ฉินซูเข้าร่วมการฝึกอบรมในชนบทที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัย
จำนวนนักศึกษาแพทย์ที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้มีด้วยกัน 20 กว่าคน สถานที่จัดตั้งค่ายอยู่ในหมู่บ้านซานเซีย
หลังจากกลับมาถึงค่าย เพื่อน ๆ ต่างก็นอนหลับกันหมด
ฉินซูตักน้ำชำระล้างร่างกาย
เมื่อเห็นร่องรอยที่อยู่บนร่างกายของตนเอง เบ้าตาก็แดงก่ำ
อุตส่าห์ทะนุถนอมความบริสุทธิ์ของตนเองไว้กว่า 20 ปี โดยคิดไว้ว่าจะมอบมันให้แก่ชายผู้เป็นที่รัก
“เมิ่งฟาน ฉันขอโทษ”
ฉินซูก้มหน้าสะอื้นไห้
ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าเธอจะควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้คืนสู่สภาพเดิมได้อีกครั้ง
การร้องไห้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
เธอเสียตัวไปแล้ว และไม่ได้มีความคิดที่จะปกปิดหลินเมิ่งฟาน เธอตัดใจสินที่จะสารภาพกับเขาหลังจากกลับไป
เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ อีกทั้งเมิ่งฟานยังเป็นคนที่อ่อนโยน เอาใจใส่ และรักเธอมาก เธอเชื่อว่าเขาจะต้องเข้าใจเธอ…
หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จ ฉินซูก็กลับไปนอน
เธอพบว่าเตียงนอนด้านข้างยังว่างเปล่า หวังอี้หลินเพื่อนสนิทของเธอยังไม่กลับมา
“อี้หลินบอกว่าต้องไปกินข้าวที่บ้านญาติในเมือง ระยะทางค่อนข้างจะไกลมาก ดูท่าแล้วคืนนี้คงจะไม่กลับมา...”
คิดได้แบบนี้ฉินซูจึงหลับตาเข้านอน
ในเวลาเดียวกัน
ภายใต้แสงจันทร์ เงาของร่างหนึ่งสภาพกระเซอะกระเซิงกำลังวิ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่ท่ามกลางป่าเขา
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครไล่ตามมาด้านหลัง เธอก็ค่อย ๆ ผ่อนจังหวะฝีเท้าลง เช็ดถูใบหน้าและด่าสาปแช่ง
“ไม่มีอะไร อย่ามองสภาพที่น่ารังเกียจของตัวเอง...”
เมื่อนึกถึงชายรูปร่างอัปลักษณ์ดุร้ายน่ากลัวคนนั้น หวังอี้หลินก็รู้สึกสะอิดสะเอียด คลื่นไส้ อยากจะอาเจียนออกมาทันที
แค่จะไปกินข้าวที่บ้านญาติ ใครจะรู้ว่าจะต้องมาพบเจอกับเรื่องโชคร้ายแบบนี้
แต่จู่ ๆ เธอก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง
หวังอี้หลินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานอย่างตื่นตระหนก
ชายหนุ่มที่หล่อเหลา…
…
เช้าตรู่ ฉินซูตกใจตื่นจากฝันร้าย
เมื่อคืนเธอฝันถึงผู้ชายคนนั้น คนที่เธอมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด
ฉินซูบังคับตัวเองให้สงบลง
วันนี้เป็นวันที่ต้องกลับไปมหาลัยหลังจากสิ้นสุดการอบรม เธอเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว และเห็นว่าอี้หลินยังไม่กลับมา จึงโทรศัพท์หาอี้หลิน
“รู้แล้ว เธอช่วยเก็บของให้ฉันก่อนนะ” หวังอี้หลินพูดอย่างไม่ใส่ใจผ่านโทรศัพท์
พูดจบก็วางสาย
ฉินซูส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลี่ยง จำใจต้องช่วยเก็บสัมภาระทั้งหมดของอี้หลินใส่ลงไปในกระเป๋า
หวังอี้หลินนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาหนึ่งใบเพราะสัมภาระของเธอเยอะมาก ส่วนฉินซูเดินทางมาอย่างสบาย ๆ มีเพียงกระเป๋าสะพายไหล่หนึ่งใบและกล่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
ตอนที่ใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางกลับ หวังอี้หลินยังไม่กลับมา ฉินซูก็ช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นไปวางไว้บนรถ
อาจารย์ผู้ดูแลกลุ่มพูดอย่างเร่งเร้า “หวังอี้หลินล่ะ? ใครก็ได้โทรตามเธอที ตอนนี้รอเธออยู่คนเดียวแล้ว!”
“อาจารย์สวี่ เธอน่าจะกำลังรีบ” ฉินซูยังพูดไม่ทันจบ หวังอี้หลินก็ปรากฏตัวขึ้น
ใบหน้าเธออิ่มเอิบไปด้วยความสุข ไม่สนใจอาจารย์ผู้ดูแลกลุ่มที่กำลังโกรธจัด เธอมุ่งตรงไปขึ้นรถแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
ฉินซูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ พูดเบา ๆ ว่า “อี้หลิน เธอมาสาย ควรที่จะขอโทษอาจารย์สวี่นะ...”
“ขอโทษ?” หวังอี้หลินกรอกตาและถอนหายใจ “เป็นอาจารย์นี่น่าสรรเสริญมากไหม? ฉินซู เธอดูสิ วันดี ๆ ของฉันกำลังจะมาถึง ไม่ต้องไปสนใจอาจารย์เพียงคนเดียวคนนั้นหรอก ฉันไม่เห็นสนใจเลย”
“...” ฉินซูมองไปที่เธอโดยไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ
คำพูดซุบซิบนินทาจากที่นั่งข้าง ๆ แว่วมาเบา ๆ
“เธอเห็นนั่นไหม ชุดสีขาวที่หวังอี้หลินใส่อยู่ เป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดประจำฤดูร้อนของแบรนด์ชาแนล ซึ่งมันแพงมาก”
“จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนรวยมากเลยใช่ไหม น่าทึ่งมาก”
หวังอี้หลินได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น มุมปากก็ยกขึ้นอย่างลำพองใจ
“เมิ่งฟาน?!”
ชีวิตนี้เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า หลินเมิ่งฟานจะหักหลังเธอและทำเรื่องหน้าไม่อายแบบนี้!
หลินเมิ่งฟานโดนจับได้คาหนังคาเขา “เธอออกไปก่อน ฉันจะคุยกับเธอทีหลัง ตกลงไหม?”
“คนที่ไม่มีหน้าไปพบใครก็คือนาย! จะให้ฉันไปไหน? มีอะไรจะพูดก็พูดมาให้ชัดตรงนี้เลย!”
ฉินซูยืนนิ่ง ความโกรธร้อนดั่งไฟสุมอยู่ในอก
“สาวน้อย ไม่เห็นต้องอารมณ์ร้อนขนาดนี้เลย เธอไม่ลองมองดูสารรูปของตัวเองดูล่ะ ว่ามีตรงไหนบ้างที่เหมือนผู้หญิง”
หญิงสาวที่เอนกายพิงอยู่ที่โต๊ะทำงานมองฉินซูอย่างเหยียดหยาม ค่อย ๆ จัดแต่งกระโปรงให้เรียบร้อยอย่างใจเย็น
ทันทีที่พูดจบ ฝ่ามือหนึ่งก็สะบัดลงมาบนใบหน้า
ผัวะ!
ฉินซูพุ่งตัวเข้าไปตบหน้าเธอ ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ
“หุบปากเธอไป!”
โดยสัญชาตญาณ หลินเมิ่งฟานคว้าหญิงสาวคนนั้นไปไว้ในอ้อมอก “เป็นบ้าอะไรถึงกล้ามาตีเธอ รู้ไหมว่าเธอเป็นใคร!”
ฉินซูมองดูเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมิ่งฟานก้มดูหญิงสาวในอ้อมกอดตัวเองด้วยความกังวล เอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “เสี่ยวหรู เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ฉินซูได้ยินอย่างนั้นราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ
เสี่ยวหรู
นี่คือหลานสาวของรองประธานโรงพยาบาลแห่งนี้ ถางเสี่ยวหรู!
เมื่อก่อนหลินเมิ่งฟานเคยพูดถึงถางเสี่ยวหรูให้เธอฟังสองสามครั้ง ถางเสี่ยวหรูช่วยเหลือเขาหลายอย่าง
คำพูดของถางเสี่ยวหรูทำให้รู้ว่า นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่คนสองคนทำเรื่องแบบนี้
จนถึงตอนนี้ ฉินซูเข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง หลินเมิ่งฟานหักหลังเธอมาตั้งนานแล้ว
เธอยิ้มเยาะและยกมือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
หลินเมิ่งฟานไม่ทันได้ป้องกันตัวก็โดนตบจนหน้าหัน
“ฉันไม่ได้จะตบแค่เธอ แต่ฉันจะตบนายด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
เมื่อไรคะรอนานคะ...
รอๆๆๆอ่านต่อ...
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...