ห้างสรรพสินค้าในเมือง...ขณะที่ช่อเอื้องกำลังเดินหาของขวัญวันเกิดให้กับแม่ทัพ อยู่ๆ ดรีมก็เข้ามาดึงแขนให้เดินตามไปยังร้านของแบรนด์ดังเพื่อที่จะให้เธอช่วยเลือกกระเป๋า
“ใบนี้สวยไหมเอื้อง?” ดรีมถามความเห็นของเพื่อนสาว
“สะ...สวยจ้ะ” ช่อเอื้องบอกก่อนจะหันไปมองรอบๆ ก็เห็นพนักงานสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พากันส่งยิ้มหวานมาให้
“แล้วใบนี้ล่ะ?” ดรีมหยิบอีกใบมาให้เพื่อนสาวดู
“อืม...ก็สวยไปอีกแบบนะ” ช่อเอื้องบอกอย่างรู้สึกใจคอไม่ดีเพราะกระเป๋าในร้านนี้เป็นแบรนด์หรูที่ราคาขั้นต่ำหลักแสนทุกใบ
“งั้นเอาใบนี้ค่ะ” ดรีมส่งกระเป๋าใบที่ถูกใจให้กับพนักงานทันใด
“ได้ค่ะ” พนักงานรับไปถือเตรียมจะแพ็กลงกล่องให้กับลูกค้า
ดรีมที่เปิดกระเป๋าเงินแล้วทำท่าหาบัตรอยู่ครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นบอกเพื่อนสาวอย่างตกใจ “อ๊ะ! เราลืมเอาบัตรมาน่ะเอื้อง ขอยืมบัตรเธอก่อนได้ไหม”
“เอ่อ...” คนที่กำลังมองดูของเพลินๆ ถึงกับชะงักนิ่งไปทันใด
“เดี๋ยวกลับไปถึงหอพักแล้วเราจะคืนให้” ดรีมเข้าไปอ้อนเพื่อนสาว พร้อมกับดึงกระเป๋าของอีกฝ่ายมาเปิดออก จากนั้นก็หยิบบัตรส่งให้กับพนักงานที่อยู่ใกล้ๆ “นี่ค่ะพี่”
ช่อเอื้องถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าค้นกระเป๋าของเธอ
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานลังเล แต่พอเห็นเจ้าของบัตรไม่เอ่ยท้วงจึงเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ แล้วทำการรูดบัตรทันที
“ไม่ต้องห่วง เราจะคืนแน่นอน” ดรีมเอ่ยปลอบเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
พนักงานเดินกลับมาพร้อมกับส่งสลิปไปให้เจ้าของบัตร “รบกวนเซ็นชื่อตรงนี้ด้วยค่ะ”
“ค่ะ” ช่อเอื้องลอบถอนหายใจก่อนจะจรดชื่อลงไปอย่างรู้สึกมึนๆ ก่อนจะส่งคืนให้พนักงาน “นี่ค่ะ”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ” พนักงานยกมือไหว้พร้อมกับส่งถุงกระดาษใบใหญ่ให้กับลูกค้า
“ค่ะ ไว้จะมาดูใหม่นะคะ” ดรีมรับถุงกระดาษมาถืออย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปถามเพื่อนสาวแสนซื่อ “เธอจะซื้ออะไรอีกไหมเอื้อง?”
“ไม่จ้ะ” ช่อเอื้องส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะยังไม่หายช็อกกับราคากระเป๋าที่เพิ่งจะเซ็นไปเมื่อครู่ (หนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันบาท)
“งั้นกลับกันเลยนะ” คนที่ได้กระเป๋าใหม่สมใจรีบชวนทั้งที่เพิ่งจะมาเดินดูของได้ไม่ถึงสามสิบนาที
“อื้อ” ช่อเอื้องตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะเดียวกันก็ปลอบใจตัวเองว่าหากกลับไปถึงหอพัก ดรีมคงจะรีบโอนคืนเธอตามที่รับปากเอาไว้
20 นาทีต่อมา...หอพักนักศึกษาหญิง
ดรีมที่ลงจากรถแท็กซี่เสร็จก็หันไปบอกเพื่อนสาวด้วยรอยยิ้ม “เอื้อง! เงินที่ยืมไปเมื่อกี้น่ะ เราขอเปลี่ยนไปคืนตอนสิ้นเดือนนะ”
“อ้าว! ก็ไหนเมื่อกี้ดรีมบอกว่า...”
“แหม...เธอเองก็มีเงินออกเยอะแยะ เพื่อนขอยืมแค่นี้อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลยน่า อีกอย่างฉันไม่มีทางเบี้ยวเธอหรอก” ดรีมบอกด้วยสีหน้าตึงๆ เมื่อเพื่อนสาวแสนซื่อทำท่าจะงอแง
ช่อเอื้องกำลังจะต่อว่า...แต่ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นซะก่อน
“เอื้อง! ไปเที่ยวไหนมา?” ชบาเอ่ยถามคนที่เธอกำลังต้องการตัวที่สุดในตอนนี้ เพราะงานที่ต้องส่งอาจารย์ มีบางจุดที่เธอยังไม่เข้าใจ จึงคิดว่าจะขอความรู้จากอีกฝ่าย
“เอ่อ...เราไปข้างนอกมาจ้ะชบา” ช่อเอื้องหันไปตอบเพื่อนที่ลงเรียนคณะเดียวกัน
“เราขอรบกวนเวลานิดหนึ่งได้ไหม” ชบาเอ่ยขอเสียงอ่อน
“มีอะไรเหรอ?” ช่อเอื้องเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“เรื่องรายงานน่ะ” ชบาส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปอ้อนนางฟ้าใจดี ที่หากรู้สิ่งไหนจะก็บอกแบบไม่กั๊ก ทำให้เพื่อนๆ ต่างพากันรักในความมีน้ำใจของอีกฝ่าย
“ได้สิ” ช่อเอื้องคลี่ยิ้มให้บางๆ อย่างเข้าใจ
“งั้นไปที่ม้านั่งหน้าหอพักกันนะ” คนที่หอบหนังสือและไอแพดมาด้วยเอ่ยชวนอย่างดีใจ
“โอเคจ้ะ” ช่อเอื้องขานรับแล้วเตรียมจะออกเดินไปกับอีกฝ่าย
“จริงด้วย จะอะไรกันนักหนากับกระเป๋าแบรนด์เนม” เอ็นจอยบอกพลางถอนหายใจอย่างรู้สึกเพลียๆ
“ใช่! ทำตัวอย่างกับลูกคุณหนู” แฮปปี้บอกอย่างสมเพชในความทะเยอทะยานของดรีม
“นั่นสิ! เอื้องก็เหมือนกัน อะไรไม่ถูกก็พูดออกมาบ้าง ไม่ใช่ยอมและนิ่งอยู่แบบนี้” เอ็นจอยต่อว่าเหยื่อที่โคตรจะเรียนเก่ง แต่กลับไม่ค่อยทันเหลี่ยมคนสักเท่าไหร่
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันกับเอ็นจอยจะอยู่ข้างๆเธอ” แฮปปี้รีบปลอบหลังเห็นเพื่อนสาวทำท่าจะร้องไห้
“ขอบใจพวกเธอมากๆ นะ” ช่อเอื้องน้ำตาคลอ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบัตรที่แม่ทัพให้ใช้สามารถรูดซื้อของได้ในราคาเป็นแสน เพราะปกติเคยรูดซื้อของในราคาก็ไม่เกินหลักพัน
“เฮ้!” เอ็นจอยรีบดึงเพื่อนสาวเข้ามากอดและลูบหลังให้เบาๆ อย่างรู้สึกผิดที่เมื่อครู่เผลอพูดแรงไป
“เฮ้อ...กลับบ้านครั้งนี้ให้เธอเก็บของมีค่ากลับให้หมดนะเอื้อง นี่มันเทอมสองแล้ว ปีหน้าเราก็ย้ายออกไปพักข้างนอก คงไม่ค่อยได้เจอกับดรีมอีกแล้วล่ะ” แฮปปี้บอกเสียงอ่อน
“จ้ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับแล้วถอนหายใจเบาๆ
“คุณพ่อกับคุณแม่ของพวกเราซื้อบ้านให้หลังหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กับมหาลัยนี่แหละ ถ้าเธอเหงาก็มาพักอยู่กับพวกเรานะ”
“อืม! ขอบใจมากๆ นะ”
“เรื่องเล็กน่า แต่อย่าบอกดรีมล่ะ พวกเราไม่ต้อนรับนาง”
“ใช่! ว่าแต่เรียนจบเทอมสองแล้วเธอจะกลับกรุงเทพไหม” แฮปปี้ถามอย่างเต็มไปด้วยความหวัง เพราะตั้งใจว่าจะพาช่อเอื้องไปรู้จักกับคนในครอบครัว
“กลับสิ” คนที่ไม่ได้กลับบ้านหลังน้อยที่เคยอยู่กับพ่อมานาน บอกอย่างคิดถึง
“อย่าลืมโทรหาพวกเราด้วยล่ะ” เอ็นจอยรีบเสริม เพราะมีญาติเป็นคนในวงการและอีกฝ่ายอยากจะเห็นตัวจริงของช่อเอื้อง หลังได้เห็นรูปที่พวกเธอส่งไปให้มารดาดูบ่อยๆ ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน ซึ่งก็มีเพื่อนสาวคนสวยอยู่ด้วยทุกครั้ง
“ได้จ้ะ” ช่อเอื้องขานรับก่อนจะลงมือกินเนื้อย่างอย่างรู้สึกฝืดคอนิดๆ
ขณะที่ในสมองก็เอาแต่คิดถึงเงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทไม่หยุด กลัวว่าหากดรีมหาเงินมาใช้คืนให้ไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น จริงอยู่ที่แม่ทัพให้เงินเธอใช้เดือนละห้าหมื่น แต่เธอไม่เคยแตะต้องเงินจำนวนนั้นเลย เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอใช้เงินที่คุณมาลีนใส่มาให้ในกระเป๋าใบใหม่ที่ท่านมักจะซื้อมาฝากอยู่บ่อยๆ ซึ่งแต่ละใบจะมีเงินสดอยู่ข้างในสองหมื่นบาท เธอจึงใช้แต่เงินจำนวนนั้นมาตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)