วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1143

“จะทำให้ฉันเสียใจไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ? ก็ลองดูสิ!”

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินที่เยี่ยชิวพูด ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึม ความและเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับเขา แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองก็ยังสุภาพกับเขา เขาไม่คิดว่าเด็กตรงหน้าเขาจะบ้าขนาดนี้

เป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายคนนี้มีภูมิหลัง?

ชายวัยกลางคนเริ่มที่จะระมัดระวังมากขึ้น

เพราะยังไงแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว เด็กที่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของชนชั้นสูงได้นั้น มักจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือตระกูลสูงศักดิ์

“อาจารย์สวี ชายคนนี้คือใคร?”ชายวัยกลางคนถามขึ้นเบาๆ

อาจารย์สวีก็ไม่รู้จักที่มาของเยี่ยชิวเช่นกัน และเขาก็พูดว่า:“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ฉันรู้ว่าภรรยาของเขาเปิดร้านเสริมสวยและก็มีเงินพอตัว”

เป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อชายวันกลางได้ยินเช่นนั้น เขาก็เริ่มที่จะไม่ระมัดระวังคำพูดกับเยี่ยชิวแล้ว และเขาก็พูดขึ้นว่า:“ฉันจะฉันขอเตือนนายอีกครั้งนะ รีบขอโทษอาจารย์สวีเดียวนี้”

“นอกจากนี้ ลูกสาวของนายก็ต้องขอโทษลูกชายของฉันด้วย แล้วต้องขอโทษจนกว่าลูกชายของฉันจะยกโทษให้เธอด้วย”

“ไม่อย่างนั้น ลูกสาวของนายจะไม่เพียงแต่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเท่านั้น แต่ฉันยังรับประกันได้ด้วยว่าไม่มีโรงเรียนใดในเจียงโจวจะรับเธอเข้าเรียนอีกด้วย”

เยี่ยชิวยิ้มเชิงหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า:“ปากดีขนาดนี้ นายคิดว่าโรงเรียนในเจียงโจวทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของนายงั้นหรอ?”

ชายวัยกลางคนหัวเราะ:“นายพูดถูกแล้วล่ะ ทุกโรงเรียนในเจียงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน”

หื้ม?

เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

แล้วอาจารย์สวีก็พูดตามขึ้น:“อธิบดีเฉาเป็นอธิบดีทางด้านการศึกษาของเมืองเจียงโจว หากคุณทำให้อธิบดีเฉาขุ่นเคืองใจล่ะก็ คุณคิดว่ามีโรงเรียนไหนในเจียงโจวจะกล้ารับลูกสาวของคุณเข้าเรียนอีกหรือไม่?”

“รีบของโทษฉันเดียวนี้”

“ฉันไม่ต้องการอะไรมากหรอก เพียงแค่ได้ตบคุณสักสามทีก็พอแล้ว”

และทันใดนั้นเอง เด็กชายเฉาตงก็ชี้ไปทางเชี่ยนเชี่ยนพูดขึ้นว่า:“ลูกเมียน้อย เธอแค่นั่งคุกเข่าที่เป้ากางเกงของฉันแล้วเรียกฉันว่าพ่อแค่นั้น ฉันก็ยกโทษให้เธอแล้ว”

“ฝันไปเถอะ”เชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยความโกรธ

เด็กชายพูดอย่างจริงจัง:“ถ้าวันนี้เธอไม่ขอโทษฉัน รอเธอโตขึ้น ฉันจะจับเธอมาขังไว้ และให้เธอเป็นทาสของฉันไปตลอดชีวิต”

มันเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อมากว่า คำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากของเด็ก

และสิ่งที่ทำให้เยี่ยชิวโกรธมากที่สุดก็คือ ชายวัยกลางคนคนนั้นยังคงยืนอยู่เคียงข้างเด็กชายและทำกริยาท่าทางที่ไม่แยแสอะไรเลย

บูม!

ทันใดนั้น ดวงตาของเยี่ยชิวก็เปลี่ยนไปเป็นสายตาที่คมกริบราวกับมีด และก็เหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องมองไปที่เด็กชายตัวเล็ก ๆ

เด็กที่อายุเพียงไม่กี่ขวบจะทนสายตาเย็นชาของเยี่ยชิวได้อย่างไร เมื่อเขามองไปที่เยี่ยชิว ทันทีที่ได้สบตากัน เด็กชายก็กลัวจนร้องไห้ออกมา

“แง——”

เด็กชายนั่งลงกับพื้นและร้องไห้เสียงดัง ขณะร้องไห้ เขาก็ตะโกนว่า:“พ่อ ฆ่ามันซะ”

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นลูกชายของเขาร้องไห้หลังจากถูกเยี่ยชิวมอง เขาก็โกรธมาก เขาชี้ไปที่เยี่ยชิวแล้วตะโกนว่า:“ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ นายขะขอโทษไหม?”

เยี่ยชิวเยี่ยอย่างเย็นชา:“อยากให้ฉันขอโทษหรอ ฝันไปเถอะ!”

“ได้ ได้เลย ได้!”ชายวัยกลางคนพูดคำได้ๆถึง สามคำติด แล้วหัวเราะด้วยความโกรธ: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ล่ะก็ นายจะมาโทษฉันทีหลังไม่ได้นะ อาจารย์สวีเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาที”

อาจารย์สวีนั้นรอที่จะเอาคืนเยี่ยชิวมานานแล้ว เมื่อได้ยินชายวัยกลางคนพูดเช่นนั้น เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรทันที

สองนาทีต่อมา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหงื่อออกท่วมตัวทั้งห้าคนปรากฏตัวที่สำนักงาน

“อาจารย์สวี คุณต้องการให้เราทำอะไร” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถาม

อาจารย์สวีตอบกลับว่า:“ไม่ใช่ฉันเรียก อธิบดีเฉาเป็นคนเรียก”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายมองไปที่อธิบดีเฉาด้วยสายตาแบบเดียวกัน พวกเขาคิดว่าชายวัยกลางคนเรียกพวกเขามาทำไม แต่ละคนนั้นเริ่มรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข

ชายวัยกลางคนชี้ไปที่เยี่ยชิวและบอกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า :“ผู้ปกครองท่านนี้ก่ออาชญากรรมในโรงเรียน ทุบตีอาจารย์สวี และเขาก็ยังปฏิเสธที่จะขอโทษ”

“พวกคุณช่วยฉันสั่งสอนเขาหน่อยสิ”

“ทำให้เขาหลาบจำที”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายถอดหายใจด้วยความโล่งอก

ที่แท้ก็ไม่ใช่พวกเขาที่ทำอะไรผิดไป

“อธิบดีเฉาสบายใจได้เลย พวกเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”

พูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายก็เดินเข้าไปหาเยี่ยชิว

“พ่อคะ——”เชี่ยนเชี่ยนรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอโถมตัวเข้าไปที่อ้อมแขนของเยี่ยชิว

“ไม่เป็นไรนะเชี่ยนเชี่ยน ไม่ต้องกลัวนะ”เยี่ยชิวเมินเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลาย และหันไปมองที่ชายวัยกลางคนและพูดว่า:“ถ้านายยอมคุกเข่า และขอโทษตอนนี้ บางทีฉันอาจจะพิจารณาปล่อยนายไปก็ได้นะ”

“นายพูดว่าอะไรนะ?จะให้อธิบดีเฉาคุกเข่าขอโทษ? นายเสียสติไปแล้วหรอ!”แล้วอาจารย์สวีก็ตะคอกใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายว่า:“ทุบตีมันให้ตาย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายก็พุ่งตัวเข้าไปหาเยี่ยชิว

สำหรับพวกเขาแล้ว เยี่ยชิวเป็นแค่เพียงวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

โดยไม่คาดคิด ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้เยี่ยชิว และก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัว พวกเขาก็กระเด็นออกไปทีละคน

พรึบ พรึบ พรึบ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนล้มลงกับพื้นและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

“จะทำให้ฉันเสียใจไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ? ก็ลองดูสิ!”

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินที่เยี่ยชิวพูด ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึม ความและเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับเขา แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองก็ยังสุภาพกับเขา เขาไม่คิดว่าเด็กตรงหน้าเขาจะบ้าขนาดนี้

เป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายคนนี้มีภูมิหลัง?

ชายวัยกลางคนเริ่มที่จะระมัดระวังมากขึ้น

เพราะยังไงแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว เด็กที่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของชนชั้นสูงได้นั้น มักจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือตระกูลสูงศักดิ์

“อาจารย์สวี ชายคนนี้คือใคร?”ชายวัยกลางคนถามขึ้นเบาๆ

อาจารย์สวีก็ไม่รู้จักที่มาของเยี่ยชิวเช่นกัน และเขาก็พูดว่า:“ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ข้ารู้ว่าภรรยาของเขาเปิดร้านเสริมสวยและก็มีเงินพอตัวเลย”

เป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อชายวันกลางได้ยินเช่นนั้น เขาก็เริ่มที่จะไม่ระมัดระวังคำพูดกับเยี่ยชิวแล้ว และเขาก็พูดขึ้นว่า:“ฉันจะฉันขอเตือนนายอีกครั้งนะ รีบขอโทษอาจารย์สวีเดียวนี้”

“นอกจากนี้ ลูกสาวของนายก็ต้องขอโทษลูกชายของฉันด้วย แล้วต้องขอโทษจนกว่าลูกชายของฉันจะยกโทษให้เธอด้วย”

“พ่อคะ——”เชี่ยนเชี่ยนรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอโถมตัวเข้าไปที่อ้อมแขนของเยี่ยชิว

“ไม่เป็นไรนะเชี่ยนเชี่ยน ไม่ต้องกลัวนะ”เยี่ยชิวเมินเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลาย และหันไปมองที่ชายวัยกลางคนและพูดว่า:“ถ้านายยอมคุกเข่า และขอโทษตอนนี้ บางทีฉันอาจจะพิจารณาปล่อยนายไปก็ได้นะ”

“นายพูดว่าอะไรนะ?จะให้อธิบดีเฉาคุกเข่าขอโทษ? นายเสียสติไปแล้วหรอ!”แล้วอาจารย์สวีก็ตะคอกใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายว่า:“ทุบตีมันให้ตาย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหลายก็พุ่งตัวเข้าไปหาเยี่ยชิว

สำหรับพวกเขาแล้ว เยี่ยชิวเป็นแค่เพียงวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

โดยไม่คาดคิด ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้เยี่ยชิว และก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัว พวกเขาก็กระเด็นออกไปทีละคน

พรึบ พรึบ พรึบ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนล้มลงกับพื้นและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง

ชายวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:“ก็ว่า ทำไมถึงอวดดีขนาดนี้ ที่ไหนได้ก็มีความรู้กังฟูพื้นฐานนี้เอง แต่นายอย่าลืมไปล่ะ ว่าในยุคนี้โลกถูกปกครองโดยกฎหมาย”

หลังจากที่พูดจบ ชายวัยกลางคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก

เห็นได้ชัดเลยว่า เขากำลังตามคนมา

เยี่ยชิวไม่เพียงแต่จะไม่ได้หยุดเขาแล้ว เขายังตั้งตารอดูอีกว่าในเจียงโจวนี้จะมีใครกล้าต่อต้านเขา

เมื่ออีกฝ่ายรับโทรศัพท์

“เหลาเว่ย ฉันลาวเฉาเอง ฉันมีปัญหานิดหน่อย ช่วยพาคนมาที่โรงเรียน....โอเค ฉันจะรอ”

เมื่อวางสาย ชายวัยกลางคนก็มองไปที่เยี่ยชิวและพูดว่า:“รอก่อนเถอะ เดียวก็จะมีคนมาจัดการนายแล้ว”

อาจารย์สวีรีบดึงเก้าอี้ให้ชายวัยกลางคนแล้วพูดอย่างประจบประแจงว่า:“อธิบดีเฉา เชิญนั่ง”

ชายวัยกลางคนนั่งลงแล้วถามว่า:“อาจารย์สวี ลูกชายของฉันเข้าร่วมการแข่งขันการเขียนเรียงความระดับเมือง เขาสามารถชนะและได้รางวัลในการแข่งนี้ได้หรือเปล่า?”

อาจารย์สวีพูดด้วยรอยยิ้ม:“อธิบดีเฉาไม่ต้องเป็นกังวลไป เฉาตงเป็นเด็กฉลาด ฉันสามารถช่วยเขาแก้ไข้เรียงความที่เขียนได้ เขาจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน”

“ฉันยังได้พูดคุยกับคณะกรรมการทั้งหลายเป็นการส่วนตัวอีกด้วย พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผลงานที่เฉาตงเขียนเป็นอะไรที่หาดูได้ยากมาก ไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันในเมืองของเราเลย แม้ว่าจะแข่งขันกันทั่วประเทศก็ยังได้ ”

“จริงหรอ?”ชายวัยกลางคนประหลาดใจเล็กน้อยและถามต่อว่า:“ลูกชายของฉันเขียนเรียงความได้ดีขนาดนั้นเชียวหรอ?”

อาจารย์ซูยิ้มและพูดว่า:“ถูกต้องแล้วครับ คณะกรรมการทุกคนชอบมันมาก”

ชายวัยกลางคนถามอีกครั้ง : “เรียงความชื่ออะไรหรอ?”

อาจารย์สวีตอบกลับว่า:“พ่ออธิบดีของฉัน”

ชายวัยกลางคนหัวเราะขึ้น

อาจารย์สวีพูดต่อว่า:“คณะกรรมการทุกคนต่างพูดว่าเฉาตงสามารถใช้คำพูดง่ายๆ ในการแสดงความรักของพ่อมีต่อลูกชายอย่างลึกซึ้งและละเอียดอ่อน จากเหตุการณ์ธรรมดาๆ เขาแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยและความรักที่พ่อมีต่อลูกชาย อารมณ์ของเขาจริงใจและเป็นแรงบันดาลใจ มัน ทำให้คนหลั่งน้ำตาจนเรียกได้ว่าเป็นฉากในละครได้เลย”

“คณะกรรมการยังพูดอีกว่าเฉาตงมีความสามารถด้านวรรณกรรมมาก หากเขาได้รับการฝึกฝนอย่างอย่างดีล่ะก็ เด็กคนนี้จะกลายเป็นนักกวีเช่นลี่ไป๋หรือซูซือในอนาคตอย่างแน่นอน”

“ยังมีคณะกรรมการอีกสองคนที่อยากจะรับเฉาตงเป็นลูกศิษย์โดยตรงอีกด้วย”

“สมกับเป็นลูกชายของฉันจริงๆ”ชายวัยกลางคนแตะที่หัวของเด็กชายตัวเล็ก ๆ แล้วพูดว่า :“เดียวพ่อจะพาไปโอเชียนปาร์คนะ”

“เย้ เย้”เด็กชายร้องออกมาอย่างมีความสุข

ผ่านไปสักพัก

อยู่ๆก็มีตำรวจในชุดเครื่องแบบบุกเข้ามา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ