ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 555

ด้วยวาจาเช่นนี้ของฉินรั่วซือ เซียวทงมีปฏิกิริยากลับทันทีพลางตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน

“พี่สะใภ้สี่ เสด็จพี่สี่ ข้ามิได้บอกว่ามิให้พวกท่านลงคะแนน อย่างนั้นมาลงคะแนนตัดสินว่าผู้ใดชนะกันเถิด!”

นางส่งสายตาปลอบใจให้จ้าวเจินเจิน

จ้าวเจินเจินก็คิดว่าในด้านอื่นของหลิงอวี๋ต้องปล่อยไก่เป็นแน่ ฉะนั้นจึงกล่าวเห็นด้วยอย่างใจกว้าง

“องค์หญิงหก ท่านอ๋องอี้ตรัสถูกต้อง กฎมีไว้เพื่อปฏิบัติตาม เรามาลงคะแนนตัดสินกันเถิดเพคะ!”

บรรดานางกำนัลส่งมอบคะแนนของกลุ่มผู้ตัดสินและปรมาจารย์ทั้งสี่

เซียวทงกำลังคิดวางอุบายบางอย่างทำให้หลิงอวี๋ตกสู่ที่สุดท้าย ไฉนเลยจะรู้ว่าเพราะคำพูดของเซียวหลินเทียนประโยคเดียวทำให้นางไม่มีโอกาสนี้เลย

“แม่ทัพฉิน งานชมบุปผาไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมากนัก ท่านสละเวลาช่วยทุกคนอ่านคะแนนด้วยเถิด แม่ทัพฉินเป็นคนยุติธรรม ข้าเชื่อว่าทุกคนจะมิเห็นต่าง!”

ท่านอ๋องเฉิงพูดคล้อยถามอย่างยิ้มแย้ม “ข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของอ๋องอี้!”

ท่านอ๋องเฉิงมองเหตุการณ์สายพิณขาดกับหลิงหว่านออกมานานแล้ว องค์หญิงหกคงตั้งใจเจาะจงมุ่งเป้ายังหลิงอวี๋ในวันนี้แน่!

เขามิอาจตำหนิองค์หญิงหกต่อหน้าธารกำนัลได้ จึงได้แต่ช่วยหลิงอวี๋ทางอ้อม!

เมื่อท่านอ๋องเฉิงว่าเช่นนี้ กอปรกับที่ฉินซานคือคนที่เซียวทงชอบพอ เซียวมิอยากให้คนสงสัยในความสามารถของฉินซานจึงมิได้คัดค้าน

ฉินซานคือผู้ที่สังเกตการณ์เงียบ ๆ มาตลอด เสียงพิณของหลิงอวี๋ในเมื่อสักครู่ก็ทำให้เขาเลือดเดือดพล่านเหมือนเผยอวี้

แต่จากนั้นเห็นพฤติกรรมของแม่นางชางกับเซียวทง ฉินซานก็กระจ่างทันทีว่าคือเล่ห์อุบายที่องค์หญิงหกมุ่งไปยังหลิงอวี๋

ฉินซานผิดหวังในตัวองค์หญิงหกอย่างถึงที่สุด บัดนี้หากช่วยหลิงอวี๋ได้เขาก็ย่อมยินดีช่วย

ขณะฉินซานตอบรับก็พลางไปข้างหน้าเพื่อรับคะแนนกับองครักษ์ผู้หนึ่ง

ผลลัพธ์สุดท้ายของกลุ่มผู้ตัดสินทั้งสิบสี่คนเป็นคะแนนของหลิงอวี๋สูงที่สุด เก้าคะแนน

จ้าวเจินเจินห้าคะแนน

สตรีคนอื่น ๆ ล้วนได้สาม ได้สี่คะแนน และอันดับสุดท้ายคือลั่วอวี้จู ได้เพียงหนึ่งคะแนน

เมื่อลั่วอวี้จูได้ยินสีหน้าพลันซีดเผือดทันใด นี่หมายความว่านางกำลังจะถูกลงโทษงั้นสิ

ในมุมมองของหลวงจีนอวี๋คือไม่มีสตรีคนใดเก่งการเล่นหมากล้อมเลย

ดังนั้นเขาจึงพาศิษย์คนหนึ่งมาเป็นเจ้าภาพ ส่วนตัวเองเป็นผู้ตัดสินคนสุดท้ายก็พอ

หลิงอวี๋ ลั่วอวี้จูและจ้าวเจินเจินต่างจับได้การประลองดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพทั้งสี่รายการจึงไม่จำต้องลงเวทีอีก

ซ่งเสี่ยวเจินก็จับได้หมากล้อมเช่นกันก็พลางอยู่บนเวทีกับหลิงอวี๋

คราวนี้หลิงเยี่ยน จูเหวินและเสิ่นจวนรวมทั้งเจียงอวี้เพื่อนสนิทของหลิงหว่านก็ขึ้นเวทีมาด้วย

จูเหวินคือบุตรีของฮูหยินจูท่านนั้นที่เพิ่งฉีกหน้าหลิงอวี๋ไปเมื่อครู่ ในเนื่องเนรคุณหวางซือ

จูเหวินแค้นหลิงอวี๋มากที่ทำให้มารดาของตนเสียหน้า เมื่อขึ้นมาก็จ้องหลิงอวี๋อย่างโหดเหี้ยมพลางกล่าวเหน็บแนมว่า

“พระชายาอ๋องอี้ แม้ท่านจะดีดพิณเป็นก็มิได้หมายความว่าท่านเล่นหมากล้อมเป็นด้วย!”

“หมากล้อมคือการละเล่นของผู้ปราดเปรื่อง ข้าเริ่มเรียนรู้การเล่นหมากล้อมตั้งแต่ห้าขวบ ขอเดาว่าเจ้าคงมิเข้าใจกระทั่งกฎด้วยซ้ำกระมัง!”