ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 194

ครั้นคนข้างล่างฟังคำพูดเหล่านี้ชัดแจ้งหมดแล้ว พลันมีคนเอ่ยเยาะเย้ย

“เมื่อกี้ลูกเถ้าแก่จางยังสาบานด้วยใจจริงว่าตนเคยพบแม่นางหลิง บอกว่าแม่นางหลิงตอบรับไปเป็นหมอที่โรงหุยชุนแล้ว!”

“ทว่าแม่นางหลิงยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จัก! คุยโม้ก็ไม่กลัวลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูด(1)เสียจริง!”

“ใช่ ยังจะว่าคนอื่นแอบอ้าง! เขาเองนั่นแหละที่แอบอ้างถึงถูก!”

“ถูกต้อง! วันนั้นกระจ่างว่าเป็นแม่นางหลิงช่วยท่านอ๋องเฉิง แต่เขาก็พูดว่าตัวเองช่วยคนหน้าด้าน ๆ!”

เมื่อจางเจ๋อได้ยินวาจาเหล่านี้ก็โกรธจนหน้าแดงหน้าดำ แทบอยากจะหาซอกมุดเข้าไป

หมอหลวงจางเหลือบมองจางเจ๋อด้วยความเสียใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กเป็นเหล็กกล้าได้(2) พลางเอ่ยเสียงขรึม

“ตั้งสติไว้… เจ๋อเอ๋อร์ เจ้ายังจำคำพูดที่พ่อคุยกับเจ้าได้หรือไม่? ถึงกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดจะสำคัญก็ตาม แต่ชื่อเสียงของเจ้าสำคัญยิ่งกว่า!”

“พระชายาอ๋องอี้กับพวกเรามิใช่คนแปลกหน้า! ท่านฮั๋วเข้าข้างนางแล้ว หมอไร้สมองพวกนั้นถูกเขาปลุกปั่น พวกเรายังจะปักหลักโรงหุยชุนอยู่เมืองหลวงอย่างไรเล่า!”

“นางหลิงอวี๋ศึกษากลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าใต้หล้านี้ยังมีผู้รู้อีก ขอเพียงหาคนเบื้องหลังนางพบเจ้าก็เรียนได้เช่นกัน!”

“ถ้าร่วมมือไม่สำเร็จ งั้นก็ตัดลู่ทางนางเสีย!”

เมื่อจางเจ๋อได้ยินสิ่งนี้คิ้วที่ขมวดแน่นคลายออกแล้วพลางพยักหน้าเล็กน้อย

“ท่านพ่อ ข้าเชื่อฟังท่านขอรับ!”

เขาเหลือบจ้องหลิงอวี๋อย่างหมองมัว…

คนแซ่หลิง เจ้ารอข้าก่อนเถอะ วันนี้ตัวข้าจะดูว่าโรงเหยียนหลิงของเจ้าจะเปิดอย่างไร!

......

“เปิดม่าน!”

ท่านฮั๋วตะโกนเสียงดัง

หลิงอวี๋ดึงผ้าแดงในมือเบา ๆ ผ้าไหมแดงบนป้ายที่ระลึกพลันกระพือลงมา

พื้นหลังสีดำอักษรเดินทอง ‘โรงเหยียนหลิง’ สามตัวก็ปรากฏสู่สายตาฝูงชน

ลีลาพู่กันเข้มแข็งทรงพลัง งดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำ สง่ายิ่งใหญ่

หลี่ว์เซียงเชี่ยวชาญศิลปะไม้ลายมือ เห็นสามตัวอักษรนี้ทีเดียวก็รู้เลยว่ามิใช่ฝีมือตระกูลธรรมดา

ท่านอ๋องเฉิงยืนยันด้วยตัวเองว่า ตัวตนของพระชายาอ๋องอี้คือแม่นางหลิง เขายังจะสงสัยได้อีกหรือ?

หลี่ว์เซียงมองทางหลิงอวี๋รู้สึกขายหน้าประปราย แม้หลี่ว์จงเจ๋อจะลำพองปฏิเสธความหวังดีของชายาอ๋องอี้วันนั้น แต่เขาก็เห็นด้วยเงียบ ๆ เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?

ถึงแม้บัดนี้จะรู้แล้วว่าแม่นางหลิงคือชายาอ๋องอี้ เขาก็ไม่มีหน้าไปขอร้องคนเหมือนเดิม!

“ดี… พระชายาเจ้าทำงานก่อนเถิด เรารอได้!”

หลี่ว์เซียงรู้สึกปีติยินดี ก่อนหน้ายังคิดว่าจะถูกพระชายาอ๋องอี้กลั่นแกล้งเสียแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาอ๋องอี้จะคุยดีเช่นนี้!

ท่านกวนเห็นหลี่ว์เซียงได้รับโอกาสตรวจรักษา จึงกำลังคิดไปข้างหน้าขอร้องสิ่งเดียวกัน คุณหนูใหญ่กวนพลันเอ่ยตัดหน้าก่อนก้าวหนึ่ง

“แม่นางหลิง? วิชาแพทย์ของเจ้าดีกว่าท่านฮั๋วจริงหรือ? นั่นหมายความว่าหมอทุกคนในเมืองหลวงต่างสู้เจ้ามิได้ใช่หรือไม่?”

หลิงอวี๋เอี้ยวหัวมองคุณหนูใหญ่กวน พลันมุ่นคิ้วน้อย ๆ

นางได้กลิ่นยั่วยุรุนแรงในวาจาของคุณหนูใหญ่กวน

นางหลิงอวี๋จะพูดว่าวิชาแพทย์ตนล้ำหน้าหมอทุกคนในเมืองหลวงได้รึ?

หากตอบคำถามนี้ไม่ดีก็จะนำความเกลียดชังมาสู่ตัวเองหรือไร?

หลิงอวี๋สับสนอยู่บ้าง นางพบหน้าคุณหนูใหญ่กวนครั้งแรก ไยคุณหนูใหญ่กวนขุ่นเคืองตนมากขนาดนี้กันเล่า?

ลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูด (风大闪了舌) หมายถึง การเอ่ยวาจาโม้โอ้อวด พูดคำใหญ่คำโต ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่มีน้ำหนักหรือไม่เป็นความจริง

เสียใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กเป็นเหล็กกล้าได้ (恨铁不成钢) หมายถึง การตั้งความหวังกับคนผู้นั้นเพื่อให้เขาได้ดิบได้ดี

มีตากลับไม่รู้จักเขาไท่ซาน (有眼不识泰山) บางคนมองเห็นแต่ขาดความเข้าใจของบุคคลที่มีความสามารถสูง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา