ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 34

หลายวันที่ผ่านคฤหาสน์สินสาโรจน์ไม่เคยว่างเว้นจากการต้อนรับขับสู้ชายหนุ่มทายาทเศรษฐีอย่างวราวุฒิเลย เขาเทียวไปเทียวมาซื้อโน่นนี่มาฝากพิยะตาอยู่บ่อยครั้งและชักชวนหญิงสาวออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก สร้างความไม่พอใจให้กับชายหนุ่มอีกคน

“คุณพิตต้าครับ...วันนี้ออกไปทานอาหารกันข้างนอกนะครับ ผมรู้จักร้านอร่อยอยู่หลายร้านรับรองไม่ผิดหวัง”

“แหมพิตต้าเกรงใจคุณวุฒิจังเลยค่ะ มาทีไรก็มีของฝากแล้วยังจะพาพิตต้าออกไปข้างนอกอีก”

“อย่าเกรงใจเลยครับ ผมเต็มใจทำให้คุณ” หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ ที่ชายหนุ่มสุภาพกับเธอเพียงนี้

“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพิตต้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะคะ”

“ครับผมรอได้” ร่างบางเดินเยื้องย่างขึ้นไปข้างบน วราวุฒิก็นั่งรอคนสวยอย่างใจจดใจจ่อ เขาตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ออกไปข้างนอกกับหญิงสาว

“อะ แฮ่ม”

“สวัสดีครับคุณธีร์”

“อืม...คุณวุฒิ วันนี้ว่างเหรอครับ”

“ใช่ครับ พอดีเห็นคุณพิตต้าอยู่บ้านเฉยๆ ผมเลยอยากจะชวนไปทานอาหารนอกบ้านน่ะครับ”

“อาหารที่นี่ก็มีไม่ขาดตกบกพร่องนี่ครับ” คำตอบของธีร์เล่นเอาวราวุฒิเหมือนโดนก้อนหินปาใส่หน้า เขาอึกอักทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมีเจตนาอะไร

“แหมอยู่บ้านทุกวันเบื่อแย่เลยครับ ผมเลยต้องอาสาพาคุณพิตต้าออกไปข้างนอก”

“มันเป็นหน้าที่ผมไม่ใช่เหรอครับ...คุณลืมไปหรือเปล่าว่าผมเป็นใคร”

“ไม่ครับ ผมไม่มีวันลืม แต่คุณพิตต้าก็มีสิทธิ์ที่จะออกไปกับผมไม่ใช่เหรอครับ”

“อืม จะพูดไปผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะถ้าคุณมารับว่าที่ภรรยาของผมอย่างบริสุทธิ์ใจ” ธีร์จงใจเน้นหนักแสดงความสัมพันธ์ของเขากับพิยะตาให้วราวุฒิรับรู้อีกครั้ง

“ผมรู้ครับว่าคุณพิตต้ากำลังจะแต่งงานกับคุณธีร์...แล้วก็ยังรู้อีกว่าเธอไม่ได้เต็มใจ” ธีร์มองหน้าคนตอบอย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงที่วราวุฒิใช้บอกให้รู้ว่าเขาจงใจที่จะมาหาพิยะตาในฐานะหนุ่มสาวโดนไม่เกรงกลัวเจ้าของบ้านเลย

“รู้ขนาดนั้นเลยเหรอ พิตต้าบอกคุณหรือยังไง”

“ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ...คุณพิตต้าเธอยังเด็กยังสาว จะเลือกคนรักทั้งทีคงไม่คงเลือกคนอายุมากกว่าเกือบยี่สิบปีมั้งครับ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นหรือโดนบังคับ” ธีร์ยิ้มมุมปากให้กับความท้าทายของแขกคนสำคัญ

“แต่ผมว่าไม่มีใครจะกล้าบังคับให้พิตต้าแต่งงานกับผมแน่ๆ ถ้าคุณรู้จักพิตต้าดีพอ”

“ถึงผมจะรู้จักคุณพิตต้าได้ไม่นาน ผมก็เชื่อว่าเธอต้องเลือกผมมากกว่าคุณ” วราวุฒิพูดให้ได้ยินกันแค่สองคน สายตาของคนหนุ่มท้าทายอวดดีเสียจนธีร์อดไม่ได้ที่จะขบกรามคำรามใส่

“งั้นก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าพิตต้าจะเลือกใคร จริงไหมครับ”

“แน่นอนครับผมมั่นใจ และหวังว่าคุณธีร์คงไม่ใช้วิธีสกปรกอีกนะครับ”

“ฮึๆ ผมไม่เคยคิดจะใช้วิธีอย่างที่คุณว่าหรอกนะ...แล้วอีกอย่างพิตต้าก็เชื่อฟังผมมากเสียด้วย”

“เอาเป็นว่าผมจะพิสูจน์ให้คนแก่ได้เห็นว่าใครจะแน่กว่าใคร”

“เอาเลยตามสบายเลยหลานชาย ฮ่าๆ” สายตาของทั้งคู่จับจ้องท้าทายไม่ละวางดวงตาที่แข็งกร้าวของธีร์แผ่อำนาจล้อมรอบความเย่อหยิ่งอวดดีของวราวุฒิ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“คุยอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ” เสียงใสเหมือนเป็นระฆังยุติศึกสายตาของชายหนุ่มทั้งสอง ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ใบหน้าสวยหวานเริ่มสงสัยสีหน้าของทั้งคู่ คิ้วเรียวขมวดชนกันเล็กน้อย ชายหนุ่มสองต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้ดูปกติที่สุด

“พิตต้าเข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่าคะ”

“ปะ เปล่าเลยหนูพิตต้า”

“ใช่ครับ มาได้จังหวะพอดีต่างหาก” พิยะตาเอียงเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจความหมายที่วราวุฒิบอก

“แต่งตัวซะสวยเชียวนะ” ธีร์รีบเบนความสนใจมายังคนสวย เขาจับไหล่หญิงสาวดึงตัวเธอให้มาอยู่ตรงหน้าเขา

“จริงเหรอคะ พิตต้าก็แต่งตัวธรรมดานะเนี่ย”

“คนสวยแต่งอะไรก็สวยนั่นแหละ”

“คุณธีร์ชมพิตต้าเกินไปแล้วค่ะ เดี๋ยวพิตต้าก็ตัวลอยกันพอดี”

“ฮ่าๆ ฉันจะดึงตัวเธอมากอดเอาไว้แบบนี้ดีไหม” ธีร์พูดพร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามาแนบอกเขา หญิงสาวตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเธอยอมซบอกหนา แต่เบื้องหลังสายตาเยาะเย้ยของธีร์กลับจ้องมองชายหนุ่มอีกคนไม่ลดละ

“อุ๊ย ทำแบบนี้พิตต้าก็เขินแย่สิคะ”

“อืม เขินก็ดี เวลาเขินแก้มจะแดงสวยไปอีกแบบ” พิยะตาถอนตัวขึ้นมองหน้าธีร์ แววตาของเธอมีความสงสัยเต็มเปี่ยม เขาไม่เคยแสดงอาการหยอกล้อกับเธอแบบนี้มาก่อน

“คุณธีร์ขา วันนี้พิตต้าขอออกไปทานอาหารค่ำกับคุณวุฒินะคะ” สีหน้าที่หยอกล้อเธอเมื่อครู่ปรับเปลี่ยนนิ่งขรึมจนหญิงสาวเริ่มเกรงคำตอบของเขา

“ทำไมต้องไปค่ำมืดด้วยล่ะ”

“ก็อาหารค่ำนี่คะจะให้ทานตอนไหนกันล่ะ” คำตอบไร้เดียงสาทำให้ธีร์อดยิ้มไม่ได้

“ก็ได้ แต่อย่ากลับให้มันมืดค่ำนักนะ ฉันไม่ค่อยไว้ใจคนสมัยนี้เท่าไหร่”

“คงไม่มีใครกล้าทำอะไรพิตต้าหรอกค่ะ อีกอย่างคุณวุฒิก็ไปด้วย”

“นั่นแหละที่น่าเป็นห่วง”

“อะไรนะคะ”

“อืม เปล่าๆ เอาเป็นว่าระวังตัวด้วยแล้วกัน ฉันเป็นห่วง”

“ค่ะ งั้นพิตต้าไปก่อนนะคะ” หญิงสาวยิ้มหน้าบานเธอไม่ได้ดีใจที่ได้ออกไปเที่ยวกับวราวุฒิ แต่หญิงสาวดีใจที่ธีร์ไว้ใจยอมให้เธอออกไปข้างนอกโดยไม่มีคนติดตาม

“ช่วยดูแลว่าที่ภรรยาของผมด้วยนะครับคุณวุฒิ” สายตาเย้อ หยิ่งมองใบหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าของก่อนจะเดินตามร่างบางออกไป ธีร์ถอนหายใจหนักๆ เขาเกือบจะทำให้หญิงสาวเสียเกียรติดีที่ผู้ชายอีกคนมีมารยาทพอที่จะไม่พูดจาหมิ่นเหม่หญิงสาวเช่นหลานชายตัวดี ชายหนุ่มมองตามคนทั้งสองอย่างเป็นห่วง วราวุฒิก็ไม่ใช่ใครที่ไหนลูกชายเพื่อนสนิทของเขาเอง หากจะกีดกันไม่ให้พบหน้าพิยะตาดูเหมือนจะจงใจตัดสัมพันธ์กันสิ้นเชิง หรือถ้าเปิดโอกาสมากเกินไปคนที่ลำบากใจคงจะเป็นหญิงสาวแน่ๆ

เสียงภายในรถเงียบกริบจนพิยะตาทำตัวไม่ถูก เธอหันมองคนขับเขาก็เอาแต่ยิ้มหวานให้เธอ หญิงสาวลอบถอนหายใจไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ออกมากับเขาหน้าตาใสซื่ออาจจะแอบแฝงความร้ายกาจเอาไว้เหมือนคนบางคน

“ร้านอาหารอยู่ไกลไหมคะ” พิยะตาตัดสินใจสยบความเงียบโดยการชวนชายหนุ่มคุย

“ไม่ไกลครับเลยแยกนี้ไปก็จะถึงแล้ว...หิวแล้วเหรอครับ”

“อะ เอ่อ ก็คุณวุฒิโฆษณานักหนาว่าอร่อย พิตต้าก็เลยอยากจะลองชิมดูว่าสมราคาคุยหรือเปล่า”

“ฮ่าๆ รับรองไม่ผิดหวังครับ”

“อย่าเพิ่งออกตัวก่อนสิคะ พิตต้าทานยากนะจะบอกให้”

“จริงเหรอครับ ดูท่าทางคิดว่าเลี้ยงง่ายซะอีก”

“พิตต้าไม่ใช่เด็กๆ นะคะจะมองออกได้ยังไง” วราวุฒิชื่นชมความสดใสของหญิงสาว เขาเลี้ยวรถเข้าจอดตรงลานกว้างก่อนจะลงมาเปิดประตูรถให้หญิงสาว ร้านอาหารไทยสไตล์ล้านนาที่ตั้งตระหง่านอยู่เกือบชานเมืองประเมินจากจำนวนรถก็พอจะเดาได้ว่าเป็นที่นิยมชมชอบของลูกค้ามากทีเดียว วราวุฒิเชื้อเชิญให้หญิงสาวเดินตามเขาเข้าไปในร้าน พนักงานหน้าตาจิ้มลิ้มต้อนรับอย่างสุภาพแล้วนำทางไปยังโต๊ะที่คนหนุ่มโทรศัพท์มาจองไว้ โต๊ะไม้ตรงชานด้านนอกล้อมรอบด้วยดอกไม้ประดับที่ดัดทรงต้นสวยงาม มุมที่ชายหนุ่มเลือกมีผู้คนไม่พลุกพล่านหรือเขาเสียเงินทองเพื่อจะกันไม่ให้ลูกค้าคนอื่นเข้ามากันแน่

“สั่งอาหารได้เลยครับ เผื่อผมด้วยนะ”

“อ้าวพิตต้าไม่รู้นี่คะว่าคุณวุฒิชอบทานอะไร”

“รู้ตั้งแต่แรกแล้วคุณไปแต่งงานกับเค้าทำไม...คงเพราะเงินสินะ” คำตอบแทงใจดำทำเอามือเรียวค่อยๆ ปล่อยออกจากรอบคอหนา

“สุก็แค่คิดผิดไปเท่านั้นเอง...ตอนนี้สุคิดได้แล้วนะคะว่าที่ผ่านมาสุคิดถึงแต่คุณ”

“อย่าพูดให้ผมรู้สึกสมเพชคุณไปมากกว่านี้เลยสุรัตนา” หญิงสาวชักสีหน้าเล็กน้อย เธอควบคุมอารมณ์โกรธเอาไว้เพราะผลตอบแทนจากธัญญ์นั้นมากกว่าสิ่งที่เธอกอบโกยมาจากสามีเก่าหลายเท่าตัว

“ธัญญ์คะ คุณยังไม่หายโกรธสุอีกเหรอ”

“ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณเลย แต่อยากจะเตือนว่าคุณเป็นผู้หญิงจะทำอะไรก็ควบคิดให้ดีเสียก่อน ไม่มีใครเค้าได้ประโยชน์จากคุณหรอกนะ”

“เป็นห่วงสุแบบนี้ แสดงว่าคุณยังรักสุอยู่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้คนหนุ่มจนลมหายใจอุ่นๆกระทบแก้มหยาบของเขา มือลูบไล้อกกว้างสายตาเว้าวอนออดอ้อนคลอเคลียหน้าเข้ม แต่ธัญญ์ก็ไม่ได้แสดงท่าทางพิสวาทเลยซักนิดเขานั่งเฉยเสียจนเกือบจะกลายเป็นรูปปั้น

“ธัญญ์ขา วันนี้ให้สุอยู่กับคุณนะคะ”

“ผมต้องทำงานไม่มีเวลามาคุยกับคุณหรอกนะ” เขาตอบอย่างคนสิ้นเยื่อใย ก่อนจะหันไปมองประตูห้องทำงานที่กำลังเปิดออก คนที่เดินเข้ามาชักเท้าหลังจากรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้อยู่ตามลำพัง เขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ พิยะตาก็เข้ามาสายตาทั้งคู่มองกันอย่างค้นหาคำตอบ

“อะ แฮ่ม มีอะไรคะคุณพิตต้า”

“อะ เอ่อ ฉันมีธุระกับคุณธัญญ์นิดหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้ก่อนก็ได้” หญิงสาวตอบอย่างชั่งใจ

“ฮึ ผมไม่รู้ว่าเรามีธุระอะไรต้องคุยกัน...แล้วตอนนี้ผมก็มีแขกอยู่ด้วย”

“ค่ะฉันรู้แล้ว” พิยะตารู้สึกผิดหวังที่เขาพูดราวกับว่าจะประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่ารังเกลียดเธอมากแค่ไหน หญิงสาวหันหลังเดินออก

“สุเดี๋ยวคุณอยู่กับผมก่อนนะ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว” ชายหนุ่มจงใจพูดให้หญิงสาวได้ยิน ส่วนคนที่ถูกเอ่ยถึงกับงง แต่เธอก็ยิ้มหน้าบานได้ในไม่กี่วินาที

“ได้สิคะ...มาสุจะนวดให้นะ นั่งเคลียร์งานแบบนี้ทั้งวันเหนื่อยแย่เลย”

“ดีครับกำลังเมื่อยอยู่เชียว” ประโยคการสนทนาของทั้งคู่พิยะตาแอบฟังอยู่ด้านหลังประตูหนาที่เธอเพิ่งปิดมันลงอย่างเบามือที่สุดหัวใจเธอแทบไม่มีแรงเต้นทั้งๆ ที่บอกกับใครๆ ว่าเธอไม่ชอบหน้าเขาไม่อยากจะทำงานร่วมกัน แต่ทำไมหัวใจมันยังไม่เชื่อฟังคิดทรมานให้หญิงสาวโศกเศร้าทุกครั้ง

“ดีขึ้นไหมคะธัญญ์...นี่สุไปหัดนวดมาเลยนะ เห็นคุณเคยบ่นปวดเมื่อยเวลาทำงาน”

“พอแล้วสุ”

“ทำไมคะ...เมื่อกี้ยังยอมให้นวดอยู่เลย” สุรัตนาตามอารมณ์ไม่ถูกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คิ้วเรียวเข้ารูปขมวดเข้าหากันปากเม้มแน่นขุ่นเคืองชายหนุ่ม

“ผมไม่ได้เมื่อยอะไร...เชิญคุณกลับไปเถอะ”

“ธัญญ์ นี่มันอะไรค่ะอยู่ๆ ก็มาไล่สุ คุณแกล้งสุเหรอเห็นสุเป็นตัวอะไรกันคะ”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ผมต้องการอยู่คนเดียว” ธัญญ์ไม่ใส่ใจความรู้สึกของสุรัตนาเลยซักนิด หญิงสาวตัวสั่นด้วยความโกรธมือเรียวกำไว้จนแน่น ไม่เคยมีใครกล้าไล่เธออย่างกับเป็นตัวน่ารังเกียจ เธอคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กแล้วเดินกระแทกเท้าปึงปังออกไป

“โครม!” เสียงกระแทกประตูปิดดังสนั่นทั่วบ้าน แต่คนใจร้ายก็ทำได้แค่เพียงกุมขมับแล้วถอนหายใจ เมื่อครู่ที่เขาทำเป็นพูดดีกับสุรัตนาก็เพราะต้องการประชดประชันหญิงสาวอีกคน ทั้งที่เขาเองก็ไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้นมาก่อนไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ก็นึกและแสดงออกไปเช่นนั้น หลังจากแน่ใจว่าเขาอยู่ตามลำพังในห้องแล้ว ธัญญ์ก็เลื่อนลิ้นชักด้านข้างอีกครั้งเขาเอื้อมมือเขาไปวางทาบที่รูปเล็กๆ พร้อมหลับตาราวกับกำลังระลึกวันวานระหว่างเขากับหญิงสาวในรูป

“ฮึ ธัญญ์นะธัญญ์แกล้งสุแบบนี้ได้ยัง คอยดูนะคุณจะต้องเสียใจ” สุรัตนาเดินเหวี่ยงอารมณ์ด้วยความโกรธใบหน้าสวยแดงกล่ำดวงตาที่เคยหวานเฉี่ยวเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น

“ถ้าไม่มีเงิน จ้างให้คนอย่างฉันก็ไม่แลหรอก หยิ่งต่อไปเถอะซักวันคุณจะต้องอ้อนวอนขอให้สุอภัยให้คุณ”

“โอ๊ย” คนหงุดหงิดไม่ทันได้ระวังเดินชนร่างเล็กของหญิงสาวอีกคนอย่างแรงจนเธอล้มลงกับพื้น สุรัตนาตกใจทำอะไรไม่ถูกแต่เมื่อเห็นว่าเธอชนใครอาการตกใจก็เปลี่ยนเป็นสะใจแทน

“คิดว่าใครที่แท้ก็นางบำเรอคนใหม่ของคุณธีร์นี่เอง”

“คุณสุทำไมเรียกพิตต้าแบบนั้นคะ”

“ทำไมจะเรียกไม่ได้คนอย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว ธัญญ์เค้าบอกฉันหมดแล้วล่ะว่าเธอเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง ทุเรศไร้ยางอาย” พูดจบสุรัตนาก็เดินเบียดร่างที่ยังไม่ได้ลุกขึ้นยืนอย่างจงใจพร้อมหันมาแสยะยิ้มเยาะเย้ยเธอราวกับเป็นสัตว์เลื้อยคลาน หยดน้ำใสไหลลงอาบสองแก้มเนียนไม่ใช่เพราะถูกหญิงใจร้ายกลั่นแกล้ง แต่เพราะเขาคนนั้นต่างหากที่เอาเรื่องของเธอไปเล่าให้ใครต่อใครฟังโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของผู้หญิงบอบบางอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม