ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 965

เพียงพบหน้าเจ้าก้อนแป้งแสนน่ารักทั้งสองแล้ว อวี๋เฟิงก็รู้สึกชมชอบถูกชะตาในทันที จากที่ได้คลุกคลีใกล้ชิดกันเมื่อคืน เขาได้ผูกมิตรกับเจ้าตัวน้อยทั้งสองแล้ว พบว่าองค์ชายทั้งสองพระองค์ ไม่มีอะไรที่ด้อยไปกว่า องค์หญิงทั้งสองพระองค์เมื่อยังเยาว์วัยเลย

ทั้งน่ารัก น่าเอ็นดูและทะนุถนอมยิ่งนัก

จากนั้น สายตาของเขาพลันเหลือบมองไปทางหนานหว่านเยียน ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ฝ่าบาทจะพำนักอยู่ที่ต้าเซี่ยอีกสักระยะหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ โดยจะประทับอยู่ที่โรงเตี๊ยมหยวนฝูภายในเขตพระราชฐาน หากว่าฮองเฮาเหนียงเหนียง และองค์หญิงองค์ชายประสงค์พบพระพักตร์พระองค์ ฝ่าบาททรงประทับอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น สามารถเข้าเฝ้าได้ตามอัธยาศัยพ่ะย่ะค่ะ”

ฟังเช่นนั้น สีหน้าของหนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนไปทันที

กู้โม่หานจะพำนักอยู่ที่นี่ต่ออีกระยะหนึ่ง หนำซ้ำยังเป็นโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้กับนางเพียงนั้นด้วย?

หากว่าเป็นเช่นนั้น กู้โม่หานจะใช่คนเดียวกับโม่เหยียนอีกหรือ คนหนึ่งอยู่ด้านนอก อีกคนอยู่ในวัง เช่นนี้แล้วจะร่วมมือในเวลาเดียวกันได้อย่างไร?

อีกอย่างดวงหน้าของเขา ก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติ หากว่าจะสลับตัวไปมาในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงนี้ ก็ดูจะเกินความจริงไปหน่อย

หรือบางที อาจเป็นเพราะนางคิดมากขี้สงสัยมากเกินไป อาจเดาผิดไปก็เป็นได้?

บัดนี้ตัวนาง ยิ่งร้อนใจอยากทราบสถานการณ์ของโม่เหยียนในวังหลวงแล้วว่าเป็นอย่างไร

เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยแม้สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออก ทว่าในใจกลับรู้สึกตกตะลึงอยู่ลึก ๆ

ไม่จริงหรอก พ่อเฮงซวยหรือจะกล้าพำนักต่อในแคว้นต้าเซี่ยโดยใช้โฉมหน้าที่แท้จริง หรือว่า เขาไม่กลัวว่าท่านแม่จะทราบความจริง?

เขาเล่นละครตบตาท่านแม่เช่นนี้เมื่อใดที่ความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ท่านแม่ต้องบันดาลโทสะแน่!

และไม่ต้องบรรยายเลยว่าเจ้าตัวน้อยสองคนตื่นเต้นดีใจเพียงใด

“ดีเลย! พวกข้า จะได้พบท่านพ่ออีกแล้ว!”

“ท่านแม่ท่านแม่ หลังจากนี้พวกข้า ก็จะได้ออกไปเล่นกับท่านพ่อบ่อยขึ้นแล้ว!”

พวกเขาทั้งสองตื่นเต้นและดีใจที่สุด น่าวน่าวยังตรงเข้าไปดึงแขนของอวี๋เฟิงมาแกว่งไกวไปมา “ขอบใจท่านพี่อวี๋เฟิง! เช่นนั้นก็ฝากท่าน ช่วยนำถ้อยคำของพวกข้าไปให้ท่านพ่อด้วยสิ”

อวี๋เฟิงหน้าเหยเกขึ้นมาเล็กน้อย “องค์ชายทั้งสองพระองค์โปรดรับสั่งตามอัธยาศัย”

อันอันครุ่นคิดอยู่นานครู่ใหญ่ ก่อนจะลูบคางพลางเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ท่านจงไปบอกว่า ครั้งหน้า… ข้าจะ จดจำ… ตำราพิชัยสงครามทั้งหมดให้ได้ ถึงยามนั้นเมื่อใดขอเชิญท่านพ่อ… ชี้แนะข้าด้วย”

“ข้าด้วย ข้าด้วย!” น่าวน่าวมองพี่ชาย นัยน์ตาเป็นประกายวูบไหว “ครั้งหน้าข้าอยากกินอาหารที่ท่านพ่อปรุง แล้วก็อยากอยู่กับท่านพ่อ อยากนอนหลับปุ๋ยกับท่านพ่อ!”

เจ้าตัวน้อยสองคนกอดกับอวี๋เฟิงด้วยความเบิกบาน คิดถึงกู้โม่หาน กระนั้นก็ไม่ลืมคิดถึงโม่เหยียนด้วยเช่นกัน

เห็นทีพวกเขาต้องลอบหนีออกจากวังหลังไปเล่นกับท่านพ่อบ่อย ๆ แล้ว

แล้วก็ต้องพาคุณชายโม่เหยียนออกไปด้วย ไปพบหน้าท่านพ่อ!

เจ้าตัวน้อยสองคนครุ่นคิดอุบายในจิตใจอย่างเสื้อผ้านางฟ้าไร้รอยตะเข็บ ไม่มีผู้ใดทราบความคิดในใจของพวกเขาทั้งสอง

(เสื้อผ้านางฟ้าไร้รอยตะเข็บ มีความหมายว่า ทุกอย่างละเอียดสมบูรณ์และไม่มีข้อบกพร่องหรือ“ไม่มีช่องโหว่”)

ยามนี้เอง อวี๋เฟิงพลันตบหน้าผากหนึ่งทีท่าทางคล้ายกับเพิ่งคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นก็เรียกองครักษ์นายหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเข้ามา ก่อนจะรับถังหูหลูสี่ไม้ในมือเขา และยื่นให้พวกเด็กๆ ทั้งสี่คน

“ถังหูหลูนี้เพิ่งทำสดๆ ใหม่ๆ น้ำตาลที่เคลือบไว้ด้านนอกยังอุ่นอยู่เลย คุณหนูทั้งสี่รีบรับไปกินตอนที่ยังอุ่น ๆ อยู่เถิดขอรับ!”

เขาทะนุถนอมเอ็นดูพวกเด็กๆ ยิ่งนัก เจ้าตัวน้อยทั้งสี่คนรับมาอย่างไม่รอช้า พลางส่งยิ้มหวานจิ้มลิ้มให้เขาอย่างเข้าใจกัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “ขอบใจท่านพี่อวี๋เฟิง!”

อวี๋เฟิงมองเจ้าเด็กแฝดอันอันน่าวน่าว ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงใบหู ทนไม่ไหวก็เอ่ยขึ้นว่า “องค์ชายทั้งสองฉลาดเฉลียวน่าเอ็นดูเช่นนี้ หากว่าได้พบไทฮองไทเฮาและไทเฮา กับไทเฟยเหนียงเหนียงแล้ว ไม่รู้ว่าน่ายินดีมากสักเพียงใด!”

เฟิงยางเหลือบสายตามองหยุนเหิงปราดหนึ่ง มิได้เอ่ยคำใดเสริมขึ้นมา

ทีแรกมีนางเพียงคนเดียว ทว่าสุดท้ายกลับบังเอิญพบหยุนเหิงระหว่างทาง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ถือของทั้งหมดนี้เดินตามเข้ามา หนำซ้ำท่าทางยังดูตื่นเต้นดีใจกระตือรือร้นเป็นที่สุดด้วย บอกว่าจะมาเข้าเฝ้าองค์หญิงพร้อมกับนาง

นางแม้จะเคลือบแคลงบางอย่างในใจ แต่พอคิดถึงอุปนิสัยของเจ้าคนนี้ในยามปกติขึ้นมาแล้ว ก็มิได้แปลกใจอะไรแล้ว

หนานหว่านเยียนรับข้อมูลทั้งหมดมาอ่าน ระหว่างนั้นหยุนเหิงก็คอยส่งเสียงอธิบายเสริมอยู่ด้านข้างโดยไม่หยุดปาก “องค์หญิงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ ตามที่แม่นางเฟิงยางได้สืบข้อมูลมา ยืนยันชัดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนกงแจ๋ลั่วฉู่มีการเคลื่อนไหวจริง ไม่แน่ว่าการลอบสังหารเมื่อครั้งนานอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เพียงแต่หลักฐานไม่เพียงพอ ทว่าพวกเขา…”

หนานหว่านเยียนปรายสายตามองเขาอย่างส่งเดชเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าหยุนเหิงจะกระตือรือร้น เอ่ยปากวิเคราะห์สถานการณ์กับนางขึ้นมาด้วยตนเอง

ทว่าทุกครั้งที่นางพลิกข้อมูลไปถึงอีกจุดหนึ่ง หยุนเหิงก็ตามติดทันที กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะสาธยายรายละเอียดของเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง

หนานหว่านเยียนเหลือบสายตามองเขาอย่างเหลืออด อดรู้สึกไม่ได้เลยว่าวันนี้เขาออกจะพูดมากเกินไปสักหน่อย

ทว่ายามนี้นางมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องเร่งจัดการ จะเสียเวลาอยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด นางขมวดคิ้วขึ้นมองหยุนเหิงก็เอ่ยว่า “ข้อมูลเหล่านี้ข้าค่อยกลับมาอ่านอีกครั้งตอนดึก ยามนี้ข้าต้องไปตรวจสอบสถานการณ์ของโม่เหยียนก่อน พวกเจ้าล่าถอยออกไปเถิด”

“องค์หญิง เรื่องของจูโหวเองก็…” หยุนเหิงหมายจะเอ่ยปาก กลับถูกเฟิงยางใช้ศอกถองเข้าเต็มแรงไปที “องค์หญิงตรัสเช่นนั้นแล้ว เจ้ายังคิดจะแย้งเรื่องใดอีก?”

สายตาของนางเยียบเย็นและเจือด้วยท่าทางตำหนิ หยุนเหิงรีบปิดปากตนเองแต่โดยดีพลางกะพริบตามองปริบ ๆ “เข้าใจแล้ว”

ทว่าสายตาของเขากลับสะท้อนเป็นความประหม่าและกังวลวูบไหวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่อาจทราบได้เลยจริง ๆ ว่า สถานการณ์ของฝ่าบาทยามนี้เป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะ…

จากนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักสีเยว่พร้อมกับหนานหว่านเยียน

ภายในตำหนักสีเยว่ ประตูข้างตำหนักของโม่เหยียนมีองครักษ์จำนวนหนึ่งยืนยามอยู่ ครั้นพวกเขาเห็นหนานหว่านเยียน ก็ค้อมกายน้อมคารวะด้วยความยำเกรง “ถวายบังคมองค์หญิงหมิงหวง”

“ลุกขึ้นเถิด” นัยน์ตากลมโตสุกสกาวของหนานหว่านเยียน จ้องไปยังประตูห้องอย่างไม่วางตา น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนั้นเบาหวิว “สองวันมานี้ สถานการณ์ของโม่เหยียนเป็นอย่างไรบ้าง…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้