สายลมที่พัดไหวพลิ้วต้องร่างกายของคนที่ยืนมองความสวยงามของธรรมชาติยามฟ้าสาง เกลียวผมดำขลับขยับตามแรงลมจนมือต้องคอยรวบเอาไว้ไม่ให้ปกปิดใบหน้า
“โด่ง” คนถูกเรียกหันไปมองเสียงที่คุ้นเคย ชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ไม่ห่างเท่าไรเขาส่งยิ้มให้หล่อนอย่างเป็นมิตร
“มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“วันนี้ผมว่างเลยอยากจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“โด่งไม่เคยบอกนี่คะว่าต้องการเพื่อน”
“คุณจะไล่ผมอีกแล้วเหรอ” น้ำเสียงผิดหวังทำให้ดนุพรต้องรีบปลอบใจ
“เปล่าค่ะ โด่งแค่เกรงใจ อีกอย่างนี่มันเช้ามากๆ เลยนะคะ”
“เมื่อคืนคุณก็กลับดึก แต่ยังตื่นแต่เช้าแค่นี้ผมก็เป็นห่วงจะแย่แล้ว” ชายหนุ่มเดินเข้าไปเอื้อมแขนจะโอบกอด แต่เขาก็ต้องชะงักเพราะร่างระหงเบี่ยงหนี
“อย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
“ใครที่คุณว่าเนี่ยคงไม่ได้มีอยู่ทุกทีบนโลกนี้หรอกมั้ง”
“คุณธีร์คะ...โด่งไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้นะคะ แค่คุณให้ที่พักใหม่ให้งานทำโด่งก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว”
“พอเถอะผมไม่อยากฟังคุณพร่ำถึงบุญคุณ เพราะสิ่งที่ผมอยากได้มันคือคุณไม่ใช่คำสรรเสริญบ้าๆนั่น”
“ขอโทษค่ะโด่งไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณโกรธ”
“เอาเถอะที่ผมมานี่ก็เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษา” ดนุพรย่นคิ้วอย่างสงสัย เรื่องอะไรที่ทำให้เขาต้องมาหาหล่อนแต่เช้าอีกทั้งสีหน้าก็ดูกังวลกว่าทุกครั้งที่มาพบกัน
“งั้นนั่งลงก่อนค่ะ โด่งจะรินน้ำชาให้” ธีร์นั่งลงตามคำเชิญแก้วซารามิกเคลือบถูกเลื่อนมาอยู่ตรงหน้า เขายกแก้วขึ้นจิบอย่างเหนื่อยล้าไออุ่นจากความร้อนกระทบผิวหน้ามันคงทำให้เขารู้สึกสบายขึ้น ชายหนุ่มสูดกลิ่นน้ำชาเข้าเต็มปอด
“ขอบคุณมันช่วยให้สมองผมโล่งขึ้นเยอะ”
“งั้นว่าเรื่องของคุณมาเถอะค่ะ”
“ฮึ อยากจะรีบไล่ผมไปเร็วๆใช่ไหมล่ะ”
“คุณธีร์...โด่งแค่เห็นคุณไม่สบายใจเลยอยากจะช่วยรับฟังปัญหา ไม่ได้คิดอย่างที่คุณกล่าวหาเลยนะคะ” หล่อนจะคิดอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นคนเดียวที่ทำให้ต่อมความสาวของเธอทำงาน
“คุณว่าเจ้าธัญญ์กับหนูพิตต้าเนี่ยแปลกๆ ไหม”
“แปลกยังไงคะ โด่งก็เห็นทะเลาะกัดกันทุกวัน คู่นี้เหมือนเด็กไม่ถูกกัน”
“ถึงจะทะเลาะแต่เวลาที่มองผมเหมือนรู้สึกว่าทั้งคู่กำลังประชดกันอยู่”
“คิดมากไปหรือเปล่าค่ะ อีกไม่นานคุณก็จะแต่งงานกับพิตต้าแล้วระแวงแบบนี้เดี๋ยวยายพิตต้าก็เสียใจแย่”
“ผมไม่ได้ระแวง แต่”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ดนุพรรีบตัดบทหล่อนรู้ดีที่สุดว่าหลานสาวรู้สึกยังไงกับธัญญ์ แต่มันจะไม่มีทางเป็นไปได้เพราะสิ่งที่พิยะตาต้องทำคือแต่งงานกับผู้มีพระคุณ
“คุณแน่ใจนะ”
“หลานสาวโด่งทั้งคนทำไมโด่งจะไม่รู้ล่ะคะ...อย่ากังวลไปเลย”
“ยังมีอีกนะ...รู้สึกว่าจะมีหนุ่มๆมาเทียวขายขนมจีบหลานสาวคุณทุกวันนะ”
“ใครกันคะ”
“วราวุฒิ ลูกชายเพื่อนทางธุรกิจของผมเอง” ดนุพรเบนสายตาไปทางอื่นหล่อนไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย หลานสาวตัวแสบคงปกปิดไม่ให้รับรู้เป็นแน่
“เค้าทำอะไรคะ”
“ถ้าอาธีร์รู้เรื่องทั้งหมด...ก็คงขยะแขยงกลิ่นคาวในตัวเธอ” คำดูถูกทำให้หญิงสาวอดทนต่อไม่ไหวเธอคว้ากำดอกไม้ที่เหลือขว้างใส่ร่างหนาทันที
“ออกไปให้พ้นหน้าพิตต้าเลยนะ”
“โธ่ ทูนหัวทำไมใจร้ายใจดำขนาดนี้ขับไล่สามีตัวเองได้ลงคอ” สรรพนามที่ชายหนุ่มเรียกตัวเองบาดลึกกลางใจหญิงสาวเขาไม่เคยแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เขากำลังเรียกร้องกับเธอ ทุกครั้งที่พบเจอชายหนุ่มเห็นเธอเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงที่จะทำอะไรป่าเถื่อนแค่ไหนก็ได้ หญิงสาวเองก็ไม่ต้องการเรียกร้อง อยากจะทำคือให้เขาได้รู้สำนึกเสียบ้างว่าคนที่ยืนอยู่ก็เป็นคนและไม่ใช่หญิงใจแตกเร่ขายบริการอย่างที่เขาเข้าใจ
“คุณธัญญ์ คำพูดแบบนั้นใช้เรียกคนที่พิตต้ารักเพียงคนเดียวเท่านั้นค่ะ กรุณาอย่าแอบอ้างจะดีกว่า”
“แอบอ้างตรงไหนในเมื่อเราสองคนทำอะไรต่อมิอะไรกันขนาดนั้นยังจะบอกว่าผมไม่ใช่สามีอีกเหรอ”
“เรื่องที่ผ่านมาพิตต้าจะคิดว่ามันเป็นฝันร้าย คิดเสียว่าให้ทานหมามันไปก็แล้วกัน”
“พิตต้า...มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ” ธัญญ์ปรี่เข้าไปจับร่างบางเขย่า มือหนาทรงพลังบีบไหล่เล็กแน่นแต่เธอก็ไม่ปริปากร้องเจ็บปวด สายตาที่มองชายหนุ่มไม่มีเหลือความโหยหาอีกต่อไป ความหยาบคายที่เขากระทำต่อเธอมันเกินกว่าที่หญิงสาวจะรับได้ ดวงตาอาฆาตแค้นจ้องมองความโหดร้ายของเขาไม่ลดละ เมื่อรับรู้ว่าหญิงสาวคงเจ็บปวดธัญญ์จึงค่อยๆ ผ่อนแรงบีบลง มือหนาเลื่อนไปด้านหลังพร้อมดันร่างบางให้เข้ามาประชิดตัวเขา ชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวอย่างไม่รู้ตัวหัวใจเขาเต้นเร็วรัวดวงตาวาวไปด้วยน้ำใส่ที่คลออยู่
“พิตต้า” ธัญญ์เอ่ยเรียกชื่อสาวเสียงแผ่วเบา
“ปล่อยค่ะ” น้ำเสียงที่เธอตอบกลับมาช่างเยือกเย็นจนเขาใจดิ่งวูบ ชายหนุ่มโน้มตัวกอดหญิงสาวแน่นขึ้นเขาลูบไล้แผ่นหลังราวกับปลอบประโลม แต่เธอก็ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
“พิตต้าบอกให้ปล่อย...มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยซักนิดที่คุณจะเพิ่งมาคิดได้ว่าทำอะไรลงไป”
“ผมขอโทษ” เป็นฝ่ายชายที่สะอื้นเสียเอง มือเรียวดันร่างตัวเองออกเธอมองใบหน้าคมที่มีหยดน้ำใสบางๆ เกาะอยู่ ริมฝีปากสวยแดงเด่นแสยะให้เขาก่อนที่เธอจะผลักตัวเขาให้ออกห่างเธอ
“ทำไม” ธัญญ์เสียงสั่นเขาไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่อยู่ในใจได้ ยิ่งใกล้เธอมากเท่าไหร่เขาก็อยากจะคว้าร่างบอบบางเข้ามาโอบกอดมอบความรักที่เขามีแต่ไม่เคยบอกให้เธอรู้
“คุณนี่ถามแปลกนะคะ...พิตต้าเป็นว่าที่อาสะใภ้ จะมายืนกอดหลานชายได้ยังไง”
“คุณไม่ได้อยากแต่งงานใช่ไหม”
“ทำไมคิดแบบนั้นคะ...ถ้าไม่อยากแต่งงาน แล้วพิตต้าจะตกลงรับปากกับคุณธีร์ทำไม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม