วันต่อมา...(วันศุกร์)
“เอื้อง! ไปกันเถอะ” เอ็นจอยเอ่ยชวนหลังเก็บของลงใส่กระเป๋าเสร็จหมดแล้ว
“อืม!” ช่อเอื้องพยักหน้ารับแล้วหันไปหิ้วกระเป๋าลุกขึ้นยืน
“พวกเธอจะไปไหนกัน” ดรีมถามอย่างสงสัยเพราะปกติช่อเอื้องจะเอาแต่กระเป๋าหิ้วใบเล็กใส่เสื้อผ้ากลับบ้าน แต่นี่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาจัดของราวกับว่าจะย้ายกลับบ้านทั้งที่ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์
“ฉันกับเอ็นจอยจะกลับบ้านที่กรุงเทพ เอื้องก็เช่นกัน” แฮปปี้บอกด้วยสีหน้านิ่งๆ
“โอเค! ไว้เจอกันวันจันทร์” ดรีมพยักหน้ารับเบาๆ
“อืม! ว่าแต่กระเป๋าสวยนะ” เอ็นจอยถามพลางจ้องมองกระเป๋าหรูที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
“ตาถึง” ดรีมฉีกยิ้มกว้าง ตั้งแต่โพสต์รูปกระเป๋าลงไอจีกับเฟซบุ๊ก เธอก็ต้องไล่ตอบคอมเมนต์มากมายแทบไม่ทัน
“อย่าลืมคืนเงินเอื้องด้วยล่ะ” เอ็นจอยตอกกลับพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ
“เอ็นจอย” ช่อเอื้องรีบหันไปเตือนเพื่อนสาว
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวคนขับจะรอนาน” แฮปปี้ดึงแขนของช่อเอื้องให้เดินออกไปจากห้องพร้อมกับคู่แฝด
“พะ...พูดแบบนั้นดรีมเขาจะไม่โกรธเหรอ?” ช่อเอื้องพูดหลังจากที่เดินลงไปถึงชั้นล่าง
“แล้วตอนที่ยัยนั่นเอาบัตรเธอไปรูด เขาห่วงความรู้สึกของเธอหรือเปล่าล่ะ?” เอ็นจอยถามกลับอย่างเตือนสติ
“เลิกสนความรู้สึกของดรีมได้แล้วเอื้อง เมื่อคืนเธอเครียดจนนอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืนเลยรู้ตัวหรือเปล่า” แฮปปี้บอกพลางถอนหายใจ
“เพื่อนกันต่อให้สนิทขนาดไหนมันก็ต้องมีขอบเขตบ้าง ปีหน้าเลิกได้ก็เลิกนะไอ้นิสัยซื่อบื้อแบบนี้นะ เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด” เอ็นจอยต่อว่าตรงๆอย่างทนไม่ไหว ไม่อยากให้เพื่อนต้องกลายเป็นเหยื่อของคนหิวแสงอีก
“เอ็นจอย” แฮปปี้สะกิดเตือนเพื่อนคู่แฝด เพราะเห็นช่อเอื้องทำท่าจะร้องไห้
“ที่เตือนนี่เพราะรักนะเอื้อง” เอ็นจอยบอกพร้อมกับจ้องมองเพื่อนสาวคนสวยนิ่ง
“ฮึก...ฉันรู้ ขอบใจพวกเธอมากๆ นะ” ช่อเอื้องดึงเพื่อนทั้งสองเข้ามากอดอย่างซึ้งใจที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่เคยทิ้งเธอเลยสักครั้ง
“เฮ้ๆ มาน้ำตาแตกอะไรตอนนี้เดี๋ยวคนขับรถของเธอก็คิดว่าพวกฉันแกล้งเธอหรอก” เอ็นจอยลูบหลังให้เพื่อนสาวเบาๆ ขณะเดียวกันก็แอบเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“รีบไปขึ้นรถกันเถอะ” แฮปปี้สะกิดเตือนคู่แฝดและเพื่อนสาวหลังเห็นนักศึกษาคนอื่นๆ กำลังเดินลงบันไดมากันหลายคน
“อืม” ช่อเอื้องรีบเช็ดน้ำตา แล้วเดินออกไปขึ้นรถตู้คันใหญ่ที่แม่ทัพส่งมารับกับเธอเพื่อนสาวทั้งสอง ซึ่งมักจะติดรถไปขึ้นเครื่องที่สนามบินด้วยเป็นประจำ
รีสอร์ตอินธิรากรณ์...
“ขอบคุณมากๆ นะคะ” ช่อเอื้องลงจากรถเสร็จก็ยกมือไหว้คนขับพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
“ยินดีครับ” คนขับวัยห้าสิบปีรับไหว้ก่อนจะขับรถตรงไปจอดยังบ้านพักหลังใหญ่ของนายหญิง
“เอื้อง” คนที่มายืนรอรับส่งยิ้มหวานไปให้นางฟ้าคนสวยที่เดินก้มหน้าก้มตาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาด้วยท่าทีแปลกๆ
“สวัสดีค่ะพี่ทัพ” ช่อเอื้องวางกระเป๋าลงแล้วยกมือไหว้เจ้าชายสุดหล่อของเธออย่างรู้สึกใจคอไม่ดี
“สวัสดีครับ เมื่อวานหนูไปซื้อกระเป๋ามาเหรอ?” แม่ทัพรับไหว้ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หนูก็ไม่อยากค่ะ” คนที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้ น้ำตาไหลอาบแก้มขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นก็ยิ้มให้พี่สิครับ” แม่ทัพใช้นิ้วเกลี่ยหยดน้ำตาที่แก้มนวลออกให้ อย่างเบามือ
“...” ช่อเอื้องฉีกยิ้มหวานให้ทั้งน้ำตา
“แบบนี้แหละคนดี” แม่ทัพก้มลงจูบยังริมฝีปากบางที่สั่นระริกอย่างคิดถึง
“อื้ม...” ช่อเอื้องครางเบาๆ พร้อมกับจูบตอบเจ้าชายของเธอ อย่างซาบซึ้งใจ ที่อีกฝ่ายทั้งน่ารัก อบอุ่น และใจดีจน...เธอไม่คิดว่าเจอะเจอผู้ชายคนไหนที่เป็นได้เหมือนกับเขาอีก
อาทิตย์ต่อมา...(วันศุกร์สุดท้ายของการเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง)
หลังจากที่ดรีมเอากระเป๋าใบดังกล่าวไปปล่อยขายในกลุ่มแบรนด์ดังมือสอง ก็ไล่ยืมเงินเพื่อนอีกหลายคนจนครบหนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันบาท จากนั้นก็รีบโอนเงินคืนช่อเอื้อง พร้อมกับโพสต์รูปสลิปการโอนลงไอจีโดยเบลอชื่อเจ้าของบัญชี ภายใต้แคปชัน ‘#หมดเวรหมดกรรมสักที’
แฮปปี้เห็นแล้วทนไม่ไหว จึงเข้าไปคอมเมนต์ตอกกลับ
Happy: อ้าว! คืนเงินที่ยืมเอื้องไปซื้อกระเป๋าแล้วเหรอจ๊ะดรีม
Enjoy: ใช่ใบที่บอกว่าแม่ซื้อให้หรือเปล่า?
Happy: ใบนั้นแหละ
กลายเป็นกระแสดราม่าที่มีนักศึกษารุ่นพี่พากันเข้ามาส่องเกือบทั้งมหา’ลัย เพราะช่อเอื้องเป็นน้องใหม่ที่หน้าตาสะสวยและมารยาทดี ทำให้ใครต่อใครต่างพากันลุ้นให้จิ้นคู่กับหนุ่มหล่อ รวย และเรียนเก่งอย่างภีมรภัทร รุ่นพี่ปีสองที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตเดือนมหา’ลัย
ดรีมทั้งอับอายและโกรธที่สองสาวเข้ามาประจานเธอ จนต้องรีบลบโพสต์ต่างๆ ทิ้งแทบไม่ทัน เพราะกลัวว่าจะถูกสาวไส้ออกมาประจานกลางโซเชียลว่ากระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง จากแบรนด์ดังที่เคยโพสต์อวด ไม่ใช่ของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)