โม่เหยียนเห็นท่าทีที่โกรธเกรี้ยวของนางแล้ว ก็กลั้นความเจ็บแสบบนใบหน้าเอาไว้ ในที่สุดก็ก้มหน้าลง
"ข้าน้อยเพียงต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง จึงกล่าวคำที่ไม่สมควรออกไป ล่วงเกินองค์หญิง องค์หญิงโปรดลงโทษ"
ความร้อนบนใบหน้าของหนานหว่านเยียนยังไม่จางหาย นางจ้องไปที่โม่เหยียนเขม็ง นิ้วทั้งสิบนิ้วที่เรียวยาวน่ามองนั้นกำเข้าหากันอย่างแรง
นางโกรธที่เขาพูดมั่วไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่ากลับกล่าวอันใดไม่ออก แม้ความสัมพันธ์ของนางกับกู้โม่หานจะไม่ดี แต่ก็......เคยหลับนอนกันแล้วจริงๆ นางเรียนแพทย์ เข้าใจว่าคนจะมีความต้องการทางกายภาพ โดยเฉพาะกับบุรุษที่คิดอยากจะมีอะไรกับผู้นั้นด้วยแล้ว ก็มิอาจอดกลั้นเอาไว้ได้เลย
มิเช่นนั้นครานั้นนางจะโดนเขาข่มเหงเสียน่าอนาถเช่นนั้นหรือ ทำซ้ำไปซ้ำมา ราวกับพลังกำลังไม่อาจใช้หมดเช่นนั้นแหละ
กู้โม่หานกลับไม่ได้โรคจิตคล้ายที่โม่เหยียนว่าเช่นนั้น จะคิดถึงแต่สตรีตลอดเวลาแล้วเช่นไรเล่า แต่ก็สองปีกว่าแล้ว หากเนื้อมิได้อยู่ข้างหน้าก็คงไม่อยาก ทว่าเนื้อก็อยู่ด้านหน้าแล้ว เขาจะเอาแต่มองไม่กินงั้นรึ? นี่ไม่สอดคล้องกับความสามารถของเขา
ทว่าโม่เหยียนมิเคยแตะต้องนาง อีกอย่างหลังจากที่โม่เหยียนมาแล้วนั้น ช่องว่างของนางก็มิได้มากขึ้นอย่างไร
ตามทฤษฎีที่คาดการณ์เอาไว้ ช่องว่างที่มากขึ้นจะเกี่ยวข้องกับกู้โม่หานอย่างแน่นอน หากพวกเขาเป็นคนๆเดียวกันล่ะก็ ช่องว่างของนางจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแน่
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ใบหน้าของโม่เหยียนไม่มีปัญหาอะไร นางตบเขาไปทีหนึ่ง ใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อขึ้นมา ต่อให้ฝีมือศัลยกรรมจะสูงส่งแค่ไหนก็ไม่อาจทำถึงขั้นนี้ได้
นี่ก็บ่งบอกได้แต่เพียงว่า ไม่ใช่ว่านางไม่อาจเปิดโปงการศัลยกรรมของเขา แต่เป็น นี่ก็คือใบหน้าที่แท้จริงของโม่เหยียน
หน้าตาของเขามิเหมือนกู้โม่หานเลยแม้แต่นิดเดียว......
"เจ้าสมควรได้รับโทษจริง ใครอนุญาตให้เขาพูดมั่วไปหมดเช่นนี้กัน?" นางกลั้นความโกรธเอาไว้ แล้วก็เอ่ยปากอีกครั้งว่า "ยามนี้ข้าไร้หนทางที่จะยืนยันว่าเจ้าเป็นกู้โม่หานจริง แต่กลับกล่าวว่าเจ้าเป็น เป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษเจ้า"
นัยน์ตาของโม่เหยียนมีแสงมืดแสงหนึ่งสว่างวาบออกมา กลับเอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้อน้อยขอบพระทัยองค์หญิงที่เชื่อใจเป็นอย่างมากขอรับ!"
บรรยากาศตึงเครียดในตำหนักสีเยว่ค่อยๆคลายลง แม้หนานหว่านเยียนจะกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจก็ยังระมัดระวังโม่เหยียนอย่างเดิม นางไม่อาจจะเลิกสงสัยฐานะของเขาได้เลย แล้วก็ไม่อยู่กันตามลำพังเช่นนี้อีก
"วันนี้เจ้าคงเหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักด้านข้างเถิด ข้ายังมีธุระ ต้องออกไปจัดการรอบหนึ่ง"
"ขอรับ" โม่เหยียนตอบรับอย่างนอบน้อม มองแผ่นหลังของหนานหว่านเยียนที่จากไปไกล สายตาค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา
ตำหนักสีเยว่อันกว้างขวางเหลือเพียงเขาอยู่คนเดียว รอบข้างเปล่าเปลี่ยวไร้เสียงใดๆ
ริมฝีปากบางของเขาเม้นจนเป็นเส้นตรง นิ้วมือที่เห็นสันกระดูกชัดเจนบีบแน่นเล็กน้อย พลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
เขารู้สึกว่าบางเรื่องใกล้จะปิดบังเอาไว้ไม่อยู่แล้ว แต่ความรู้สึกเฉกเช่นศัตรูที่นางมีต่อเขานี้ ก็ยังคงเข้มข้นเช่นนั้น เขาไม่ควรที่จะเปิดเผยฐานะ
ทว่าปัจจุบันนี้ขวดของวารีลบความจำอยู่ที่ใดก็ยังไม่แน่ชัด ราวกับระเบิดที่พร้อมระเบิดตลอดเวลา สามารถหาเรื่องให้เขาเป็นแพะได้ทุกเมื่อ
ทว่าพวกนี้กลับมิใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ยามนี้สิ่งที่เขาหยุกหยิกมากที่สุดคือเรื่องที่คืนนี้หนานหว่านเยียนกับเย่เชียนเฟิงจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง
คิดถึงจุดนี้ สายตาของเขาก็ปรากฏความเย็นยะเยือกที่น่ากลัวขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ภายในตำหนักจานกุ้ย
ซาลาเปาน้อยจูงเกี๊ยวน้อย เอาไว้ สายตาจริงใจแต่ลังเล เกี๊ยวน้อยเอียงหัวอย่างสงสัยเป็นอย่างมาก
"อีกอย่างเรื่องนี้ พวกข้าควรที่จะให้ท่านแม่รับรู้ด้วย!"
"เรื่องของท่านปู่หมิงนั้น เสด็จพี่ลืมไปแล้วหรือไงกัน?"
ทันทีที่เกี๊ยวน้อยได้ยินว่าน้องสาวจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านแม่นั้น ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
นางรีบยื่นแขนทั้งสองข้างออกมาบังประตูตำหนักเอาไว้ ขมวดคิ้วแน่นรวมกับตัวบุ้ง น้ำเสียงก็ยิ่งรีบร้อนลนลานกว่าเดิม "มิได้!"
"ซาลาเปาน้อย เจ้าอย่าพึ่งรีบ ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจ แล้วก็รู้ดีว่าเหตุใดเจ้าจึงอยากบอกท่านแม่ แต่ แต่เขาก็มีความลำบากใจเช่นกันนี่!"
"ในตอนที่ข้าพึ่งจะจำเขาได้นั้น ก็โกรธแค้นเป็นอย่างมาก ทั้งโกรธทั้งแค้น ทว่าหลังจากนั้นข้าก็โม่เหยียนแล้ว เขากล่าวว่า การตายของท่านปู่หมิง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เบื้องหลังยังมีอีกหลายสาเหตุที่ซับซ้อน!"
ดวงตาของซาลาเปาน้อยแดงฉาน "เช่นนั้น หากเป็นเช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่อธิบายให้ท่านแม่ฟัง?"
เกี๊ยวน้อยร้อนใจจนกระทืบเท้า
"เพราะว่าเขามิกล้าไงเล่า เจ้าเองก็รู้นี่ว่าตอนนี้ท่านแม่เสียใจแล้วก็แค้นเขามากแค่ไหน หากเขาอธิบายเลยในตอนนี้ ท่านแม่คงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ฆ่าเขาฆ่าไปเสีย ไม่ก็ไล่เขาออกไป จะฟังได้อย่างไรเล่า"
ซาลาเปาน้อยจ้องประตูตำหนัก อารมณ์ยังคงลังเลและดิ้นรน กำหมัดที่ทั้งขาวทั้งชมพูถูกกำแน่น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ "แต่ว่า......"
"โอ๊ยเลิกแต่ว่าเถิด!"เกี๊ยวน้อยร้อนใจจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ สีหน้าล้วนเริ่มแดงระเรื่อ
"เขาในยามนี้ไม่เหมาะจะเปิดเผย ไม่เช่นนั้นท่านแม่กับเขา ก็จะไม่มีความเป็นไปได้อีกต่อไปแล้วแน่นอน ซาลาเปาน้อย ในใจของเจ้าก็ยังหวังให้เขากลับมาอยู่ใช่หรือไม่เล่า?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...