ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 32

ร่างสูงโปร่งแต่งกายภูมิฐานสะอาดสะอ้านเดินเด่นสง่าเข้ามาในคฤหาสน์สินสาโรจน์ มือทั้งสองกุมช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ช่อใหญ่ เขายิ้มชื่นชมความงามของดอกไม้ก่อนจะก้มสูดกลิ่นหอมชวนหลงไหล วราวุฒิเดินตามเส้นทางที่หัวใจของเขานำไป สนามหลังบ้านที่กว้างสุดตาล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เขาหันมองตามคำบอกกล่าวของแม่บ้านที่ออกไปต้อนรับ แล้วก็มุ่งตรงไปยังโต๊ะลายดัดกลางสวน คนสวยที่เขาคิดถึงกำลังง่วนอยู่กับการจัดผลไม้

“สวัสดีครับคุณพิตต้า” ดวงหน้าเรียวสวยหันมองช้าๆ

“อ้าวคุณวราวุฒิ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”

“เพิ่งมาครับ...นี่ดอกไม้สำหรับคนสวยๆ ครับ” พิยะตามองช่อดอกไม้แล้วก็ต้องยิ้มกว้างสีขาวนวลน่ามอง เธอรับช่อดอกไม้แล้วก้มลงสูดกลิ่นหอมฟอดใหญ่

“ทั้งสวยแล้วก็หอมมากเลยค่ะ...ขอบคุณนะคะ แต่ไม่น่าสิ้นเปลืองซื้อมาเลยค่ะ”

“ผมตั้งใจเอามาฝากคุณพิตต้าครับ” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นการขอบคุณในน้ำใจของคนหนุ่ม

“ถ้าอย่างนั้นพิตต้าก็ต้องขอบคุณจากใจจริง...นั่งรับประทานอาหารว่างด้วยกันนะคะ พิตต้าเพิ่งปอกผลไม้เสร็จ” จานใสที่บรรจุขนมหวานและผลไม้ถูกเลื่อนเชื้อเชิญคนมาเยือน

“อืม น่าทานทุกอย่างเลยนะครับ สีสันสวยงามเชียว”

“งั้นก็ทานให้หมดเลยค่ะ ขนมเนี่ยร้านประจำของพิตต้าเลยนะคะ”

“อ้าวผมคิดว่าคุณพิตต้าทำเองเสียอีก” พิยะตายิ้มเก้อๆ

“พิตต้าทำไม่เป็นหรอกค่ะ อาหารง่ายๆ ยังพอจะได้บ้าง...น่าอายจริงๆ นะคะไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือนเอาเสียเลย”

“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ สมัยนี้แม่บ้านยุคใหม่เค้าเลือกแบบปรุงสำเร็จกันทั้งนั้น”

“แม้พูดแบบนี้พิตต้ายิ่งอายค่ะ...ทานเลยกว่านะคะ” คนสาวเป็นฝ่ายตักของว่างให้ชายหนุ่ม ดวงตาคมหวานราวกับผู้หญิงจับจ้องใบหน้าคนสวย เขาพยายามเชื่อมสายสัมพันธ์กับเธอให้มากที่สุด

“ทานด้วยสิครับพิตต้า นั่งมองผมแบบนี้จะกล้าทานได้ยังไง”

“ใครมองคุณคะ ปรักปรำพิตต้านะเนี่ย”

“ก็นั่งกันอยู่สองคนถ้าไม่มองผมแล้วคุณมองใครล่ะครับ” หญิงสาวหลุบสายตาลงเล็กน้อย เธอพยายามสลัดภาพเงาของใครบางคนที่ยืนอยู่หลังพุ่มไม้ ถึงจะอยู่ไกลแต่สายตาที่ชิงชังแข็งกร้าวก็บาดหัวใจหญิงสาวได้เช่นกัน

“นั่นสิค่ะ พิตต้าไม่ได้มองใครซะหน่อย อืม ทานขนมนี้ดีกว่าค่ะ” ขนมอีกชิ้นถูกวางช้าๆ ในจานของคนตรงข้าม แล้วหันไปมองช่อดอกที่เธอวางไว้บนเก้าอี้ข้างๆ

“รสชาติใช้ได้ไหมคะ”

“อืม อร่อยมากครับ หอมหวานเหมือนคุณ” ประโยคหลังชายหนุ่มแอบพูดกับตัวเอง

“คุณวุฒินี่ เป็นผู้ชายที่สุภาพมากเลยนะคะ พูดจานุ่มนวลอย่างกับคุณชายในละคร”

“สงสัยผมจะดูละครมากเกินไปมั้งครับ”

“คริคริ ติดตลกด้วย” หญิงสาวเอามือปิดปากขณะหัวเราะเป็นมารยาท

“อะ เอ่อ คุณพิตต้าครับ”

“คะ”

“จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะชวนคุณออกไปไหนมาไหนบ้าง” คิ้วเรียวได้รูปขมวดเล็กน้อย

“ไปที่ไหนเหรอคะ”

“ก็ดูหนัง ฟังเพลง ไปทานอาหารทำนองนี้”

“ได้สิคะ...ใครจะกล้าว่าอะไรคุณวราวุฒิล่ะ” รอยยิ้มมีเสน่ห์เผยให้เห็นอีกรอบนี่ถ้าคนสาวมีสัมผัสพิเศษเธอคงได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นรั่วด้วยความตื่นเต้นดีใจแน่ๆ

“เอ้ามัวแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละคุณวราวุฒิ ขนมชืดหมดแล้ว”

“ครับๆ” วราวุฒิรีบตักขนมเข้าปากทันที แต่สายตายังมองความสวยหวานไม่ละ

“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ”

“ทำครับแต่ผม อะ เอ่อ” พิยะตาเอียงหน้าเล็กน้อยเมื่อเธอเริ่มสงสัยความคิดของคนตรงข้าม

“ว่าไงคะ มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ครับ ผมแค่อยากเจอคุณ ผมคิดถึงคุณ” ชายหนุ่มพี่ตะกุกตะกักอย่างไม่มั่นใจ กลับทำให้ร่างบางยิ้มเอ็นดูเขา

“งั้นเหรอคะ...คุณวราวุฒินี่ก็ตลกดีนะคะ”

“ทำไมครับ ผมตลกตรงไหน” เขาถามพร้อมเอามือคลำใบหน้าตัวเองราวกับมีอะไรติดอยู่

“แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะคะที่จะคิดถึงพิตต้า”

“อะ เอ่อ ไม่ทราบครับ”

“นั่นแหละค่ะที่ตลก...ทำอะไรแบบไม่มีเหตุผล คริคริ” พิยะตาหัวเราะขบขันให้กับความเก้อเขินของชายหนุ่ม เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนมีอาการประหม่าขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิง

“ฮ่าๆ คุณพิตต้าทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกเลยรู้ไหม”

“แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วค่ะ พิตต้าไม่อยากเจอผู้ชายที่คอยแสร้งทำโน่นนี่ มันไม่จริงใจ”

“คุณก็เป็นผู้หญิงแปลกๆ นะเนี่ย”

“คริคริ แปลกเหรอ...พิตต้าโรคจิตค่ะ” เสียงใสหัวเราะร่าเริงอยู่นาน ยิ่งเธอสดใสมากเท่าไหร่หัวใจของวราวุฒิก็เต้นราวกับจะควบคุมไม่อยู่ เขาอยากจะครอบครองหัวใจของคนสาวเสียจริง

“วราวุฒิกลับไปแล้วเหรอ” เสียงเข้มเอ่ยทักหลังจากที่พิยะตาเดินไปส่งวราวุฒิ หญิงสาวหลบสายตาที่ดุดันเล็กน้อย

“ค่ะ...เอ่อมีอะไรให้พิตต้าทำหรือเปล่าคะ”

“ไม่มี ฉันแค่ไม่อยากให้หนูสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นมากนัก...หวังว่าหนูคงเข้าใจ”

“ค่ะ แต่คุณวราวุฒเค้าเป็นเพื่อนของพิตต้านะคะ”

“เพื่อน แต่ก็เป็นชาย”

“คุณธีร์หึงเหรอคะ” คำถามไร้เดียงสาทำให้เขาต้องเบนสายตาไปทางอื่น เป็นเรื่องน่าแปลกที่อยู่ๆหัวใจเขามันชาวาบเมื่อหมดแรงและเต้นเร็วรัวสลับกัน ใบหน้าคมที่เปื้อนรอยย่นเล็กน้อยแดงขึ้นทันที

“หึงอะไร จะบ้าหรือไงฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะจะมาหึงอะไรกันล่ะ”

“พิตต้าก็แค่แหย่เล่นเองค่ะ”

“อืม...ดอกไม้สวยดีนะ”

“คริคริ หอมด้วยค่ะ” ใบหน้าคนหนุ่มแดงกว่าเดิม เขาทำอะไรไม่ถูกหยิบจับโน่นนี่หลุดล่วงเกะกะ

“ใจเย็นๆ ค่ะ เดี๋ยวพิตต้าช่วยเก็บ” เอกสารกองใหญ่ที่ล่วงกระจายบ่งบอกว่าชายหนุ่มเก้อเขินไม่น้อย ทำเอาคนสาวยิ่งหยอกล้อเล่นสนุกสนาน พิยะตาก้มลงหยิบเอกสารมันเรียงจนเรียบร้อย แต่ใต้กองเอกสารนั้นมีกล่องกำมะหยี่สีดำขลับวางอยู่ มือเรียวค่อยๆหยิบมันขึ้นมาเธอมองด้วยความสงสัยดวงตากลมโตหันไปมองคนที่นั่งขยุกขยิกทำโน่นนี่

“กล่องอะไรคะ”

“เปิดดูสิ” ธีร์ปรับเสียงให้เรียบสุขุมขึ้น หญิงสาวเปิดกล่องออกภายในมีนาฬิกาข้อมือสีขาวประดับคริสตัลวาววับ หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะหันไปมองคนที่หลุบหลบตาเธอ

“ของพิตต้าเหรอคะ”

“ใช่ อะ เอ่อ พอดีเดินผ่านร้านเห็นมันสวยดี แล้วนาฬิกาของหนูก็เก่ามากแล้ว”

“ขอบคุณค่ะ สวยมากๆ เลย” พิยะตาหยิบของขวัญชิ้นใหม่ขึ้นมาชื่นชมพร้อมสวมใส่ แขนเรียวยกขึ้นส่องคริสตัลกับแสงนีออนให้มันส่องแสงเป็นประกาย

“ชอบล่ะสิ”

“ไม่รู้ว่าเป็นศัตรูกันตั้งแต่ชาติปางไหนสิน่า”

“ทุกชาติค่ะ” หน้าสวยลอยหน้าอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนหนุ่ม มือหนาออกแรงบีบมือบางเล็กน้อยพอให้เธอรับรู้ว่าอีกคนเริ่มไม่พอใจแล้ว

“พิตต้าออกไปข้างนอกก่อนดีกว่านะคะ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันมีเรื่องจะคุยกับทั้งสองคนอยู่พอดี”

“มีอะไรด่วนเหรอครับอา ซุ่มเสียงไม่ค่อยจะดี”

“เปล่าๆ ฉันแค่จะบอกแกว่างานที่บาร์น่ะ ถ้าไม่อยากทำก็ให้โด่งเค้ารับหน้าที่แทนแล้วแกก็คอยดู”

“ไม่ครับผมไม่อยากปล่อยให้ครอบครัวนี้มาคอยสูบเลือดสูบเนื้ออาจนหมดหรอก”

“มันจะมากไปแล้วนะคะคุณธัญญ์”

“ใจเย็นก่อนพิตต้า เจ้าธัญญ์ ฉันแค่เห็นว่าแกไม่ค่อยมีความสุขในการทำงาน”

“ผมคงไม่ชินครับ อีกอย่างมีเพื่อนร่วมงานเป็นเด็กสาวใจแตกผมก็ต้องเครียดเป็นธรรมดา”

“คุณธีร์” เสียงออดอ้อนเตือนให้ธีร์ทำหน้าที่ตำหนิคนพูด

“พิตต้าเค้ามีประสบการณ์มากกว่าแกนะ”

“ประสบการณ์ด้านไหนครับอา...ทฤษฎีหรือปฏิบัติ” ประโยคหลังธัญญ์ส่งเสียงลอดไรฟันที่เขาขบเอาไว้ คนท้าทายก็เม้มปากจนแน่นไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมาต่อหน้าเจ้าของบ้าน

“งานแบบนี้มันต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ต้องต้อนรับขับสู้ลูกค้าและเอาใจใส่พนักงานในร้าน”

“มีแต่ผู้หญิงอย่างว่า” เขาสบถเบาๆ

“เค้าก็เป็นคน ทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไม่ได้แบมือขอใครซะหน่อย”

“งานเหรอครับ ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นงานเลยมารยาหลอกล่อสูบเงินคนตัณหากลับมากกว่า”

“เอ๊ะคุณธัญญ์ ถ้ารังเกียจกันขนาดนี้เราคงทำงานร่วมกันไม่ได้แล้วล่ะคะ”

“ผมก็ไม่ได้อยากจะทำงานกับพวกคุณนี่ เพียงแต่ต้องรักษาสิทธิ์เอาไว้”

“พิตต้าไม่ได้มาปลอกลอกคุณธีร์นะคะ” เสียงใสแหววใส่อีกครั้ง

“พอๆ เดี๋ยวก็คุยงานกันไม่รู้เรื่องกันพอดี”

“เอาเป็นว่าจะให้ทำอะไรก็บอกมาเลยครับอา”

“อืมดีงานจะได้ง่ายขึ้น อาอยากจะให้บาร์ของเราเนี่ยดึงดูดลูกค้ามากกว่านี้ เอาอะไรที่มันไม่ต้องอลังการหรือลงทุนสูงแต่ลูกค้าสนใจ จะเป็นโชว์ กิจกรรม หรืออะไรที่น่าสนใจ”

“งานของอาทำไมดูยากจังครับ”

“ฮ่าๆ ฉันถึงให้แกกับพิตต้าปรึกษากันไง คนเดียวมันคงหนักเอาการ” ธีร์มองทั้งสองสลับกัน เขาเห็นความหนักใจของคนหนุ่มสาวที่แฝงไปด้วยพลังความท้าทายกันและกัน คนเจ้าความคิดถึงกับเผยยิ้มที่มุมปาก

“พิตต้าก็ว่ามันยากค่ะ แต่เพื่อบาร์ไม่เกินความสามารถแน่ๆ”

“ทำเป็นเก่ง”

“ไม่ใช่เก่งค่ะ แต่รู้จักที่จะลองผิดลองถูก”

“เหมือนกับที่เธอเคยลองด้วยตัวเองเสมอๆนั่นล่ะสิ” ดวงตากลมขยายกว้าง เรียวปากเม้มไว้แน่นหญิงสาวไม่พอใจและพร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ทะเลาะต่อเถียงกับธัญญ์ได้ตลอดเวลาแต่ที่เธอไม่ปริปากพูดออกมานั้นเพราะไออุ่นๆจากมือหนาของคนที่นั่งข้างๆสะท้อนผ่านมือของเธออยู่ แรงบีบผ่อนหนักผ่อนเบาราวกับเป็นการเตือนสติให้เธอยับยั้งอารมณ์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม