตสีสวยหวานเสียจนเขาเผลอขบด้วยฟันจนร่างบางสะดุ้ง

“โอ๊ย เจ็บนะ”

“ฮึๆ คุณยังสวยเหมือนเดิมนะ”

“อืม อ๊า” เอวหนาเป็นมัดกล้ามบิดเบียดกระแทกร่างบาง ความนิ่วนวลของคนสาวตอดรัดจนเขาสะท้านกระสันไปทั้งตัว ชายหนุ่มออกแรงดันฮึมเหิมจนสุดตัวร่างบางเกร็งกระตุกมือจิกไหล่จะจนแทบเป็นแผล

“สบายตัวขึ้นไหม” น้ำเสียงที่ถามราวกับเย้ยหยันคนสาวเธอมองค้อนเขาก่อนจะผลักให้ร่างกำยำออกห่างจากเธอ แต่คนหนุ่มยังคงไม่อิ่มหนำเขาคว้าแขนเรียวแล้วดันตัวคนสวยให้ตะแคงข้างก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่วเบา

“ผมยังไม่พอใจเลยจะรีบไปไหน” ดวงตากลมเบิกกว้าง น้ำใสคลอเล็กน้อยเธอจ้องมองพื้นสีดำเขม็งฟันที่ขบเข้าหากันส่งเสียงดังแต่เสียงจุมพิตของคนหนุ่มคงกลบเสียหมด สะโพกโหนกนูนถูกกดด้วยร่างแข็งแรง

“อ๊า เจ็บนะ”

“เสียวดีจัง”

“คนเลวออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้” เสียงขับไล่ทำให้เขาโกรธกดอาวุธชายพรวดเดียวหายเข้าไปในร่างกายสาว เธอสะดุ้งสุดตัวพร้อมน้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บปวด แต่พอชายหนุ่มออกตัวขับเคลื่อนไม่กี่อึดใจหญิงสาวก็ต้องส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจในความเสียวซ่านที่เขามอบให้

“ซี้ด อ๊าๆ” แขนเรียวถูกพาดไว้กับคอหนา เขาก้มลงใช้ลิ้นลู่วนเวียนยอดอกสีหวานแล้วเลื่อนไปจุมพิตเธออย่างดูดดื่มลิ้นเรียวแลกรสดูดกลืนน้ำลายของชายหนุ่มไม่ขัดขืน หญิงสาวเริ่มร่วมด้วยกับกิจกามของชายหนุ่ม เขาเองก็ถูกใจที่เห็นคนสาวมีอารมณ์ร่วม

“อืม เก่งมากคนสวย” รอยยิ้มที่เธอส่งให้เขาช่างเต็มไปด้วยความเจ็บโกรธแค้น ขาเรียวแยกออกให้เขาสนุกกับร่างกายเธอสะดวกขึ้น ลิ้นหนายื่นออกตวัดรัดเรียวลิ้นหวาน

“จ๊วบ” หญิงสาวเบี่ยงตัวให้ขึ้นมาอยู่บนร่างของคนหนุ่มแทน เขาช้อนร่างบางอย่างรู้ใจแล้วใช้ขาข้างหนึ่งเหยียดยาวออกไปในขณะที่ตัวเองนั่งอยู่บนที่เท้าแขนของโซฟา การเบียดร่างที่กลมกลึงแนบชิดตัวหนายิ่งทำให้อารมณ์ทางเพศของเขาทวีคูณขึ้น มือจับบั้นท้ายเต่งตึงช่วยยกให้หญิงสาวโยกตัวง่ายขึ้น ส่วนคนสาวเหมือนรับสัมผัสความสะท้านของคนหนุ่มได้เธอไม่ถอยหนีกระแทกก้นหนักหน่วงลงบนหน้าขาส่งเสียงเป็นจังหวะให้เอวหนาแอ่นรับ ความคับแน่นบีบรัดจนเขาเผลอซูดเสียงไปหลายทั้ง ชายหนุ่มเงยหน้าสูดลมหายใจหอบเหนื่อยมือบีบเอวสาวจนแน่นแล้วเขาก็กระตุกหนักๆ พร้อมถอนหายใจราวกับยกของหนักออกจากร่างกายได้สำเร็จ

“เหนื่อยไหมคนดี” ธัญญ์กระซิบ

“ชิส์” พิยะตาลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อยแล้วหันมามองใบหน้าคมเข้มอย่างเยาะเย้ยก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ชายหนุ่มงุนงงกับอาการของเธอ

“พิตต้า เดี๋ยวก่อน” ร่างบางไม่หันกลับมามีแต่เสียงปิดประตูดัง

“อะไรของเค้า นี่เธอกำลังยั่วโมโหฉันอีกแล้วใช่ไหม” พิยะตาเดินลับออกไปแล้วแต่คนหนุ่มยังคงจ้องมองประตูกระจกสีดำ มันไม่หลงเหลือแม้แต่เหงาของคนที่เดินออกไปเขาพยายามเพ่งดูเท่าไหร่ก็ไร้หนทาง มือหนายกขึ้นเสยผมของตัวเองเขาจิกมันอย่างแน่นจนเกือบจะกระชากผมตัวเอง ปากหยาบเม้มแล้วขบกรามเสียงดังความโกรธาที่คนสาวเห็นเขาเป็นเพียงของเล่นค่าเวลามีมากกว่าจะระงับอารมณ์ไม่ให้เขาเหวี่ยงแขนที่อยู่ใกล้โต๊ะไปกระแทกขวดแก้วจนล่วงแตก เขาทุบโต๊ะตัวเดิมอย่างบ้าคลั่ง

“โอ๊ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย คุณทำให้ผมแทบบ้าแล้วนะ” สิ้นเสียงคนคุ้มคลั่งก็งัดโต๊ะหงายล้มไม่เป็นท่า ก่อนจะเดินออกไปทางเดียวกับที่คนสาว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม