“เจ้าเคยชินกับการอยู่ในวังแล้วหรือ?” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นกันเอง
จื่ออันเผยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยกุ้ยไท่เฟยที่ทรงใส่ใจ หม่อมฉันคุ้นเคยขึ้นมากแล้วเพคะ”
“คุ้นเคยก็ดีแล้ว ในวังมีกฎระเบียบมากมาย โชคดีที่เจ้าปรับตัวให้คุ้นเคยกับมันได้โดยง่าย” กุ้ยไท่เฟยกล่าว นี่หาใช่คำวิจารณ์ นางมักกล่าวทำนองนี้อยู่เสมอ
จื่ออันยังคงยิ้ม ไม่ตอบกลับแต่อย่างใด
“อาเจี๋ยไม่ค่อยสนิทสนมกับข้ามากนัก แต่ความรักระหว่างแม่ลูกย่อมเหนืออื่นใด ในฐานะที่เจ้าเป็นสะใภ้ เจ้าสามารถแวะมาที่ตำหนักของข้าได้บ่อย ๆ” กุ้ยไท่เฟยเอ่ย สีหน้าของนางผ่อนคลายลงเรื่อย ๆ ไม่ไว้ท่าทีสง่างามสูงส่งเช่นครั้งแรกที่ผ่านเข้าประตูมา
จื่ออันตอบกลับ “เพคะ!”
กุ้ยไท่เฟยพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยเข้าใจเจ้าผิด กระทั่งพลั้งทำสิ่งที่ทำร้ายเจ้า เจ้าคงไม่เก็บไปใส่ใจหรอกใช่หรือไม่?”
จื่ออันเย้ยหยันจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ให้นางเก็บมาใส่ใจอย่างนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? อีกฝ่ายเกือบจะฆ่านางแล้ว
“ไม่เพคะ!” จื่ออันตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงใจ ทว่าเก็บกดความรู้สึกแท้จริงเอาไว้ นางจะไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาด
กุ้ยไท่เฟยมองดูผ้าพันแผลที่พันรอบแขนของนาง ฉับพลันนางรู้สึกว่ามันช่างบาดตา จึงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ผ้าที่พันรอบแขนของเจ้าดูไม่เจริญตาเอาเสียเลย ถอดมันออกเถอะ”
จื่ออันแตะมันแล้วกล่าวยิ้ม ๆ “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันชินกับมันเสียแล้ว”
กุ้ยไท่เฟยจ้องมองนาง “ไทเฮาทรงประทานให้สินะ?”
“ใช่เพคะ!” นี่เป็นครั้งแรกที่จื่ออันได้พูดคุยกับกุ้ยไท่เฟยเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าวาจาของอีกฝ่ายเฉียบคมนัก
“เจ้าคิดว่าผ้าพันแผลผืนนี้จะรักษาแผลของเจ้าไว้ได้ตลอดไปหรือ?” กุ้ยไท่เฟยยิ้มพราย
จื่ออันส่ายศีรษะ “หม่อมฉันไม่เคยคิดเช่นนั้น”
ดวงตาของกุ้ยไท่เฟยเป็นประกาย “โชคดีที่ข้าได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าเป็นคนฉลาด ข้าชอบพูดคุยกับคนฉลาดมากทีเดียว”
“เจ้าหรือจะไม่รู้ อย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อหน้าข้าเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อปีนป่ายขึ้นไปหาอาเจี๋ย ย่อมรู้ดีว่าตนเองต้องการอะไร”
จื่ออันคลี่ยิ้ม “กุ้ยไท่เฟยช่างรู้ลึกรู้จริง แม้แต่หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร กุ้ยไท่เฟยกลับล่วงรู้หรือเพคะ?”
กุ้ยไท่เฟยเผยรอยยิ้มจาง ๆ ดวงตาอันเฉลียวฉลาดของนางยังคงส่องประกาย “หยุดเสแสร้งเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเสียทีเถอะ เจ้าปรารถนาตำแหน่งฮองเฮา ต้องการเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน ไม่ต้องการด้อยกว่าผู้ใด เช่นนั้นคนฉลาดอย่างเจ้าก็ควรรู้เช่นกันว่าตราบใดที่ฝ่าบาทตื่นขึ้นหรือสิ้นพระชนม์ อาเจี๋ยจะสูญเสียอำนาจ ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ เขาได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้คนจำนวนมาก เคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างหรือไม่?”
จื่ออันถามกลับ “เช่นนั้นกุ้ยไท่เฟยคิดว่าหม่อมฉันควรทำอย่างไรเพคะ?”
“กลับไปเกลี้ยกล่อมเขา ในเมื่อราชบัลลังก์อยู่ใกล้แค่เอื้อม เหตุใดจึงไม่ไขว่คว้ามัน” ในที่สุดกุ้ยไท่เฟยก็เปิดเผยจุดประสงค์ที่ตนมาพบจื่ออัน
จื่ออันกล่าว “หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายเกี่ยวกับเรื่องภายในราชสำนัก ทั้งยังไม่สามารถแทรกแซงได้ ไม่ว่าท่านอ๋องจะตัดสินใจอย่างไร ในฐานะชายา หม่อมฉันทำได้เพียงเชื่อฟัง”
กุ้ยไท่เฟยเย้ยหยัน “ข้าเคยชื่นชมที่เจ้าเป็นคนฉลาด ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะโง่เขลาถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังจะตายเมื่อไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...