ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 412

บทที่ 412 ทบบัญชีแค้น

เฉิงเสี้ยงฮูหยินยกชามาวางลง “ท่านนายกลุ้มใจเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”

“ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่หยุนเจ๋ไปทูลขอฝ่าบาทเลยสักนิด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อฝ่าบาทก็ทรงมีพระบัญชาลงมาแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางให้ถอยแล้ว

ไปด่านชายแดนก็ดี เขารบทัพจับศึกอยู่ที่ชายแดนหลายปีก็เป็นเรื่องธรรมดา แม้จะไม่ยอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้า แต่เขาเป็นเหมือนพี่ชายก็นับเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ทำให้พวกเราได้อยู่กันอย่างสงบบ้าง”

ทว่าราชครูจุนก็ป่วยหนัก งานในราชสำนักมากมายล้นมือนัก ท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้ข้าเองก็ไม่มีแรงใจ เกรงว่าจะเกิดเรื่องเข้า”

“ท่านนายช่างกังวลเกินเหตุเสียจริง ข้ายังเชื่อในความสามารถของท่านนาย เหตุใดท่านจึงได้ดูถูกตัวเองเช่นนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ราชครูจุนก่อเรื่องเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นโอกาสดีกับท่านนายพอดีหรอกหรือ

หากกุมอำนาจในราชสำนักไว้ได้ ยังจะมีคนกล้าสั่นคลอนตำแหน่งในราชสำนักของท่านนายอยู่หรือเจ้าคะ” เฉิงเสี้ยงฮูหยินลำพองใจ

คนที่มาในวันนี้ก็มาเพราะล้วนอยากเกี่ยวสมัครสัมพันธ์กับเราทั้งนั้น และเท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้อนาคตอันสดใสของจวนเฉิงเสี้ยงมาถึงแล้ว

ทว่าสีหน้าเสินเฉิงเสี้ยงกลับพลันเดือดดาลขึ้นมา “สตรีเช่นเจ้าช่างหูตาคับแคบไร้ความคิดอ่านเสียจริง คงเป็นจริงดังว่าที่เจ้าไม่เคยพบเจอโลกภายนอกเลยด้วยซ้ำ

เจ้าคิดว่าราชครูจุนป่วยจริงงั้นหรือ”

“เช่นนั้นเขา” สีหน้าเฉิงเสี้ยงฮูหยินพลันหวาดระแวงขึ้นมา

เสินเฉิงเสี้ยงถอนหายใจ “ราชครูจุนเป็นคนเช่นไร ข้ารู้ดีกว่าใคร เกรงว่าเขาก็แค่รอสังเกตการณ์เงียบๆ อยู่บ้านเท่านั้น

เขามีบุตรธิดามากมาย ตายไปสักสองคนนับเป็นกระไรได้

เขาไม่เหมือนกับพวกเรา เขาส่งหลานสาวเข้าวังทั้งคน เจ้าเคยเห็นเขารักหรือทะนุถนอมนางบ้างหรือไม่เล่า เขาทำราวกับโยนหมาป่าแมวป่าทิ้งเสียอย่างนั้น ไม่ได้สนใจเสียด้วยซ้ำ

ฝ่าบาททรงกรุณาเขา เขามีหรือจะไม่เอาเบี้ยไปแลกขุนเพื่อตักตวงผลประโยชน์

จุนฉูฉูก็เป็นเขาที่เลือกให้อ๋องตวนเอง ตอนนางตายน่าเวทนาเพียงไรเขากลับไม่ลืมตาดูด้วยซ้ำ

เขาใจคออำมหิตนัก!

ข้าชักกลัวเขาเสียแล้ว!

“เช่นนั้น...”

“ช่างเถิด เอาเช่นนี้ไปก่อนก็แล้วกัน เขาอยู่ส่วนเขา ข้าอยู่ส่วนข้า เขาทนข้าได้วันหนึ่ง ข้าก็จะแย้งกับเขาไปอีกคราวหนึ่ง เช่นนี้ฝ่าบาทก็จะทรงวางใจลงได้แล้ว”

เสินเฉินเสี้ยงลุกขึ้นไปพักผ่อนแล้ว ทว่าผู้เป็นเฉิงเสี้ยงฮูหยินกลับยังไม่ยอมจำนน

หากพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

ทว่าอันหลิงหยุนได้ยินเรื่องนี้กลับไม่มีแก่ใจจะสนใจแม้แต่น้อย

นางกลับสนใจเรื่องราชครูจุนเป็นโรคร้ายยิ่งกว่าเสียอีก

หากหมอหลวงรักษาไม่ได้ เช่นนั้นทุกคนก็จะพลอยคิดว่าไม่อาจรักษาหายได้ หากนางไม่ไปดูเสียหน่อย เห็นจะต้องเสียใจอยู่ไม่น้อย

พอคิดได้เช่นนี้ หลังจากส่งแม่ทัพอันไปออกทัพตอนเช้า ตอนบ่ายก็หิ้วกล่องยาไปจวนราชครูพร้อมกับอาหยู่ทันที

เมื่อมาถึงจวนราชครูนางจึงให้อาหยู่ไปเคาะประตู เมื่อพ่อบ้านเห็นอันหลิงหยุนมาเยือนก็รีบเชิญนางเข้าไปในจวน

ยามนี้จวนราชครูจุนไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องที่ด่านชายแดน จวนราชครูก็กลายเป็นที่ที่ใครก็พากันหวาดกลัวจนขนพองสยองเกล้า คนที่กล้ามาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูนั้นเห็นจะน้อยเต็มที

ผู้เป็นพ่อบ้านเข้าไปรายงานเพียงครู่ ก็กลับออกมาเชิญอันหลิงหยุนเข้าไปด้านใน

ฮูหยินใหญ่ของจุนเจิ้นหนานตระกูลจุนออกมาต้อนรับนางด้วยตัวเอง นางจึงตามอีกฝ่ายเข้าไป

“ชายาอ๋องเสียน เชิญด้านในเถิด ท่านพ่ออยู่ด้านใน ท่านพ่อพักอยู่ที่นี่ บ่าวทั่วไปไม่ได้รับคำสั่งไม่อาจเข้าไปได้”

“ขอบคุณฮูหยิน” อันหลิงหยุนหันกายนำอาหยู่เข้าไปในสวน

ในสวนนั้นมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ เมื่อเห็นอันหลิงหยุนมาจึงพานางเข้าในห้องที่ราชครูจุนอยู่

เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นราชครูจุนนอนอยู่บนเตียง อันหลิงหยุนจึงเข้าไปดูอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านราชครูจุน ท่านยังดีอยู่หรือไม่”

“กระหม่อมไม่อาจลุกขึ้นต้อนรับ ยังต้องพระชายาลำบากมาเยี่ยมถึงบ้าน กระหม่อมกลัวเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”

รูปร่างหน้าตานางก็นับว่างดงามพริ้มเพรา โดยเฉพาะนัยน์ตาดอกท้อชวนหลงใหลคู่นั้น ยามพิศมองผู้อื่นช่างดูมีชีวิตชีวานัก

ทว่าอันหลิงหยุนไม่รู้จักนาง ร่างเดิมของนางก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

“เจ้าคือ?” ยามอันหลิงหยุนอยู่กับผู้อื่นมักจะมีท่าทางน่ายำเกรงอยู่ไม่น้อย ชื่อของนางมิใช่ใครก็จะเรียกตรงๆ ได้

จุนซือซือเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดหัวเราะ “อันหลิงหยุน เจ้ากับข้าก็นับว่าโตมาด้วยกัน เหตุใดจำข้าไม่ได้เสียแล้วเล่า พอได้ดิบได้ดีเป็นคนใหญ่คนโตก็จำอะไรไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ หรือว่าเจ้าเป็นชายาอ๋องเสียน ข้าเป็นชายาจวิ้นอ๋องเจ้าก็จำข้าไม่ได้แล้วหรือ”

อันหลิงหยุนยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ นางพูดเช่นนี้หมายความว่าพวกนางรู้จักกันงั้นหรือ

“เจ้าเป็นชายาจวิ้นหวังสกุลไหนกัน เหตุใดถึงมาอยู่จวนราชครูจุนได้” อันหลิงหยุนย่อมต้องถามให้รู้แน่ชัด

ทันใดนั้นเอง ฮูหยินใหญ่ของจุนเจิ้นหนานก็พาคนเข้ามา เมื่อเห็นว่าจุนซือซือกำลังหาเรื่องอันหลิงหยุนก็พลันเกิดสีหน้าไม่น่ามองนัก

“คุณหนูสามกลับมาแล้วหรือ” เสียงผู้เป็นฮูหยินใหญ่ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินตามไปหาอันหลิงหยุนกับจุนซือซือ แล้วย่อกายคารวะ

“หม่อมฉันถวายบังคมพระชายาเพคะ”

“ฮูหยินไม่ต้องมากพิธี”

อันหลิงหยุนถึงได้เพิ่งรู้ในตอนนั้นเองว่าคนตรงหน้านี้คือจุนซือซือ

มิน่าเล่าถึงได้พูดจามีเลศนัยเช่นนั้น ที่แท้ก็มีความแค้นต่อกันนี่เอง

“พระชายาอยู่เสวยพระกระยาหารด้วยกันก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนเตรียมาอาหารแล้ว” ฮูหยินจุนเจิ้นหนานเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ

อันหลิงหยุนมองจุนซือซืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ข้ายังมีธุระอีก ฮูหยินส่งข้าเพียงเท่านี้ก็พอ”

อันหลิงหยุนหันหลังเดินจากไป ขณะที่จุนซือซือนั้นพอเห็นอันหลิงหยุนแล้วเกิดมีโทสะ จึงหยิบก้อนหินที่พื้นขว้างใส่อันหลิงหยุนเข้าทันที

อันหลิงหยุนไม่ทันได้ป้องกันตัว ทว่าอาหยู่กลับป้องกันได้ทันจึงคว้าก้อนหินนั้นไว้ได้ ก่อนจะโยนก้อนหินกลับไปใส่หน้าผากของจุนซือซือจนหัวแตก

จุนซือซือตั้งท่าจะตามไปคิดบัญชี ทว่าฮูหยินใหญ่จุนเจิ้นหนานหันมาคว้านางไว้เสียก่อน “เจ้านี่ช่างไม่กลัวตายเสียจริง ไม่ว่ากับใครก็กล้าบังอาจไปหมด พวกเจ้า โบยนางห้าสิบไม้”

“เจ้ามีสิทธิ์อะไร...” จุนซือซือพลันร้องแรกแหกกระเชอขึ้นมา ทว่าทันใดนั้นเอง บ่าวรับใช้ก็เข้ามาลากตัวนางไปโบยทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน