ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 506

บทที่ 506 ลานจุนจื่อ

รถม้าจอดลงเมื่อมาถึงจวนอ๋องเสียน อันหลิงหยุนกล่าวว่า “ กลิ่นยาสมุนไพรบนร่างกายของเขานั้นเข้มข้นมาก แต่ตอนที่เขาเดินเข้าประตูมา กลิ่นนั้นยังไม่ได้เข้มขนาดนั้น แต่พอเขาเข้ามาแล้วถูกแนะนำว่าเป็นหมอจวนนั่นล่ะ ข้าจึงพบว่ากลิ่นยาสมุนไพรบนร่างของเขา จู่ๆมันก็ฉุนขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังเป็นกลิ่นสารพิษที่รุนแรงมาก ลอยมาจากตัวเขาเช่นกัน กลิ่นประเภทนี้หากสูดดมหรือรับเข้าไปในร่างกาย จะทำให้คนโดนพิษได้

แต่พิษชนิดนี้ จะทำให้คนเบื่ออาหาร มีอาการเวียนหัวมึนงง

ดังนั้นจึงไม่ใช่ยาพิษ แต่ร่างกายของกั๋วจิ้วน้อยอยู่ในสภาวะทรุดโทรมอ่อนแอ แต่เกิดจากภาวะทุพโภชนาการเป็นเหตุ (การขาดสารอาหารทำให้ร่างกายทรุดโทรม)"

หวางหวยอันอยากหัวเราะสิ้นดี: "ดูเหมือนว่าชีวิตน้อยๆของข้าจะถูกแค้นฝังหุ่นเข้าแล้วสินะ"

อันหลิงหยุนจ้องมองหวางหวยอัน เอ่ยขึ้นว่า "เจ้าควรจะสืบสวนตรวจสอบเรื่องนี้ถึงจะถูก แต่เจ้ากลับไม่มีความรู้สึกระแวดระวังคนรอบตัวเจ้าเลยแม้แต่น้อย "

"หลี่ฮ่วนจงเคยช่วยชีวิตข้า” เพียงประโยคเดียว หวางหวยอัน ก็สามารถอธิบายทุกสิ่งได้หมด

อันหลิงหยุนเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นคร่าว ๆ บ้างแล้ว

ผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต จะเป็นคนที่คิดฆ่าเขาไปได้อย่างไร

กงชิงวี่ลงจากรถม้า อันหลิงหยุนก็ตามลงไปทันที กงชิงวี่ช่วยประคองหวางหวยอันลงรถ แล้วพาเดินตามเข้าจวนไป เพื่อให้อันหลิงหยุนสะดวกต่อการดูแลหวางหวยอัน จึงจัดเตรียมที่พักในลานโอวหลาน ที่อยู่เขตเรือนหลังของจวนอ๋องเสียน

ลานโอวหลานในวันนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก ไม่เพียงเท่านั้น อีกด้านหนึ่งของลานโอวหลานยังมีลานกว้างอีกแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับลานโอวหลานอยู่ด้วย ที่ลานกว้างมีประตูสองบานซึ่งอันหลิงหยุนปิดไว้ชั่วคราว แต่ที่ประตูหน้าที่เชื่อมลานโอวหลานไปยังเรือนปีกนั้น มีประตูแปดเหลี่ยมบานหนึ่งเปิดอยู่ เพื่อใช้ทะลุผ่านไปยังเรือนปีก

ลานแห่งนี้ยังไม่มีชื่อ อันหลิงหยุนยังคงพิจารณาอยู่ว่า จะตั้งชื่อมันว่าอะไรดี

หลังจากพาหวางหวยอันเข้าที่พักแล้ว อันหลิงหยุนก็มองดูประตูเชื่อมลานบานนั้น ยืนครุ่นคิดชื่อที่เหมาะสม

กงชิงวี่เดินออกมาพร้อมกับหวางหวยอัน เมื่อเห็นอันหลิงหยุน ยืนเหม่อลอยอยู่หน้าประตู เขาจึงเดินไปหยุดที่นั่นพร้อมกับหวางหวยอัน

"หยุนหยุน อยากจะตั้งชื่อหรือ?" กงชิงวี่ถาม

"อื้ม น่าจะต้องมีสักชื่อ"

อันหลิงหยุนกำลังคิดอยู่ว่าจะให้ชื่ออะไรดี

"ลานชิงเฟิงดีไหม?"

กงชิงวี่พูดอย่างราบเรียบ อันหลิงหยุนค่อนข้างลังเล หวางหวยอันจึงถามขึ้นว่า: "เจ้าวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกๆ ทั้งหลายของเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ?"

"อื้ม" อันหลิงหยุนเอ่ยตอบอย่างไม่เป็นทางการ

หวางหวยอันจึงครุ่นคิดด้วย: "เช่นนั้น ชื่อลานอู่ฝูไม่ดีกว่าหรือ?"

ใบหน้าของหลิงหยุนดูจะไม่พอใจเล็กน้อย: "ในวันหน้าอาจจะมีอีก จะชื่อว่าอู่ฝูได้อย่างไรกัน?"

"เช่นนั้นก็ลานชิงเฟิงนี่แหล่ะ อิสระเหมือนกับสายลม" กงชิงวี่กล่าวขึ้น

อันหลิงหยุนส่ายหน้า : “ แม้ว่าชิงเฟิงจะสง่างาม แต่สายลมก็พัดผ่านอย่างไร้ร่องรอย ข้าไม่หวังให้พวกเขาเกิดมาแล้ว จนท้ายที่สุดก็ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ ชื่อลานจุนจื่อจะดีกว่า

หวังว่าพวกเขาทุกคน จะเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนน้อมถ่อมตน ยืดหยุ่นเหมือนดั่งต้นไผ่

เด็ดเดี่ยว แน่นอนไม่คลอนแคลน มีความเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง "

อันหลิงหยุนหันมองกงชิงวี่ เขาจึงก็พยักหน้า: "ดีเลย ลานจุนจื่อ "

"รอจากนี้สักสองสามวันเมื่ออากาศอุ่นขึ้น ค่อยสั่งให้คนมาปลูกไผ่ไว้ด้านหลัง หวังว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง"

"เช่นนั้นก็ใช้ชื่อว่า ลานจุนจื่อ สินะ ข้าก็ชอบชื่อนี้เช่นกัน ไผ่เขียวชอุ่มดูแล้วก็เจริญตาเจริญใจ"

"ข้าจะเข้าไปดูๆหน่อย ท่านอ๋องอยู่เป็นเพื่อนกั๋วจิ้วเถอะเพคะ" อันหลิงหยุนเข้าไปตรวจสอบ ด้านในไม่มีใครอยู่ อันหลิงหยุนคิดว่าในลานไม่ควรโล่งร้างว่างเปล่า จึงเรียกอาหยู่เข้าไป

อาหยู่รีบตามเข้าไปทันที: "พระชายา"

“ อื้ม เจ้าไปเรียกหยุนจิ่นให้มาที่นี่”

"พ่ะย่ะค่ะ"

อาหยู่รีบไปเชิญหยุนจิ่น หวางหวยอันถามว่า: "จวนอ๋องเสียนนี้ นางเป็นคนดูแลรับผิดชอบ อย่างนั้นหรือ?"

"อื้ม ใช่" กงชิงวี่เห็นว่าหวางหวยอันอยากเข้าไปในลานจุนจื่อ จึงเชิญเขาเข้าไป

"นี่ ... " กงชิงวี่กำลังจะเอ่ยปากรับคำ ก็แค่มีพี่น้องเพิ่มขึ้นมาหน่อย เขาไม่ได้ถือสาอะไรอยู่แล้ว แต่หยุนจิ่นกลับไม่ยอม

“ เจ้านาย อย่าทำแบบนี้ อย่างไรก็เรียกข้าว่าแม่นม เหมือนกับแม่นมซีแบบนั้นก็ได้ ขอให้ซื่อจื่อน้อยทั้งหลายเรียกข้าว่าแม่นมจิ่นเถิดเจ้าค่ะ”

"....." อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: "ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ก็เรียกว่าแม่นมจิ่นตามที่เจ้าพูดก็แล้วกัน

เรือนแห่งนี้ไม่ต้องการคนมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่ง คือเจ้าต้องเฟ้นหาคนคนหนึ่งมาให้ได้ คนคนนี้ต้องมีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ส่วนนิสัยใจคอก็ต้องไม่ย่ำแย่ ข้าต้องการหาอาจารย์ที่มีพลังยุทธอันแข็งแกร่งให้พวกเขา "

“หยุนจิ่นเริ่มเฟ้นหาคนผู้นี้แล้วเจ้าค่ะ แต่ยังหาไม่พบ เพียงได้ยินมาว่าในยุทธภพนั้น มีสำนักแห่งหนึ่งชื่อว่า สำนักทิงเฟิง ได้ยินมาอีกด้วยว่าเจ้าสำนัก เป็นบุคคลที่มีฝีมือเก่งกาจเลื่องลือ อาจจะพอไปสอบถามขอคำชี้แนะได้เจ้าค่ะ”

"แต่ไหนแต่ไรมา สำนักทิงเฟิง เป็นหนึ่งตำนานของเหล่าผู้คนในยุทธภพมาโดยตลอด มีคนไม่กี่คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับคนผู้นี้ ยิ่งคนที่เคยได้พบเจอ ก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

ข่าวของแม่นางหยุนจิ่น มีประสิทธิภาพถึงเพียงเชียว ถึงกับรู้จักคนผู้นี้ด้วย " หวางหวยอันอดประหลาดใจกับความสามารถของหยุนจิ่นไม่ได้

หยุนจิ่นกลับกล่าวว่า "ถือเป็นหน้าที่อันพึงกระทำเท่านั้นเองเจ้าค่ะ ทำให้ท่านกั๋วจิ้วต้องขบขันแล้ว"

"แม่นางหยุนจิ่นสนใจที่จะเข้าร่วมงานกับ แผนกนักสืบ หรือไม่?" หวางหวยอันไม่ยอมพลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน

หยุนจิ่นรีบพูดว่า: "ชีวิตนี้ทั้งชีวิตของหยุนจิ่น เป็นของเจ้านายมาโดยตลอด หากเจ้านายอยู่ หยุนจิ่นอยู่ หากเจ้านายตาย หยุนจิ่นย่อมต้องตาย ไม่อาจมีเจ้านายคนอื่นอีกเจ้าค่ะ”

“ ช่างเป็นหยุนจิ่นผู้จงรักภักดีต่อเจ้านายยิ่งนัก เช่นนั้น ข้าขอเก็บคำพูดเมื่อครู่นี้กลับไปก็แล้วกันเถิดนะ”

“ ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านกั๋วจิ้ว”

หยุนจิ่นมองอันหลิงหยุน:“ เจ้าสำนักทิงเฟิง เป็นเจ้าสำนักรุ่นที่สาม ความเก่งกาจสามารถของเขาเป็นที่เล่าลือกันมากที่สุดในสำนัก มีชื่อเสียงลือชาไร้ปราณี เขารักเงิน ตราบใดที่ยอมควักเงินให้ เขาก็ยินดีทำทุกอย่างที่มอบหมาย สำหรับนิสัยส่วนตัวของเขา ข้ายังต้องตรวจสอบอีกเจ้าค่ะ "

"อื้ม"

อันหลิงหยุนรู้สึกว่าต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วย จึงหันไปมองกงชิงวี่ เอ่ยถามว่า: "ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไรเพคะ?"

"หยุนหยุนตัดสินใจเถอะ"

"..... " อันหลิงหยุนมองดูรอบเรือน จึงวางแผนลำดับต่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน