ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 420

บทที่ 420 บิดานางช่างเถรตรงนัก

แม่ทัพอันเอ่ยอย่างเหยียดหยาม อันหลิงหยุนหันไปมองบิดานางครู่หนึ่ง พลันรู้สึกว่าแผนการของบิดาช่างเหนือชั้นนัก

โอ้อวดก็ส่วนโอ้อวดเถิด ทว่าจุดประสงค์หลักกลับไม่ได้มีเพียงแค่การโอ้อวดธรรมดาๆ เท่านั้น

จุนเจิ้นตงส่งเสียงสบถเย็นๆ ขึ้น “เจ้าไม่ต้องไม่โอ้อวดต่อหน้าข้า เจ้าก็ไม่ได้ดีกว่าข้าที่ตรงไหน เจ้ากับข้าก็ล้วนเป็นขุนนาง บุตรสาวเจ้าเป็นพระชายาอ๋องเสียนถูกขังอยู่ในเมืองหลวงนั่น บุตรสาวข้าเป็นพระชายาอ๋องตวนถูกขังอยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน บุตรสาวข้าถูกทอดทิ้งจนตายไป เจ้าก็ไม่ได้ดีกว่าข้าที่ตรงไหน

เจ้าอย่าลืมว่า คนเราพอหมดประโยชน์ก็ย่อมถูกกำจัด เจ้ามันไม่รู้ตัวยังมีหน้าไปว่าผู้อื่น เจ้าก็เพียงแต่ยังเดินไปไม่ถึงจุดนั้นก็เท่านั้น บุตรสาวเจ้าก็ต้องตายเช่นนั้น ถึงตอนนั้นเจ้ายังสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

อันหลิงหยุนเอ่ยถาม “แม่ทัพจุน ท่านคิดว่าราชวงศ์ตบแต่งพวกเราก็เพื่อควบคุมแม่ทัพอย่างท่านกับท่านพ่อข้าอย่างนั้นหรือ”

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า” สีหน้าแม่ทัพจุนไม่น่าดูนัก “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย จะช้าจะเร็วก็ต้องตายอยู่ดี เดิมทีข้าก็ยังภักดีได้อยู่หรอก ควบคุมลูกเมียข้า คนในบ้านข้าทั้งเด็กทั้งแก่ข้าก็ยอมแล้ว แต่ทำร้ายลูกสาวข้าจนตาย จะให้ข้าที่เป็นพ่อกล้ำกลืนความแค้นนี้ลงไปได้อย่างไรกัน

ข้าจุนเจิ้นตงหลายสิบปีมานี้ ไม่กล้าพูดว่าทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถจนสุดตัวหรอก ทว่าข้าจงรักภักดียิ่ง หรือข้าที่รักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนนี้คิดถึงครอบครัวไม่เป็นอย่างนั้นหรือ

เคียดแค้นข้าปานไหนกันถึงได้ทำร้ายลูกสาวข้าจนตายได้ นางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน”

จุนเจิ้นตงพูดไปก็น้ำตาไหลพราก อันหลิงหยุนเองก็พลันรู้สึกเศร้าสลดขึ้นมาด้วย

นางหันไปมองแม่ทัพอันแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้บอกเขาเรื่องลูกสาวเขาหรอกหรือ”

“พูดอันใด คนก็ตายไปแล้วมีอะไรน่าพูดถึงกัน ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจเปล่าๆ”

“...” อันหลิงหยุนพลันรู้สึกจนคำพูด บิดานางช่างเถรตรงนัก!

“แม่ทัพจุนท่านพ่อข้านิสัยเถรตรงเช่นนี้ท่านก็รู้ มีบางเรื่องเขาเพียงไม่อยากให้ท่านเสียใจถึงได้ไม่ได้บอกท่าน หากข้าจำเป็นต้องบอกท่าน ลูกสาวท่านจุนชูชูเป็นคนเลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้” อันหลิงหยุนเกิดรู้สึกเศร้าสลดขึ้นมา หากก็ยังตัดสินใจบอกออกไปตามความจริง

จุนเจิ้นตงพอได้ยินอันหลิงหยุนเอ่ยดังนั้นก็ถลึงตาใส่นางทันที จนนางสะดุ้งเฮือกขึ้นต้องเอามือทาบอก

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ามันปากสุนัขงอกงาช้างออกมาไม่ได้”

จุนเจิ้นตงร้องคำรามลั่น แม่ทัพอันจึงไม่อาจยอมได้อีก “เจ้าสารเลว! หลิงหยุนของข้าบอกเจ้าก็เพราะหวังดี เจ้ายังมาขู่ให้นางตกใจอีก หากเจ้าทำนางตกใจอีกข้าจะถลกหนังเจ้าซะ!”

“อันจือซาน พวกเจ้าสองพ่อลูกไม่มีมันไม่มีอะไรดี ชูชูของข้าตายไปแล้วพวกเจ้ายังมาใส่ร้ายนางอีก หากข้าออกไปได้ล่ะก็ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าแน่” จุนชูชูดวงตาทั้งสองข้างแดงฉานด้วยความเดือดดาล ตั้งท่าจะกระโดดออกมา ทว่าถูกโซ่ล่ามข้อเท้าอยู่จึงไม่อาจขยับตัวได้

อันหลิงหยุนพลันตวาดลั่นขึ้น “หุบปาก! ใครใช้ให้เจ้ามาขึ้นเสียงกับท่านพ่อข้า”

จุนเจิ้นตงพลันตกตะลึง แม่ทัพอันเองก็ตะลึงงันตามไปด้วย

ตอนนั้นเองอันหลิงหยุนถึงได้ลูบท้องด้วยเกรงว่าจะกระเทือนครรภ์

อันหลิงหยุนมองใบหน้าแก่ชราที่ไม่น่ามองนักของจุนเจิ้นตงอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าฟังข้าพูดให้จบ หากคิดว่าข้าพูดผิดแล้วล่ะก็ เช่นนั้นต่อไปข้าก็จะไม่พูดแล้ว แต่เจ้ายังเป็นคนเป็นอยู่ หากยังไม่ตายก็ลองไปถามตั้งแต่ฮ่องเต้ยันคนในตลาดดูก็ได้ว่าลูกสาวเจ้าจุนชูชูดีหรือชั่ว ย่อมต้องถามได้ความแน่

เจ้าคิดว่าลูกสาวเจ้าดี ผู้อื่นอาจไม่คิดเช่นนั้น

ลูกสาวเจ้าตายทั้งคน คนหัวหงอกไปส่งคนหัวดำข้าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าอยู่ แต่เจ้าลองคิดดูหน่อยเถิด หากอ๋องตวนสิ้นไป หยุนโล๋ชวนตายไป ข้าตายไป ท่านพ่อท่านแม่ข้าก็จะไม่เสียใจบ้างหรือ”

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า” จุนเจิ้นตงไม่เข้าใจ ทั้งยังรู้สึกว่าคำพูดนี้ฟังดูผิดปกติชอบกล

อันหลิงหยุนจึงไม่เกรงใจ เล่าพฤติกรรมชั่วช้าของจุนชูชูให้จุนเจิ้นตงฟังทีละเรื่องอย่างละเอียด จุนเจิ้นตงพลันตวาดลั่นขึ้น “พวกเจ้าสองพ่อลูกใส่ร้ายผู้อื่น พวกเจ้าเองไม่ได้มีคุณธรรมน้ำมิตรอันใดด้วยซ้ำ ทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเจ้ามันเป็นพวกไร้ยางอาย ถึงได้ต้องใจอ๋องเสียนเจ้าเล่ห์เกินคนนั่น สตรีเช่นชูชูของข้าจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าได้อย่างไรกัน”

อันหลิงหยุนส่ายหน้า “ที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว เจ้าไม่เชื่อข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ทางที่ดีลองไปถามท่านพ่อเจ้าดูก็ได้ คนในครอบครัวเจ้าเอง เรื่องนี้ราชครูจุนรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งนั้น ข้าจะบอกเจ้าให้ ลูกสาวคนรองของเจ้าเกือบจะตายด้วยน้ำมือลูกสาวคนโตเจ้าอยู่แล้ว

“ท่านพ่อโปรดวางใจ ลูกไม่มีทางลำบากแน่ และจะต้องอยู่อย่างสุขสบายด้วย”

แม่ทัพอันมองบุตรสาวทว่ากลับไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงได้แต่พูดยกเรื่องจุนชูชูขึ้นมาพูดแทน “คนก็ตายไปแล้ว อย่าต้องทำถึงขนาดนั้นเลย อย่าให้เขาต้องสะเทือนใจไปมากกว่านี้เลย อย่างไรเสียเขาก็เสียลูกสาวไปแล้วทั้งคน”

“ท่านพ่อ หากเป็นข้าถูกข้าตาย และคนที่ฆ่าข้าเป็นฝ่าบาท ท่านจะทำอย่างไร” อันหลิงหยุนถามเช่นนั้น ก็เพียงเพราะต้องการยืนยันจากปากเท่านั้น ทว่าแท้ที่จริงนางก็รู้ดีแก่ใจ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่ฆ่านาง บิดานางไม่มีวันปล่อยมันไปแน่

แล้วก็เป็นจริงดังว่า เพียงได้ยินดังนั้น แม่ทัพอันก็ถลึงตาโพรง “ถ้าเขากล้า ข้าจะสับเขาเป็นร้อยๆ ชิ้น แต่ละชิ้นจะสับให้เละเป็นผุยผงเลย”

“ท่านพ่อ ท่านจะทำแป้งซาลาเปาหรือ” อันหลิงหยุนหมดคำจะพูดแล้ว

แม่ทัพอันมองบุตรสาว “หลิงหยุน รับปากพ่อ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจงมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“ท่านพ่อ ข้ายังต้องกตัญญูต่อท่าน ย่อมต้องมีชีวิตอยู่อย่างดี” นางรู้ว่าท่านพ่อแม่ทัพของนางเห็นจุดจบของจุนเจิ้นตงเข้าก็เกิดสะเทือนใจแล้วพาลเป็นห่วงนางขึ้นมา

อันหลิงหยุนคิดว่าหากนางยังอยู่ในร่างเดิม ไม่แน่ว่าคนที่ร้องคำรามอยู่ในโถส้วมนั้นอาจไม่ใช่จุนเจิ้นตง แต่จะเปลี่ยนเป็นท่านพ่อของนางอันจือซานแทน

ฝีมือของตัวนางในร่างเดิมนั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจุนชูชูเลยสักนิด

แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ท่านพ่อของนางก็ไม่เคยทอดทิ้งนางไปไหน บิดานางผู้นี้รักนางนักหนา

“พ่อไม่ปรารถนาลาภยศสรรเสริญใด ขอเพียงเจ้าได้อยู่อย่างดี ดูไปแล้วอ๋องเสียนผู้นั้นก็นับว่ายังมีใจอยู่ ฉะนั้นพ่อจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องในอดีตไปก่อน ทว่าวันหน้าหากเขาไม่ดีกับเจ้า พ่อจะเด็ดหัวเขาทิ้งเสีย” อันหลิงหยุนพลันเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว

อันหลิงหยุนพยักหน้า “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นแน่”

สองพ่อลูกยืนขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปพร้อมกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน