ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 449

บทที่ 449 ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงกริ้ว

จ้องตากันสักพัก กงชิงวี่ก็เดินเข้าไปหาอันหลิงหยุน เขาไม่ได้สนใจฮ่องเต้ชิงหยู่ ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นฮ่องเต้ แล้วฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ใช่อย่างไรอย่างนั้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่หันหลังกลับ ทำหน้าสงสัย: “ข้าทำให้เจ้าโมโหหรือ?”

“......” กงชิงวี่ไปดูอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนกำลังวินิจฉัยและรักษาให้สวีกงกง ไม่กล้าห่างไปไหน

เมื่อครู่นางได้สแกนดูอีกครั้ง อาการของสวีกงกงไม่สู้ดีนัก ตอนนี้นางจับข้อมือของสวีกงกงไว้แน่น แล้วกดดูชีพจรของเขา

สวีกงกงหายใจอ่อนแรง อันหลิงหยุนเองก็ไม่ได้สนใจที่จะลุกขึ้นไปทำความเคารพ

กงชิงวี่นั่งยองๆลงดูใบหน้าของอันหลิงหยุน รู้สึกกระวนกระวาย: “ทำไมยังไม่หายบวมอีก?”

“จะเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรเพคะ?” อันหลิงหยุนรู้ดีว่าครั้งนี้มีอะไรผิดปกติ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ

อันหลิงหยุนพูดด้วยความเป็นห่วง: “ท่านอ๋อง ท่านไปดูอาหยู่หน่อย ทำไมยังไม่กลับมาอีก หรือว่ามีเรื่องอะไรทำให้ล่าช้า ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการแล้ว”

“หม่อมฉันไม่กลัว พระชายาปล่อยมือเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท จากนี้ไปหม่อมฉันไม่อาจอยู่รับใช้พระองค์ได้แล้ว หากหม่อมฉันตายแล้ว ให้หม่อมฉันออกจากวังหลวงด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันอยากจะพบคนคนหนึ่ง”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ถาม: “แม่มซีใช่หรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ชิงหยู่พยักหน้า : “ได้ ข้าอนุญาต”

“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท”

พูดจบ สวีกงกงก็หันมองอันหลิงหยุนแล้วยิ้มออกมา : “ขอบพระทัยพระชายาเสียนที่มองกระหม่อมเป็นคนคนหนึ่ง หม่อมฉันซาบชึ้งใจเป็นอย่างมาก”

หวางฮองไทเฮาเดินเข้ามาจากด้านนอก โดยมีไห่กงกงเดินเข้ามาด้วย เมื่อไห่กงกงได้ยินที่สวีกงกงพูด ก็นึกย้อนถึงตัวเอง แล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วถอนหายใจ

ไม่ว่าพวกเขาจะมีชื่อเสียงและได้รับความเมตตาเอ็นดูจากเจ้านายมากขนาดไหน แต่ก็เป็นได้แค่เพียงสุนัขรับใช้ หากเจ้านายดี ไว้หน้า ถึงจะเป็นคนเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน แต่คนเหล่านั้นใครๆก็ว่าพวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ ขันทีเลว ในใจของพวกเขารู้อยู่ชัดเจน ว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่ใช่คน!

เมื่อเห็นภาพของสวีกงกง ไห่กงกงก็เหมือนจะเห็นภาพของตัวเองในอนาคต รู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาจับใจ จึงยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

อันหลิงหยุนเห็นว่าสวีกงกงทนไม่ไหวแล้ว จึงตะโกนอย่างร้อนใจ: “หมอจวน หมอจวน......”

หวางฮองไทเฮาตกตะลึง ไห่กงกงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พอถึงประตูก็รีบมองหาคน ตรงหน้ามีคนเดินผ่านไป กงชิงวี่นำกล่องยามาวางไว้ด้านหน้าอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนรีบเปิดกล่องยาออก แล้วนำเข็มออกมาจากด้านใน แล้วจึงฝังเข้มให้แก่สวีกงกงหนึ่งเข็ม

สวีกงกงส่ายหัว: “อย่าสิ้นเปลืองอีกเลยพ่ะย่ะค่ะพระชายาเสียน ของดีเช่นนี้ นำมาใช้กับหม่อมฉันช่างน่าเสียดายนัก!”

“ไม่ต้องพูดอะไร ข้าจะช่วยท่านเอง ในสายตาข้า ขอเพียงแค่เป็นคนไข้ของข้า ชีวิตคนก็มีค่าเหมือนกันหมด ไม่มีอะไรมาแบ่งแยกสูงและต่ำ”

“พระชายาเสียนทรงทำให้หม่อมฉันตื้นตันจริงๆ แต่ว่าหม่อมฉันทนไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องใช้ยากับหม่อมฉันแล้ว เก็บเอาไว้ให้คนที่จำเป็นต้องใช้ในภายหน้าเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน......”

“หุบปาก!” อันหลิงหยุนไม่อยากฟังสวีกงกงพูดจาเหลวไหล มือเท้านางว่องไว นางให้น้ำเกลือสวีกงกง แล้วนำหูฟังมาตรวจดูอาการของสวีกงกง

สวีกงกงมองอันหลิงหยุนแล้วไม่พูดอะไรอีก ผ่านไปสักพักสวีกงกงก็หลับตา ไห่กงกงร้องไห้ออกมาทันที: “สวีกงกง......”

“หุบปาก!” หวางฮองไทเฮามองไห่กงกงอย่างอารมณ์เสีย ไห่กงกงรีบถอยกลับไป

สวีกงกงนอนหลับไป อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืน: “คงจะต้องใช้เวลาสักพักจึงจะดีขึ้น ฝ่าบาท พาสวีกงกงไปไว้ที่จวนแม่ทัพได้ไหมเพคะ หม่อมฉันจะรักษาอาการของสวีกงกงที่นั่น”

“ไปเถอะ” ฮ่องเต้ชิงหยู่รับปาก

อันหลิงหยุนสั่งอาหยู่และหมอจวนโจวที่เข้ามาแล้วคุกเข่าลง ให้พาสวีกงกงไปยังจวนแม่ทัพ

ตอนนี้ในวังก็เกิดสถานการณ์แปลกๆขึ้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่พยุงหวางฮองไทเฮานั่งลง แล้วจึงถามถึงเรื่องวันนี้ขึ้นมา กงชิงวี่เดินไปด้านหน้าเก้าอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง แล้วนั่งลง นั่งเหมือนคนแขนขาอ่อนแรง สีหน้าไม่สู้ดี

ส่วนอันหลิงหยุนไปนั่งอยู่ด้านหน้าลูกๆ จนถึงบัดนี้เด็กๆก็ยังไม่ยิ้ม เงียบมันก็เงียบอยู่หรอก แต่นี่เงียบจนรู้สึกผิดปกติ

พูดจบฮ่องเต้ชิงหยู่ก็จากไป เสินหยุนชูรู้สึกเรื่องไม่ค่อยจะดี จึงรีบลุกขึ้นตามออกไป

“ฝ่าบาท......” เสินหยุนชูอยากจะออกไปข้างนอก

“เด็กๆ ดูฮองเฮาไว้ให้ดี ร่างกายของฮองเฮาอ่อนแอ ต้องการการพักผ่อน ห้ามไม่ให้ใครมารบกวน!” ฮ่องเต้ชิงหยู่สั่งเสร็จก็เดินจากไป

คนอื่นๆ ใครจะกล้าให้ฮองเฮาออกไป จึงได้แต่พูดห้ามไว้

เสินหยุนชูยืนอยู่ที่ประตูวังเฟิ่งหยี มองดูด้านหลังของฮ่องเต้ชิงหยู่ที่เดินจากไป นางไม่เข้าใจว่า นางทำผิดอะไรนัก แม้แต่เรื่องที่ไม่อาจมีทายาทให้แก่เขา เขาก็ไม่เคยกล่าวโทษ แต่มาวันนี้ แค่อันหลิงหยุนคนเดียว เพียงแค่ตบนางไปสองครั้ง แล้วเขาถือดีอะไร

ตลอดทางที่ฮ่องเต้ชิงหยู่เสด็จ แววตาก็ค่อยๆดำดิ่งลึกลงไป มีไฟโหมกระหน่ำเผาไหม้อยู่ในใจ ในสมองมีแต่ภาพใบหน้าของอันหลิงหยุนที่โดนตบ เป็นคำโกหกของอันหลิงหยุนผู้ปากแข็ง

มือของเขากำอยู่ด้านหลัง กำอย่างออกแรง

สวีกงกงไม่อยู่ ฮ่องเต่ชิงหยู่จึงยังไม่ทันได้ระบุว่าให้ขันทีคนไหนมา เขาเดินอยู่กลางวัง โดยมีเขาเพียงคนเดียว

เมื่อมาถึงวังจิ่งซิ่ว ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เดินเข้าไป

จุนเซียวเซียวรีบลุกขึ้น ตอนนี้นางท้องได้สี่เดือนแล้ว เรื่องของลูกคนก่อน บวกกับความล้ำค่าของเด็กคนนี้ เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของทุกคนในตระกูลของนาง ในทุกๆวันนางจะระมัดระวังเป็นอย่างมาก แทบจะไม่ออกไปข้างนอกเลย

แม้แต่ธรณีประตูของวังจิ่งซิ่วก้ไม่เคยเหยียบออกไป

“ไท่เฟย ฝ่าบาทเสด็จเพคะ” นางกำนัลรีบวิ่งเข้ามาทันที จุนเซียวเซียวรู้สึกแปลกใจ จึงลุกขึ้นไปต้อนรับที่ประตู แล้วจึงเห็นว่าฮ่องเต้ชิงหยู่เดินเข้ามาข้างในแล้ว ถวายบังคมฝ่าบาท”

“ข้าเหนื่อยแล้ว อยากอาบน้ำ......”

ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกโกรธจนไม่มีที่จะระบาย ในหัวของเขามีแต่ใบหน้าของอันหลิงหยุนอยู่เต็มไปหมด

เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของเขาได้ เขาอยากระบาย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน