“ตัวข้าเข้าวังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาเลยล่าช้าไปพักหนึ่ง พวกเจ้าก็กล้ารังแกผู้มีพระคุณช่วยข้าแล้ว!”
“คิดว่าตัวข้าสิ้นแล้วจริงรึ?”
ท่านอ๋องเฉิงกวาดมองฝูงชนรอบหนึ่ง สายตาดุดันทำให้คนที่เอ็ดตะโรเสียงดังเมื่อครู่ประหวั่นจนมิกล้าส่งเสียง
เสิ่นจวนอาศัยความสัมพันธ์ว่าตนคือหลานสาวของพระสนมหรงเฟย ฝืนเอ่ยตีสนิท
“ท่านปู่เฉิง นี่มิใช่เพราะเรากลัวท่านฮั๋วอายุมากแล้วตาลายจำคนไม่ชัดถึงเตือนสติเขาหรือเพคะ?”
“ท่านปู่เฉิง ท่านเพิ่งมาเลยไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ข้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิง ท่านก็รู้ว่าพี่สะใภ้ข้าไม่เคยเรียนหมอ...”
สีหน้าท่านอ๋องเฉิงครึ้มลง ความโกรธพุ่งทะยาน กล่าวตัดหน้าเสิ่นจวนโดยไม่ให้เกียรติสักกระผีก
“หุบปาก! ท่านฮั๋วตาลายรึ? หรือว่าตัวข้าก็ตาลายเหมือนกันเล่า?”
“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องมิได้แก่จนจำใครมิได้! เจ้าไม่ต้องเตือนสติข้า!”
“ใครกล้าก่อความวุ่นวายขัดขวางเวลามงคลการเปิดกิจการโรงเหยียนหลิง ตัวข้าก็จะไม่เกรงใจเขาแล้ว!”
ท่านอ๋องเฉิงหันมาทางท่านฮั๋วกับหลิงอวี๋ สีหน้าพลันผันยิ้ม
“ท่านฮั๋ว เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ขอโทษตัวข้ามาสายแล้ว! ยังโชคดีที่ไม่พลาดเวลามงคล!”
ท่านอ๋องเฉิงคำนับขออภัยต่อทั้งสอง ยื่นมือข้างหนึ่งแย่งกรรไกรในมือท่านฮั๋วพลางยิ้มกล่าวอย่างไม่สุภาพอย่างยิ่ง
“ตัวข้าพูดแล้วว่าจะตัดผ้าแดง เจ้าแย่งข้ามิได้นะ! รีบเริ่มเถอะ เดี๋ยวเสียเวลาฤกษ์งามยามดี...”
ท่านฮั๋วเหลือบมองค้อนท่านอ๋องเฉิง ไม่พอใจต่อเขาที่มาสายจนทำให้อาจารย์ตนอับอาย
ตอนนี้ไม่มีเวลามาบ่นท่านอ๋องเฉิง ท่านฮั๋วเอ่ยเรียกว่า “เสี่ยวเอ้อร์ จุดประทัดเริ่มพิธีตัดผ้าแดง!”
ท่ามกลางสายตาตะลึงของฝูงชน เสี่ยวเอ้อร์ของร้านจุดประทัดที่แขวนอยู่ด้านข้างแล้วพร้อมเสียงประทัดดัง ‘ปุ้งปัง’
หลิงอวี๋กับท่านอ๋องเฉิงสบตากัน ทั้งสองชูกรรไกรขึ้นพลางตัดผ้าไหมแดง
นี่เป็นไปได้อย่างไร!
เสิ่นจวน ตู้ตงหงกับเจิงจื่ออวี้สีหน้าไม่พอใจ หลิงอวี๋คือคนไม่เล่าเรียนหนังสือเป็นหญิงโง่ที่ตระหนักแค่กินดื่มเที่ยวสำราญเท่านั้น
นางจะเป็นแม่นางหลิงที่เลื่องชื่อในเมืองหลวงได้อย่างไรกัน!
ทั้งสามคนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าพวกนางก็เคยเห็นเรื่องที่หลิงอวี๋ช่วยท่านเกิ่งเอ้อร์ที่ภัตตาคารจี๋เสียงมาแล้ว!
“เรื่องที่สอง ปัจจุบันหลิงอวี๋ไม่มีแผนรับศิษย์เพิ่ม ตอนนี้หลิงอวี๋มีศิษย์แค่สองคน คนแรกคือศิษย์ในนามท่านฮั๋ว! อีกคนคือหลี่ชุง!”
“นอกจากพวกเขาสองคน ไม่ว่าใครก็ตามที่พูดว่าเป็นศิษย์ของหลิงอวี๋หรือแม่นางหลิงคือผู้หลอกลวงทั้งสิ้น! โปรดทุกท่านอย่าเชื่อ!”
หลิงอวี๋มองหมอหลวงจางข้างล่าง หัวเราะเย็นชาเอ่ยตรง ๆ ว่า
“เรื่องสุดท้าย หลิงอวี๋ได้ยินข่าวลือว่าโรงเหยียนหลิงกับโรงหุยชุนร่วมมือกัน ณ ที่นี้ หลิงอวี๋ขอชี้แจงให้กระจ่างว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน!”
“จนถึงปัจจุบันโรงเหยียนหลิงมีเถ้าแก่แค่สองท่าน ข้ากับหมอเลี่ยว!”
“ตราบใดที่โรงเหยียนหลิงยังอยู่ หลิงอวี๋จะอยู่แค่โรงเหยียนหลิงและจะไม่ทิ้งโรงเหยียนหลิงเป็นอันขาด!”
“โรงเหยียนหลิงต่อต้านพฤติกรรมการหากำไรที่ผิดกฎหมายทุกอย่าง ยึดหลักความซื่อสัตย์! เรายินดีต้อนรับเหล่าหมอทุกท่านแลกเปลี่ยนวิชาแพทย์กัน ก้าวหน้าไปด้วยกัน!”
จางเจ๋อยิ่งฟังสีหน้ายิ่งไม่พอใจ แม้หลิงอวี๋ไม่ได้บอกชัดเรื่องย้อมแมวขายกับบังคับซื้อบังคับขายของโรงเหยียนหลิงก็เถอะ!
แต่คำพูดเหล่านั้นพอได้เชื่อมกับข่าวซุบซิบช่วงนี้ ผู้ใดจะไม่รู้ว่าหลิงอวี๋กำลังโยงถึงโรงหุยชุนอยู่ล่ะ!
“เรื่องของการยอมรับลูกศิษย์และการทำงานร่วมกัน นั่นก็มุ่งเป้าไปที่ตัวเขาเองเช่นกัน!”
หลิงอวี๋บอกพวกเขาอย่างเป็นธรรมไม่เห็นแก่ตัวว่าหลิงอวี๋จะไม่เป็นหมอที่โรงหุยชุน และไม่รับจางเจ๋อเป็นศิษย์ของนาง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
รอ...
นางเอกโดนแผนร้ายไล่ล่าเจ็บตัวจะตายอ่า200+ตอน สุดท้ายจบครึ่งตอน คนร้ายบอกเข้าใจผิด นิยายฟวยไรอ่ะปัญญาอ่อนทั้งเรื่อง...
waitinggg for youuuuuuu...
ความลับยังไม่ได้เปิดเผยเลยค่ะ...
จบแบบนี้ไม่ได้นะคะ...
กลับมาได้เเล้ว...
ขอบคุณนะที่ลงเพิ่ม กำลังสนุกมาก...
คนเขียนกลับมาก๊อนนนน🥹 ทางนี่ใจจะขาดแล้วฮะ...
รอสนุกมาก...
รอ........