ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 547

บทที่ 547 แม่ได้ดีเพราะลูกสาว

ในไม่ช้าอาการของกั๋วจิ้วใหญ่ก็เริ่มทรงตัว มู่มิงเองก็หยุดร้องไห้แล้ว ฮูหยินกั๋วจิ้วรีบร้อนเข้าวังมาอย่างรวดเร็ว นางรีบตรงไปคารวะทักทายหวางฮองไทเฮาก่อน จากนั้นจึงเร่งไปที่วังซ่งเต๋อโดยไม่รอช้า

ในตอนนี้ลูกสาวได้กลับไปที่วังซ่งเต๋อ ออกไปจากตำหนักเย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่คิดว่าฮูหยินกั๋วจิ้วกลับไม่รู้เรื่องนี้

เมื่อมาถึงวังซ่งเต๋อ ก็มีคนในวัง มายืนรออยู่ที่หน้าประตูวังซ่งเต๋อนานแล้ว เสี่ยวสวีจื่อรีบก้าวไปข้างหน้า : "เสี่ยวสวีจื่อคารวะฮูหยินกั๋วจิ้ว”

ทันทีที่ฮูหยินกั๋วจิ้วได้ยินว่าเป็นเสี่ยวสวีจื่อ นางรู้สึกคุ้นหูชื่อนี้มานาน เคยได้ยินชื่อบ่อยยังนึกอยู่ว่าเสี่ยวสวีจื่อคือใคร

เรื่องในวังทั้งหลาย ฮูหยินกั๋วจิ้วจับจุดรู้ทิศทางเส้นสนกลในมานานแล้ว สวีกงกงได้รับอนุญาตให้เข้าจวนอ๋องเสียนไปแล้ว ในวังก็เปลี่ยนขันทีรับใช้ข้างพระวรกายฝ่าบาท เป็นขันทีน้อยคนใหม่ นามว่าเสี่ยวสวีจื่อ

ฮูหยินกั๋วจิ้วยิ้มอย่างสุภาพ ตอบกลับไปว่า “ กงกงเชิญลุกขึ้นเถอะ ข้ารีบร้อนมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่ากงกงอยู่ที่นี่เอง นี่คือสร้อยข้อมือ ที่เป็นสินเดิมตอนที่ข้าแต่งออกมา กงกงโปรดรับไว้ก่อน หากในวันหน้ามีโอกาส ข้าย่อมจะต้องตอบแทนบุญคุณกงกงให้มากอย่างแน่นอน

เสี่ยวสวีจื่อรีบเข้าไปรับของเป็นพัลวัน พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า : "ฮูหยินกั๋วจิ้วเกรงใจแล้ว ขอเชิญฮูหยินด้านในเถอะ ฝ่าบาททรงประทับอยู่ด้านในแล้ว ท่านกั๋วจิ้วก็ฟื้นแล้วเช่นกัน ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีของทุกท่านยิ่งนัก"

"ขอบคุณความปรารถนาดีของกงกงแล้ว" ฮูหยินกั๋วจิ้วเงยหน้าขึ้น เดินตรงเข้าประตูไป ในที่สุดก็นับว่า ได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที

หลังจากเข้าไปในวังซ่งเต๋อแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่ฮูหยินกั๋วจิ้วได้เห็นความหรูหรา วิจิตรตระการตาของวังนี้ ดูไปแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าในวังของฮองเฮาเลย

ฮูหยินกั๋วจิ้วไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก ถึงอย่างไรเสีย หวางฮองไทเฮาก็อยู่ในวังเช่นกัน แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงโปรด แต่ก็ไม่กล้าไม่ไว้พระพักตร์หวางฮองไทเฮาเป็นแน่

เมื่อเข้ามาในห้องโถงด้านในตำหนัก การจัดแต่งภายในห้องโถง ล้วนเป็นสิ่งของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้วางตกแต่งเรียงรายอยู่ดาษดื่น ฮูหยินกั๋วจิ้ว ก้าวเดินด้วยท่วงท่าสง่างามเข้าไปข้างใน เมื่อได้เห็นฮ่องเต้ชิงหยู่ จึงรีบคุกเข่าลง แต่ยังไม่ทันจะคุกเข่าเสร็จ ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ทรงเข้าช่วยพยุงให้ลุกขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พระสนมคนอื่นๆ ล้วนไม่เคยมีโอกาสได้รับมาก่อน

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงทำถึงขั้นนี้ ย่อมแสดงว่าพระองค์ใส่พระทัยในตัวมู่มิงไม่น้อย

ฮูหยินกั๋วจิ้วรีบร้อนกล่าวขอบพระทัย ในใจของนาง ย่อมรู้สึกยินดีขึ้นมาหลายส่วนเป็นธรรมดา แต่นางไม่กล้าละเลยมารยาท จึงยังคงก้มหน้า เพื่อพูดคุยกับฮ่องเต้ชิงหยู่ดังเดิม

ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสขึ้นว่า: "ท่านกั๋วจิ้วอาการดีขึ้นมากแล้ว เชิญฮูหยินกั๋วจิ้วเถิด"

เมื่อฮ่องเต้ตรัสถึงคำว่าเชิญ อันหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้น มองฮ่องเต้ชิงหยู่อย่างอดไม่ไหว ในใจบังเกิดความรู้สึก หมดคำจะพูด ขึ้นมาสายหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ชายหนอผู้ชาย! คุณธรรมน้ำใจก็มาได้แค่นี้ล่ะนะ แทบจะเอาป้ายคำว่า ชอบใหม่ลืมเก่า มาแปะหน้าผากได้เลยทีเดียวเชียวล่ะ

ในตอนแรกที่มองฮ่องเต้ชิงหยู่ ก็ยังคิดอยู่ว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ภักดี รักเดียวใจเดียวไม่มีแบ่งเป็นสอง ต่อมาเมื่อเซียวกุ้ยเฟยเข้าวัง ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ถึงอย่างไรพระองค์เองก็มีความยากลำบากของคนเป็นราชาอยู่

แต่ตอนนี้ เมื่อถึงคราวมู่มิงบ้าง เขาดูเหมือนสุนัขตัวผู้ติดสัดไม่มีผิด หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ในวันข้างหน้า หากมีเหล่าสนมสาวน้อยวัยขบเผาะเข้าวังบ่อยขึ้น ชีวิตในวังของมู่มิงอาจไม่ได้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นง่ายดายเสียแล้ว

อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้าใจ ก้มหน้าตรวจวินิจฉัยอาการกั๋วจิ้วใหญ่ต่อ

นางไม่ทันเห็นว่า กงชิงวี่จ้องมองนางนานขึ้นกว่าปกติ

เพล้ง!

ในขณะที่ทุกคนไม่ได้สนใจ ขวดแก้วเจียระไนที่ประดับอยู่ในห้องโถงใหญ่ ก็ตกลงพื้นแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ

อันหลิงหยุนตกใจจนตัวสั่น หันไปเห็นว่า กงชิงวี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล มีเศษขวดแก้วแตกละเอียด เกลื่อนกระจายอยู่บริเวณใต้เท้าของเขา

ทุกคนในที่แห่งนั้น ไม่มีใครไม่ตระหนกตกใจ เป็นฝีมือของกงชิงวี่ทุบจนแตก หรือเป็นเพราะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?

วินาทีต่อมาสีพระพักตร์ฮ่องเต้พลันมืดทะมึนจมดิ่ง: "เจ้าไร้ตาหรือว่าไร้สมองกันแน่ ขวดแก้วเจียระไนใบนั้นเป็นเครื่องบรรณาการล้ำค่า ในประเทศต้าเหลียงแห่งนี้ มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น!"

"ของนี่ไม่ใช่ว่าอยู่ในคลังหลวงหรอกหรือ?" กงชิงวี่จงใจเลี่ยง ไม่ตอบคำถามของฮ่องเต้ชิงหยู่ตรงๆ ทว่ายกที่มาแต่เดิมของขวดขึ้นมาพูดแทน

ฮ่องเต้ชิงหยู่สุดจะอดกลั้นโทสะ: "ในวังซ่งเต๋อไม่ได้มีสิ่งประดับตกแต่งมากมายอะไร จะนำออกมาใช้บ้างจะเป็นไรไป?"

สองพี่น้องเริ่มทะเลาะเบาะแว้งกันแล้ว แต่ฮูหยินกั๋วจิ้วรู้แน่แก่ใจชัดเจน

ดูเหมือนว่าลูกสาวของนางคงต้องแสดงตัวแล้ว

"ก็ไม่เป็นอย่างไร เพียงแค่ความหรูหราของพระราชวังซ่งเต๋อแห่งนี้ ดูแล้วเกินหน้าระดับกุ้ยเฟยไปไกลโข ฮองเฮายังอยู่แท้ๆ ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ตำแหน่งของฮองเฮานั้น เอาไปไว้ที่ไหนแล้วหรือ?"

ฮ่องเต้ชิงหยู่บันดาลโทสะ: "ข้าว่าสมองของเจ้ามันพังไปแล้วสินะ ทหาร มานำตัวอ๋องเสียนไป ขังไว้สองวันห้ามให้ข้าวให้น้ำ จะได้ไม่พูดจาเหลวไหลเพ้อเจ้อ! "

"ช่วยชีวิตคนสำคัญ อย่าร้องไห้" ทันทีที่ได้ยินมู่มิงพูดเตือนสติ อันหลิงหยุนก็พลันฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับขึ้นมาได้

นางหันมองกงชิงวี่ เริ่มทำการสแกนใหม่อีกครั้ง รู้สึกว่าเขาอาการดีขึ้นบ้างแล้วหลังจากกินยา อันหลิงหยุนพยายามสงบสติอารมณ์ และพูดขึ้นว่า "เอากล่องยามาให้ข้า"

มู่มิงรีบไปนำกล่องยามาส่งให้อันหลิงหยุนทันที มองเห็นเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายหยดกลิ้งออกมาจากศีรษะของอันหลิงหยุนไม่หยุด ท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น ทว่าแผ่นหลังของนางกลับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

"เจ้าไม่ต้องกังวลไป ใจเย็นๆเข้าไว้ถึงจะช่วยชีวิตคนได้ เขาเป็นสามีของเจ้า แล้วก็เป็นคนไข้ของเจ้าด้วย ตอนนี้เจ้าต้องสงบสติอารมณ์ลงมา ช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้อารมณ์มาจัดการได้ ไม่ว่าใครหากมาอยู่ในมือของเจ้าแล้ว ไม่เคยมีคนไหนที่เจ้าช่วยไว้ไม่ได้" มู่มิงคุกเข่าลงนั่งพลางพูดให้กำลังใจอันหลิงหยุน

อันหลิงหยุนค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงมาช้า ๆ เอนตัวเข้าไปหามู่มิง บนศีรษะของนางมีเหงื่อผุดพรายชุ่มโชก นางต้องการใครสักคนที่ให้กำลังใจ เป็นแรงผลักดันสนับสนุนนางแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี กงชิงวี่มีความสำคัญกับนางมากมายเหลือเกิน หากมีอะไรผิดพลาดแม้สักเศษเสี้ยว นางคงจะรับมือไม่ได้แน่ ๆ ศีรษะของผู้หญิงทั้งสองกดแนบชิดเข้าหากัน ฮ่องเต้ชิงหยู่เสมือนตกอยู่ในภวังค์ บังเกิดความกระสับกระส่ายร้อนรน

หลังจากถอนพระปัสสาสะ ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ทรงกลับมาเป็นปกติ

อันหลิงหยุนออกห่างจากมู่มิง มองไปที่กงชิงวี่ เปิดกล่องยาและฉีดอะดรีนาลีนให้เขาก่อนหนึ่งเข็ม

จากนั้นจึงให้น้ำเกลือเล็กน้อย ตามด้วยยาแอสไพริน

กงชิงวี่ค่อยๆลืมตาขึ้น ได้เห็นอันหลิงหยุนเหงื่อชุ่มโชก เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำมาอย่างไรอย่างนั้น เขารู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย เอ่ยคำพูดขึ้นด้วยท่าทางอ่อนแรงว่า "ข้าไม่เป็นไร"

อันหลิงหยุนจ้องใส่เขาอย่างขุ่นเคือง : "ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก จนเป็นโรคหัวใจแล้ว ท่านรู้ไหมว่าโรคนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ร่างกายจะถูกกัดกร่อนจนทรุดโทรมได้ ไม่ควรมีอารมณ์โกรธเคือง ไม่ควรกังวล ไม่สามารถใช้กำลังหนัก ๆ ได้ ท่านรู้หรือไม่?"

อันหลิงหยุนรู้สึกน้อยใจ เหมือนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจนอยากร้องไห้ ทำไมถึงต้องเป็นโรคนี้ด้วยนะ?

เดิมทีรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีอารมณ์แบบนี้ พอโกรธขึ้นมาก็ถึงขั้นเป็นลมไปได้ แต่ก็พูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเอง ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหน นางก็ไม่ใช่ว่าหาทางช่วยได้หรอกหรือ?

เมื่อเห็นใบหน้าที่น้อยอกน้อยใจของอันหลิงหยุน กงชิงวี่จึงกุมมือนางไว้แน่น: "ข้าไม่เป็นไรแล้ว อย่าร้องไห้! เห็นเจ้าร้องไห้แล้วข้าเองก็ปวดใจ!"

มู่มิงลุกขึ้นยืน แสดงศักยภาพในการจัดการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ทันที สั่งการออกไปว่า: "ส่งท่านกั๋วจิ้วไปห้องข้างก่อน ท่านแม่ ท่านก็ตามไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ พวกเจ้าสองสามคนนี้ตามไปรับใช้พวกท่าน หมอหลวงก็ไปด้วยเถอะ ระวังด้วยล่ะ"

หมอหลวงไม่กล้าทำการชักช้าละเลยคำสั่ง เป็นธรรมดาที่ฮูหยินกั๋วจิ้ว ย่อมไม่คิดเพิ่มปัญหาอะไรให้กับลูกสาวอีก จึงรีบตามไปที่ห้องข้างทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน