วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1069

ณ กรุงปักกิ่ง

เยี่ยชิวที่เพิ่งจบบทสนทนากับเฉียนจิ้งหลาน และรถที่เพิ่งจะถึงพระราชวังต้องห้าม

ท่าทางของเยี่ยชิวนั้นดูเร่งรีบมาก เหตุผลที่เขามาพระราชวังต้องห้ามนี้ก็เพราะจะมาหาของล้ำค่าที่พอจะสามารถช่วยรักษาเยี่ยหวู่ซวงได้

เยี่ยชิวคิดกับตัวเองว่า ในฐานะที่พระราชวังต้องห้ามเป็นที่ที่ทรงพลังที่สุดในโลกและมีผู้ฝึกฝนที่เป็นอมตะมากมาย พระราชวังต้องห้ามต้องเก็บรวบรวมสมบัติที่ล้ำค่ามากมายเอาไว้แน่

หลังจากลงจากรถแล้ว

เมื่อเยี่ยชิวเหลือบมองไปข้างหน้าก็เห็นว่าด้านนอกของพระราชวังต้องห้ามนั้นได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา

เขาเดินไปที่ประตูเมือง

โดยไม่คาดคิด ทันทีที่เยี่ยชิวเดินไปถึงประตู เขาก็ถูกทหารยามหลายคนหยุดไว้

“หยุด!”

ทหารยามตะโกนขึ้นอย่างไร้อารมย์พร้อมพูดว่า:“ผู้อาวุโสถังสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไป โปรดกลับไป! ”

ถัดจากเขา ทหารยามอีกหลายคนจ้องมองที่เยี่ยชิวด้วยสายตาที่เฉียบคม มือขวาของพวกเขาจับปืนไว้ที่เอว ตราบใดที่ยี่ยชิวเคลื่อนไหว พวกเขาก็จะดำเนินการโดยไม่ลังเลใจ

“ข้าเป็นคนของพระราชวังซาตาน”

เยี่ยชิวหยิบบัตรอนุญาตประจำตัวของเขาออกมา และมอบมันให้ทหารยามหลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า:“ข้าต้องเข้าไปทำธุระบางอย่าง พวกคุณช่วยรบทางให้ข้าด้วย”

ทหารยามไม่แม้แต่ดูบัตรอนุญาตประจำตัวของเยี่ยชิว และยังคงพูดต่อว่า:“ผู้อาวุโสถังสั่งว่าห้ามไม่ให้ใครเข้าไป งั้นอย่างนั้นจะต้องถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี”

พวหเขาเหล่านี้ทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสเยี่ยอย่างเคร่งคัด และเยี่ยชิวนั้นก็ไม่อยากที่จะรู้สึกลำบาก ดังนั้นเขาถึงโทรหาผู้อาวุโสถังตรงนั้น ณ เวลานั้นเลย ทำเช่นนี้เขาถึงเข้าพระราชวังต้องห้ามได้

ตอนนี้สนามรบที่เป็นที่ต่อสู้ของเยี่ยหวู่ซวงและผู้คุ้มกันเมืองนั้นถูกผู้อาวุโสถังจัดการคนมาทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว

เยี่ยชิวนั้นเดินตรงเข้าไปในตำหนักหลักของพระราชวังต้องห้าม

เมื่อเขาเข้าไปในประตูเขาก็ตกใจ

เมื่อเข้าเหลือบตาขึ้นไปมองก็เห็นบัลลังก์ทองคำที่สลักลายมังกรตั้งอยู่

หลังจากนั้น เยี่ยชิวก็เห็นเสาทองแดงขนาดใหญ่ห้าต้น ด้านบนเสานั้นใช้ทองคำบริสุทธิ์ในการแกะสลักลายมังกรอีกช่นกัน

จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าพื้นปูด้วยหยกอ่อนสีขาว

นอกจากนี้ยังมีสิ่งของที่ทำจากทองคำ เงิน และหยกต่าง ๆ วางไว้ในตำหนักอีกมากมาย

หากคำนวณเป็นเงิน ข้าวของในตำหนักนี้คงจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน

แต่ทว่าสายตาของเยี่ยชิวนั้นไม่ได้เป็นแวววาวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ดวงตาของ Ye Qiu สงบลง และเขาเพียงแค่มองไปรอบ ๆ จากนั้นรีบออกจากตำหนักนั้นและเข้าไปในตำหนักงอื่น

ตำหนักที่สองนั้นพิเศษยิ่งกว่าตำหนักเมื่อสักครู่

ที่ทางเข้าตำหนักมีต้นไซเปรสอายุมากกว่าหนึ่งหมื่นปีปลูกไว้ แต่ละต้นหนาพอ ๆ กับอ่างอาบน้ำและลำต้นมีสีดำไหม้เกรียม

เห็นได้ชัดว่าต้นไซเปรสอายุพันปีเหล่านี้นั้นถูกฟ้าผ่ามา

พลังชีวิตนั้นของมันเหนียวแน่นมากจึงทำให้มันยังไม่ตายแต่กลับมีดอกไม้บานออก และใบไม้สีเขียวที่เพิ่งจะเกิดใหม่

“โชคดีที่ข้าไม่ได้พาตาเฒ่านั้นมาที่นี่ ไม่อย่างนั้น ได้ถ้าเขาเห็นต้นไซเปรสอายุพันปีนี้ เขาคงจะบ้าไปแล้ว” เยี่ยชิวแอบดีใจ

ต้นไซเปรสอายุพันปีที่เคยถูกฟ้าผ่าเหล่านี้นั้นจะพูกเรียกว่าเป็นไม้สายฟ้าฟาด และเป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับทำเครื่องใช้ต่างๆ ของแบบนี้นั้นล่อตาล่อใจอมตะชางเหม่ยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

หลังจากนั้นสายตาของเยี่ยชิวก็ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูตำหนักนั้น

แม้ว่าตำหนักนี้จะไม่เคร่งขรึมและสง่างามเหมือนตำหนักแรก แต่ก็มีเสานัมมูสีทองเก้าต้นยืนตั้งอยู่ที่ประตู เยี่ยชิวยังเห็นถังเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของตำหนักอีกด้วย

ถังเก็บน้ำทำด้วยทองสัมฤทธิ์และมีห่วงหัวสัตว์ทั้งสองด้าน

ดูแล้วเรียบง่ายและเป็นวัฏจักรของชีวิต

“ถังไท่พิง!”

เยี่ยชิวพูดขึ้นเบา ๆ

ในสมัยโบราณ ครอบครัวที่ร่ำรวยชอบวางถังน้ำไว้ในสวน ซึ่งมีความหมายว่าจะทำให้บ้านปลอดภัย

กล่าวกันว่า พระราชวังต้องห้ามในสมัยโบราณนั้นชอบมีเกิดอัคคีภัยเกิดขึ้นบ่อยๆ ดังนั้น จักรพรรดิจึงสั่งให้ผู้คนสร้างถังไท่พิงมาสามร้อยหกสิบห้าใบ โดยปกติแล้วถังไท่พิงจะเต็มไปด้วยน้ำ เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้ว ก็สามารถใช้น้ำในถังไท่พิงดับไฟได้อย่างทันทีให้รีบดับ

บุคคลภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพระราชวังต้องห้าม ซึ่งหมายความว่าเฉพาะผู้ที่มาจากเมืองต้องห้ามเท่านั้นที่จะทิ้งรอยเท้าไว้ที่นี่

“มีอะไรผิดปกติกับแผ่นศิลานี้หรือเปล่า?”

เยี่ยเดินไปรอบๆ แผ่นศิลาและพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติยกเว้นรอยเท้า

หลังจากนั้นเข้าก็เปิดดวงตาสวรรค์ของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยชิวก็ค้นพบเบาะแสอะไรบางอย่าง

“เป็นอย่างนี้นี้เอง”

เยี่ยชิวเดินตรงไปหาเต่าทองสัมฤทธิ์ และถ่ายทอดภายในลงบนปลายนิ้วของเขา หลังจากนั้นเขากดนิ้วหนึ่งนิ้วลงไปบนตาซ้ายของเต่าทองสัมฤทธิ์

ทันใดนั้น ดวงตาของเต่าทองสัมฤทธิ์ก็จมลึกลงไป

วินาทีต่อมา แผ่นศิลาก็สั่น และเต่าทองสัมฤทธิ์ก็ค่อย ๆ ขยับออกไปสามฟุต

จากนั้น อุโมงค์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเยี่ยชิว

เยี่ยชิวเดินตรงเข้าไปในอุโมงค์โดยไม่ลังเล

อุโมงค์มีความกว้างมากกว่าสองเมตร สูงประมาณสามเมตร บนผนังทั้งสองด้านจะมองเห็นตะเกียงน้ำมันตุงทุกๆสามเมตร

แม้ว่าจะอยู่ใต้ดินแต่ก็ไม่รู้สึกชื้นและมืดมนแต่อย่างใด กลับอบอุ่น ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องที่มีเครื่องทำความร้อน อุโมงค์มีความยาวเต็มร้อยเมตร

หลังจากเดินผ่านอุโมงค์ ประตูทองแดงบานใหญ่อีกบานก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ประตูทองสัมฤทธิ์แกะสลักหัวมังกรขนาดใหญ่ ซึ่งมันดูสมจริงและสวยงามมาก

เยี่ยชิวค้นหามันแต่ไม่พบกลไกอะไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้เพื่อเปิดประตูทองสัมฤทธิ์นี้

เขากดมือของเขาบนประตูทองสัมฤทธิ์ จากนั้นเขาก็ใช้วิชามังกรศักดิ์สิทธิ์เก้าชั้นเชิง โดยเน้นความแข็งแกร่งของร่างกายทั้งหมดไปที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ออกแรงทั้หมดไปทีเดียว

“เปิด!”

ปึก——

ประตูทองสัมฤทธิ์ถูกเยี่ยชิวเปิดออก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ