ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 802

บทที่802 ว่าที่สามีของฉัน

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ...

ช่วงเวลากลางคืน

เสียงของไฟที่กำลังก่อสุมอยู่นั้นดังขึ้น เปลวไฟสีเขียวกำลังลุกไหม้ ส่งเสียงแตกระเบิดของกองไฟนั้นออกมา

เฉินเกอนั่งอยู่ตรงข้างๆกองไฟที่สุมอยู่ เพิ่มฟืนเข้าไปในกองไฟนั้นแล้วพลางเงยหน้ามองสำรวจบริเวณรอบๆป่าไม้เขียวชอุ่มนี้ไปด้วย

ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด ป่าไม้ที่เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ ให้กลิ่นอายที่แปลกประหลาดยิ่งนัก

และในสภาพแวดล้อมที่เยือกเย็นอยู่บ้างนี้ แม้จะเป็นเฉินเกอของขอบเขตหลุนหวางเองนั้นก็จำเป็นที่จะต้องใช้กองไฟที่สุมอยู่นั้นทำให้ตัวเองรู้สึกอบอุ่นเช่นกัน

เนื่องจาก ที่นี่ไม่ใช่พื้นผิวโลกอีกต่อไปแล้ว

แต่เป็นการเข้าสู่ท่ามกลางโลกยู่แล้ว

เสร็จสิ้นงานแต่งงานกับมู่หานเป็นเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว

ตระกูลเฉินและสำนักสวนหยางเตี้ยนก็จัดการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

กับมู่หาน ก็นับว่าเสร็จสิ้นเรื่องแต่งงานกันแล้ว

แต่เฉินเกอก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความอบอุ่นหวานชื่นที่แสนงดงามนี้จะไม่มีอยู่อีก

พื้นผิวโลกตระกูลฉินรอจ้องพร้อมตะครุบดังพญาเสือ และตระกูลฉินจากโลกยู่ก็สามารถออกมาโจมตีได้ตลอดเวลาอีกด้วย

เฉินเกอเองก็ไม่สามารถจะต่อต้านพวกเขาได้เลย

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพัฒนาในการฝึกฝนของตัวเอง ถึงจะสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวได้

เฉินเกอไปที่โลกยู่เพียงลำพัง

ตอนนี้ตำแหน่งที่อยู่ของเฉินเกอนั้นก็คือบริเวณรอบนอกโลกยู่ ตรงที่ที่มีชื่อว่าตี้ตู

จากบันทึกบนแผนที่ หญ้าหยวนซินนั้นเจริญเติบโตอยู่ในที่แห่งนี้

ที่ตรงนี้ถึงแม้ว่าอยู่ภายใต้โลกยู่

แต่ก็มีศูนย์กลางของโลกที่ทำหน้าที่เป็นพระอาทิตย์

ไม่ต่างจากพื้นผิวโลกมากมายนัก

เช่น ที่นี่ยังคงมีภูเขาใหญ่ มีแม่น้ำไหลผ่าน และยิ่งมีป่าไม้ที่เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ผืนนี้อีกด้วย

คล้ายๆกับโลกที่สะท้อนออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ระยะเวลาหนึ่งเดือน เฉินเกอคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่แล้ว

สัตว์ร้ายที่กระจายอยู่อย่างแน่นหนา สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่อยู่ในประวัติศาสตร์เหล่านั้น เฉินเกอเองก็เคยเจอมาหมดแล้ว

ส่วนอาหารของเฉินเกอนั้น ก็คืออาหารที่มาจากการล่าสัตว์เหมือนอารยธรรมสมัยก่อนนั่นเอง

“หืม เจ้านี่ แกอยู่ที่นี่เอง!”

เวลานี้เอง

ทันใดนั้นป่าไม้ก็สั่นไหวขึ้นมา และมีแสงจากร่างสามร่างนั้นแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แล้วจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของเฉินเกอ

นี่คือชายวัยกลางคนสามคนที่ภายนอกดูหยาบคาย

“พวกแกนี่ลำบากกันจริงๆเลยนะ นี่ตามหาฉันมาตลอดทางเลยอย่างนั้นหรือ?”

เฉินเกอหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากกองไฟ แล้วเอาเข้าปาก

สามคนนี้ เป็นคนพื้นเมืองของตี้ตูโลกยู่ เป็นโจรที่ดักปล้นกลางทางนั่นเอง

ที่แห่งนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกพวกเขาฆ่าตาย

อีกทั้งฝีมือของพวกเขาทั้งสามก็ไม่ได้อยู่ในระดับต่ำๆ หนึ่งในนั้นเป็นนักพรตชั้นเก้า ส่วนอีกสองคนนั้นก็อยู่ในขอบเขตหลุนหวางชั้นสาม

ตอนที่เฉินเกอเข้ามาตั้งแต่แรกนั้น พวกเขาก็ได้ก่อกวนเฉินเกอแล้ว

เพียงแต่ เฉินเกอที่ยังไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์นี้ ได้ปล่อยพวกเขาไปหลายต่อหลายครั้ง

ไม่คิดว่าผ่านไปไม่กี่วัน

ทั้งสามคนจะตามมาทันแล้ว

“ดูแล้วครั้งนี้ พวกแกคงจะไม่ยอมวางมือไปง่ายๆสินะ?”

เฉินเกอเอ่ยขึ้น

“เหลวไหล เจ้าเด็กนี่ แกเองก็ไม่เคยได้ยินเลยหรือ ว่าที่นี่ไม่เคยมีใครที่จะหลุดพ้นจากมือของพวกเราสามคนไปได้ แล้วอย่างแกเนี่ยนะ?”

ทั้งสามคนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าไปหาเฉินเกอ

ดูแล้วครั้งนี้จะต้องให้เฉินเกอมีของแลกเปลี่ยนอย่างแน่นอน

ส่วนเฉินเกอนั้นก็มองไปยังกองไฟ นิ้วมือนั้นทำงานขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เขาเลือดเย็นตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นก็จัดการทั้งสามคนนี้ให้สิ้นเสียตรงนี้เลยก็แล้วกัน เลี่ยงการเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นในภายหลัง

ตึก ตึก ตึก.....

และเวลานี้เอง ทางด้านข้างก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วก็เห็นคนอีกเจ็ดคนที่กำลังเดินมุ่งตรงมาทางด้านนี้

และนี่ก็ทำให้เฉินเกอและทั้งสามคนที่อยู่ตรงข้ามนั้นมองไปทางนั้นด้วยความตกตะลึง

เจ็ดคนนั้น ประกอบด้วยผู้ชายหกคน และผู้หญิงหนึ่งคน

นำโดย ชายมีอายุที่มีผมสยายคนหนึ่ง ชายสูงอายุคนนี้ถือไม้เท้าเอาไว้ อีกทั้งมองดูแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นมองไม่เห็นอีกด้วย

เพียงแต่กลับเดินเร็วมาก และเป็นการเดินที่ดูช่ำชองเป็นอย่างมาก

สีหน้าทั้งเจ็ดคนนั้นเต็มไปด้วยความดุร้าย

คำพูดที่หยาบคายเหล่านี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันหัวเราะออกมา

“กำเริบเสิบสานไปแล้ว!”

โจวโน่ยกมือขึ้นมาจะสู้กลับ ดูๆแล้ว ผู้หญิงคนนี้คงจะฝึกฝนเป็นนักพรตชั้นห้าเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ต่อหน้าหม่าจื่อเชียงนั่นแล้วก็ยังคงอ่อนแอเกินไปอยู่บ้าง เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็ถูกโจมตีถอยไปแล้ว

ตำแหน่งที่ล้มลงนั้นอยู่ไม่ไกลจากเฉินเกอนั่นพอดี

เธอพยายามที่จะปีนขึ้นมา แล้วมองไปยังคนที่ล้อมรอบตัวเองอยู่ทั้งสองฝั่ง

ทันใดนั้นเอง เธอก็หันมาขอความช่วยเหลือกับเฉินเกอ :

“พี่ชาย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม!?”

โจวโน่เอ่ยขึ้น

ส่วนเฉินเกอที่สนใจเพียงแต่ของกินตรงหน้าตัวเองนั้น ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรขึ้น

“แท้ที่จริงแล้ว แกก็เป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลโจวนี่เอง!”

โจวโน่รู้สึกสิ้นหวัง

“ฉันไม่รู้จักตระกูลหม่าอะไรนั่น? เพียงแต่ฉันมาทำธุระที่นี่ ไม่มีเหตุผลนี่ว่าทำไมฉันจะต้องช่วยเธอด้วย?”

เฉินเกอไม่เข้าใจถึงบุญคุณความแค้นของทั้งสองตระกูลนี้ แล้วก็ไม่อยากจะทำเรื่องอะไรไม่ดีตามคนอื่นด้วยเช่นกัน

และเมื่อได้ยินทักษะการพูดจาของเฉินเกอที่ดูไม่ธรรมดาแล้วนั้น ก็นิ่งขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันขอร้องล่ะ คนตระกูลหม่าพวกนั้นทำร้ายครอบครัวของฉัน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่ฉันจะหนีออกมาได้แบบนี้ และฉันก็ยังต้องแก้แค้นด้วย เพียงแค่วันนี้นายยอมช่วยฉัน ต่อไปจะทำอะไร ฉันยอมรับใช้ เชื่อฟังนายทุกอย่างเลย!”

โจวโน่กัดฟันพลางร้องไห้พูดออกมา

“คงไม่ได้หรอก คนกลุ่มนี้ มีคนที่มีฝีมือสูงอยู่ด้วย ฉันไม่อยากทำให้ฉันต้องมีภาระเพิ่ม!”

เฉินเกอส่ายหน้า

“นาย!”

โจวโน่โมโหมาก

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตตัวเอง คนๆนี้ จะว่าเขาเป็นคนไม่ดี เขาก็ดูเป็นเหมือนสุภาพบุรุษที่ดูอ่อนโยนอยู่บ้างเล็กน้อย

จะว่าเขาเป็นคนดี แต่ที่ตัวเธอเองขอร้องอ้อนวอน เขาคิดถึงแต่เพียงผลประโยชน์ของตัวเองเสียอย่างนั้น

แต่ที่สำคัญก็คือ ถึงแม้ว่าคนๆนี้จะยังดูเป็นวัยรุ่นแต่จิตใจของเขานั้นดูไม่ธรรมดา ดูเหมือนกับเป็นผู้มีฝีมือเก่งกาจอย่างไรอย่างนั้น

ความหวังทั้งหมดของตัวเธอเองนั้นอยู่กับเขา

“คุณโจวโน่ อย่าพยายามต่อสู้อีกเลย อย่าทำให้ฉันต้องทำร้ายเธอสิ ฮ่าๆ!”

หม่าจื่อเชียงเดินเข้ามาพลางแสยะยิ้ม

“เดี๋ยวก่อน หม่าจื่อเชียง แกตาบอดไปจริงๆแล้วสินะ แกไม่เห็นรึไงว่าว่าที่สามีของฉันอยู่ตรงนี้น่ะ?”

โจวโน่กัดริมฝีปากตัวเอง หลังจากนั้นก็ชี้ไปยังเฉินเกอแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!