ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 927

"หากเขามิได้ทำอะไรผิดจริงๆ รอผ่านไปอีกสักหน่อยจนอารมณ์ของท่านแม่ดีขึ้นสักนิดแล้ว เขาจึงจะคอยไปอธิบายกับท่านแม่อย่างจริงใจ ไม่แน่อาจจะมีโอกาสรอดอยู่ทางหนึ่งนะ?"

ซาลาเปาน้อยมองเกี๊ยวน้อยแล้วเม้มปากแน่น ไม่ต้องเอ่ยถึงอารมณ์ว่าซับซ้อนถึงเพียงใด

นางกลับชายเสื้อ รอยน้ำตาบนใบหน้าเล็กๆนั้นยังไม่แห้งสนิท

"ย่อมได้ เช่นนั้นข้าก็จะลองให้โอกาสเขาครั้งหนึ่งแล้วกัน หวังแต่เพียงว่าเขาจะมิทำให้พวกข้า ทำให้ท่านแม่ผิดหวังอีกครั้ง"

เกี๊ยวน้อยกอดนางไว้แน่นอย่างดีใจ "เจ้าวางใจเถิด เขาจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน!เจ้าดูอย่างวันนี้สิ เขาก็นำของขวัญที่ท่านยายอยากได้ที่สุดมาให้แล้วไง?"

"ข้าคิดว่า หลังจากนี้เขาจะต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน!"

พี่สองทั้งสองมองตากันแล้วยิ้ม ซาลาเปาน้อยก็ไม่สับสนขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว

ทว่าจู่ๆนางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา "เสด็จพี่ ในเมื่อท่านรู้แล้ว เช่นนั้นอันอันกับน่าวน่าวเจ้าเด็กดื้อสองคนนั้น ก็มิใช่ว่ารู้ฐานะของโม่เหยียนแล้วกระมัง?!"

เกี๊ยวน้อยส่ายหน้าอย่างมั่นใจ "เจ้าโง่สองคนนั้นน่ะ มิรู้เป็นแน่!"

ทว่าพอคิดกลับกัน นางก็กัดปากอย่างอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย "แต่ว่า หากพวกเขารู้แล้วล่ะก็ เรื่องนี้ก็จะยิ่งวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ""

"อันอันกับน่าวน่าวอยากได้บิดาแท้ๆมากเสียเช่นนั้น หากรู้ความจริงนี้เข้าล่ะก็ คงจะอดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวที่จะบอกกล่าวแก่คนใต้ล่าอย่างครึกโครมเป็นแน่!"

ใจของพี่สองทั้งสองพึ่งจะวางลงได้ ในวินาทีนี้พลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมา

พวกนางมองกันไปมา เริ่มปรึกษากันเสียงเบาว่าจะปิดบังน้องชายทั้งสองอย่างมิดชิดอย่างไรดี......

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หนานหว่านเยียนออกมาจากตำหนักสีเยว่แล้วนั้น ก็ตรงไปที่ตำหนักของจักรพรรดินี

ฟ้ามือลมหนาว ภายในพระราชวังนอกจากองครักษ์ผู้ดูแลที่เดินตรวจตรากันไปมาแล้วนั้น ก็ชัดเจนว่าเงียบสงัดเกินไปแล้ว

บนทางเดิน นางก็ยังรู้สึกว่าข้างหลังมีสายตาอันเร่าร้อนหนึ่ง ไล่ตามนางมาไม่ห่าง ทว่าพอนางหันหลังกลับไป ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วทีหนึ่ง ไม่นานก็เดินเข้าไปถึงตำหนักของจักรพรรดินีแล้ว กลับไม่พบว่าด้านหลังตรงบริเวณมุมมืด หลังจากที่ชายเสื้อสีหมึกเห็นนางเดินเข้าตำหนักของจักรพรรดินีไปนั้น จึงจะหายเข้าไปในฟ้ามืด ไร้ร่องรอยที่จะตามหา......

ภายในตำหนัก จักรพรรดินียังไม่ได้เข้านอน พอได้ยินหนานหว่านเยียนมาแล้ว นางก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม "ข้ารู้อยู่แล้ว นังหนูเช่นเจ้านี้จะต้องมีอะไรพูดกับข้า มิเช่นนั้นคงไม่อยากอยู่ค้างหรอก"

"ท่านน้า" อารมณ์ของหนานหว่านเยียนนั้นซับซ้อน ทั้งก็ไม่ได้พูดอ้อมค้อมกับจักรพรรดินี เอาอาวุธลับออกมาอย่างตรงไปตรงมา "หว่านเยียนมาพบท่านน้า เพราะมีเรื่องที่อยากจะกราบทูลเพคะ"

"อาวุธลับชิ้นนี้หว่านเยียนเจอจากตัวของโม่เหยียนในวันนี้ ตามที่เขากล่าวมา น่าจะได้รับบาดเจ็บหลังจากที่เขาตกน้ำแล้ว"

"วันนี้เสด็จพี่ชายหลายท่านล้วนอยู่ที่บริเวณสระดอกบัว ทว่าผู้ลงมือผู้นี้กลับสามารถหลบเลี่ยงผู้เชี่ยวชาญได้ ทำร้ายโม่เหยียนได้อยากถูกต้องแม่นยำ แค่คิดก็รู้แล้วว่า จะต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่"

สีหน้าของจักรพรรดินีพลันเคร่งขรึมขึ้นมา รับอาวุธลับมาแล้วมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยพร้อมขมวดคิ้วว่า "อาวุธลับชิ้นนี้ เป็นของที่แคว้นต้าเซี่ยมีที่เดียวจริง แต่มิใช่ของที่ร้ายกาจอะไร กระทั่งชาวบ้านธรรมดาๆในเมืองหลวงก็ยังหาซื้อได้"

"ทว่าคนผู้นี้กล้าลงมือในพระราชวัง ความสามารถไม่น้อยเลยจริงๆ"

นางหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง พลังงานอันดุดันทำเอาคนรู้สึกเกรงกลัว

"หว่านเยียนรู้ดี ตัวเป็นจักรพรรดินี แม้ภายนอกท่านจะจงใจทำให้ดูไร้ข้อกังวล แต่เฉียนซีก็เคยบอกหว่านเยียนว่า ที่จริงในทุกๆคืน ท่านนอนมิเคยหลับเลย กังวลเรื่องกิจการบ้านเมืองของแคว้นต้าเซี่ยอยู่ตลอดทั้งวัน กลัวว่าจะเกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง  ประชาเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เป็นกษัตริย์ที่มั่นคงโดยเสมอมา ทั้งยังมีเรื่องบ้านเมืองอีก ท่านเป็นผู้ที่ลำบากที่สุดต่างหากเล่า"

จักรพรรดินีคิดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย

ปลายจมูกของนางรู้สึกแสบร้อนขึ้นมา ความรู้สึกละอายใจที่มีต่อหนานหว่านเยียนก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก ทว่าพลันมองไปที่นางอย่างตั้งใจ "นังหนูหว่าน มีเรื่องหนึ่ง ข้ามิรู้ว่าควรจะเอ่ยเช่นไรดี"

"วันนี้ในงานฉลองวันเกิด กู้โม่หานผู้นั้นทำเช่นนี้ออกมา ยามนั้นสถานการณ์ร้อนรน ข้าก็มิได้ถามความเห็นของเจ้า จึงได้แต่เพียงไล่กงแจ๋ลั่วฉู่นั่นออกไป"

"ยามนี้เจ้าบอกข้ามาเสียดีๆ เจ้า อยากเจอเขารึไม่?"

แต่เดิมนางก็ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของหนานหว่านเยียน ไม่ว่าหนานหว่านเยียนจะบอกอะไร นางก็จะช่วยทำสิ่งนั้นให้สำเร็จสุดความสามารถ

หนานหว่านเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาพลันเปลี่ยนเป็นความคิดซับซ้อน

แต่เดิมนางยืนหยัดท่าทีของตัวเองมาโดยตลอด ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีทางเจอกู้โม่หานอีกเป็นครั้งที่สอง

ว่าในวันนี้ เกิดเรื่องของโม่เหยียนขึ้น นางก็ไม่อาจล้มเลิกความสงสัยที่มีต่อฐานะของเขาได้ จู่ๆนางก็รู้สึกว่าเจอกู้โม่หานครั้งหนึ่งนั้นสามารถจัดการปัญหาได้หลายเรื่องทีเดียว

"ไม่แทรกแซงเรื่องการเมือง ข้าจะพาพวกเด็กๆไปเจอเขาอย่างลับๆครั้งหนึ่ง"

วันที่เจอกู้โม่หานนั้น นางจะพาโม่เหยียนไปด้วย คนหนึ่งไม่อาจแยกสองร่าง คืนนี้ที่โม่เหยียนพูดเป็นความหรือหรือไม่ จักต้องมีบทสรุปเป็นแน่

หากโม่เหยียนคือกู้โม่หาน เช่นนั้นนางจะไม่มีทางปล่อยเขาไป......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้