“คนที่ขายเก่ง เขาต้องขายด้วยความสามารถ ไม่ใช่เอาตัวเข้าแลก หรือใช้เสน่ห์ยั่วยวนผู้ชายให้เขามาซื้อ เพราะขายแบบนั้นมันเหมือนขายตัวโดยเอาประกันมาบังหน้า ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของบริษัทผมไม่สนับสนุนพฤติกรรมแบบนี้”
ถ้อยคำของเขาทำเอาบุรฉัตรเจ็บจนจุก ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างติณห์จะร้ายกาจได้ขนาดนี้
“ก็ช่วยไม่ได้นะคะ คนมันสวยมีเสน่ห์ ต่อให้ไม่ตั้งใจจะใช้ลูกค้าเขาก็วิ่งเข้ามาซื้อเอง คุณติณห์คงเข้าใจใช่ไหมคะ เพราะก็...เคยซื้อมาก่อน”
บุรฉัตรสาดคำพูดรุนแรงกลับไป นาทีนี้ต่อให้เขาจะโกรธจนยกเลิกสัญญาผูกปิ่นโตกับเธอ เธอก็ยอม ไม่ทนมันแล้วโว้ย คนอย่างอีบลูฆ่าได้หยามไม่ได้ ความอดทนมันมีขีดจำกัด
ติณห์ข่มอารมณ์สุดฤทธิ์ อยากจะหักคอคนที่ตั้งหน้าประชดประชันเขา นี่จะเอาชนะให้ได้ในทุกเรื่องเลยใช่ไหม อยากจะสาดคำพูดใส่เธอแรงๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าให้ข่มใจ
“อยากไปไหนก็ไป วันนี้ไม่เอาต่อแล้ว หมดอารมณ์”
ติณห์หันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป อย่างคนที่อารมณ์เสียสุดๆ
บุรฉัตรยักไหล่แสดงอาการว่าไม่แคร์แม้ในใจจะเจ็บร้าวไปหมด
นับวันติณห์ยิ่งร้ายกาจ ไม่ได้น่ารักเหมือนที่ผ่านมาเลยสักนิด เธอหลงรักผู้ชายแบบนี้เข้าไปได้ยังไงนะ
กว่าเจ็ดวันแล้วที่ติณห์ไม่ได้มาหาเธอเลย ซึ่งก็ดี เธอจะได้หายใจหายคอสะดวกหน่อย
ถ้าเจอหน้ากันแล้วต้องสาดอารมณ์ใส่กันแบบนั้นก็อย่ามาเจอกันเสียเลยจะดีกว่า
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นพราวตาโทรเข้ามา
บุรฉัตรใจเต้นแรง เพราะรอลุ้นผลStar Talentของบริษัทอยู่
“ฮัลโหลเจ๊เป็นยังไงบ้าง”
บุรฉัตรเอ่ยถามน้ำเสียงตื่นเต้น
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะจ๊ะเทรนเนอร์บลู”
พอได้ยินแบบนั้นบุรฉัตรก็กรี๊ดทันที
“เจ๊แปลว่าอะไร บลู บลูได้รับคัดเลือกใช่ไหม”
พราวตาถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเมื่อรุ่นน้องกรี๊ดลั่นโทรศัพท์ ขี้หูเต้นระบำหมดแล้ว
“โอ๊ยหูเจ๊จะแตก ใช่จ้ะบลูได้รับคัดเลือก”
เมื่อได้รับการคอนเฟิร์มแบบนั้น ในใจของบุรฉัตรก็เบิกบานไปหมด อยากโทรไปบอกพ่อกับแม่มาก พ่อของเธอคงดีใจมากเมื่อรู้ว่าเธอได้รับคัดเลือกให้เข้าโครงการStar Talent ที่จะได้รับการฝึกฝนให้เป็นเทรนเนอร์ของบริษัท
ตอนนี้พ่อของเธอ ทำตัวดีขึ้นมากหลังจากที่เธอให้เงินพ่อทุกเดือนเดือนละสี่พัน โดยเธอบอกพ่อว่าไม่ต้องซื้อหวยแล้ว เธอจะให้เงินรางวัลกับพ่อเอง
จะไม่ให้เธอภูมิใจในตัวเองได้อย่างไร นอกจากผลงานยอดขายจะเข้าเกณฑ์แล้ว เธอยังต้องมีความรู้เรื่องของประกันอย่างดีเยี่ยม และต้องมีทักษะทางด้านการพูดที่ดีอีกด้วย
นึกขอบคุณคุณครูสมัยอนุบาลสองที่จับเธอขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรเพราะเห็นเธอพูดมาก หลังจากนั้นก็ดูเหมือนกับว่าการพูดการเป็นพิธีกรจะเป็นความสามารถพิเศษของเธอไป จนเธอสามารถต่อยอดมาเป็นทักษะในการใช้เลี้ยงตัวเองได้ในวันนี้
“เจ๊แล้วบลูต้องเริ่มงานเมื่อไหร่”
บุรฉัตรถามอย่างตื่นเต้น
“วันจันทร์นี้บลูต้องไปรายงานตัวที่ตึกพิริยะกุลตอนสิบโมงจ้ะ”
เช้าวันจันทร์บุรฉัตรแต่งตัวสวยด้วยชุดที่ติณห์เคยซื้อให้สมัยเก็บกระเป๋ามาอยู่กับเขาใหม่ๆ ถ้ารู้ว่าวันนี้เขาจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นอีบลูจะขอให้เขาซื้อให้เยอะๆ ไม่น่าโง่เลย
ชุดทำงานที่ติณห์ซื้อให้เนื้อผ้าดี ตัดเย็บดี ใส่แล้วดูดีมาก เสียดายที่มีแค่ห้าชุด จะให้ไปซื้อเองเธอคงไม่ซื้อหรอก เพราะชุดหนึ่งราคาเป็นหมื่น ถ้าให้ไปซื้อเองตลาดนัดสองร้อยห้าสิบก็หรูแล้ว คนมันสวยใส่งานตลาดนัดก็สวยเหมือนกันนั่นแหละ
บุรฉัตรแกะกล่องกระเป๋าชาแนลที่ติณห์ซื้อมาให้ออกมาใช้ แม้จะบ่นว่ามันแพงเสียดายเงินยังไง พอแกะออกมาดูมันก็สวยจริงๆ ยิ่งพอเอามาสะพายตอนที่แต่งตัวแบบนี้มันดูดีมาก บุรฉัตรมองตัวเองอย่างพอใจ
‘มึงนี่มันสวยจริงๆเลยอีบลู’ ชมตัวเองเอาฤกษ์เอาชัยเสร็จบุรฉัตรก็นั่งแท็กซี่ไปที่ตึกพิริยะกุล
วันแรกของการทำงานขอนั่งแท็กซี่เถอะ วันหลังค่อยไปรถไฟฟ้าเพราะถ้าจะไปรถไฟฟ้าต้องโบกพี่วินไปส่งที่สถานี เดี๋ยวชุดสวยๆจะเลอะหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา