บทที่ 548 แกล้งป่วย
"ฝ่าบาท ทรงประทับนั่งลงก่อนเพคะ อย่าได้ทรงกังวลไปเลย " มู่มิงเอื้อมจับพระหัตถ์ของฮ่องเต้เชื้อเชิญให้พระองค์นั่งลง
ฮ่องเต้ชิงหยู่ประทับนั่งลงใกล้ ๆ ทอดพระเนตรสาวน้อยตรงหน้า อย่างเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่ รู้สึกถึงอะไรที่แปลกหูแปลกตาไปจากเดิม
มู่มิงจัดแจงที่ทางให้ฮ่องเต้เสร็จ จึงหันมองเสี่ยวสวีจื่อ : "เสี่ยวสวีจื่อ ดูแลฝ่าบาทให้ดีด้วย"
"พ่ะย่ะค่ะ"
มู่มิงปรายสายตามองคนในวังคนอื่นๆ“ เลิกดูได้แล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำสิ่งนั้น ไปชงชาโสมพุทรามาถวายให้ฮ่องเต้ด้วย”
คนในวังไปชงชากันวุ่นวาย มู่มิงหันมองอันหลิงหยุน เอ่ยถามว่า "หยุนหยุน เจ้าอยากไปนอนบนเตียงหน่อยไหม"
"ยังไม่ไปดีกว่าเขาต้องนอนลง มีผ้าห่มไหม เอามาให้เขาหน่อย " อันหลิงหยุนถามขึ้นมา มู่มิงจึงรีบสั่งให้คนมาจัดการทันที
อันหลิงหยุนห่มผ้าห่มลงบนขาทั้งสองข้างของกงชิงวี่ พยายามไม่ไปรบกวนเขา เขาเอาแต่นอนนิ่งๆ สายตาจ้องมองอันหลิงหยุนอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าที่ซีดขาวตั้งแต่เริ่มอาการจนถึงตอนนี้ยังคงไม่มีสีเลือดกลับคืนมาให้เห็น กงชิงวี่เองก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อาจบุ่มบ่ามขยับตัว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รบกวนผู้หญิงสองคนที่ทำกำลังทำเรื่องสำคัญอยู่
เป็นเรื่องยากที่ฮ่องเต้ชิงหยู่ จะได้ทอดพระเนตรเห็นฉากเช่นนี้ ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะตึงเครียดอย่างยิ่ง แต่กลับเป็นอะไรที่อบอุ่นมาก
ฮ่องเต้ชิงหยู่คล้ายดั่งว่า จะไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นภาพที่อบอุ่นเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
จึงทอดพระเนตรอย่างเงียบงัน แต่รู้สึกเกษมสันต์อย่างยิ่ง
อันหลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นว่า : "ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่?"
กงชิงวี่พยักหน้า: "ดีขึ้นมาก ข้าไม่เป็นไร รู้สึกสบายดี"
ยิ่งกงชิงวี่บอกว่าตัวเองไม่เป็นไร ก็ยิ่งทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกไม่เชื่อ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี
เมื่อได้ยินกงชิงวี่พูดว่าไม่เป็นไร อันหลิงหยุนก็ยังรู้สึกไม่วางใจ แต่ก็ช่วยเช็ดใบหน้าเขาที่มีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด
"ท่านอ๋อง ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย หายใจตามข้านะเพคะ"
อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเข้า ออกเป็นจังหวะ กงชิงวี่จึงสูดลมหายใจตาม
หลังจากทำติดต่อกันหลายครั้ง นางก็เริ่มเห็นว่า บนใบหน้าของกงชิงวี่ เริ่มมีสีเลือดปรากฏออกมาให้เห็นบ้างแล้ว อดไม่ไหวจึงก้มหน้าลง จุมพิตบนริมฝีปากของเขา กงชิงวี่คว้ากุมมือของนางโดยสัญชาตญาณทันที
มู่มิงรู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
อันหลิงหยุนพูดขึ้นว่า "ท่านอ๋อง เก่งมากๆเลยเพคะ!"
"แต่ไหนแต่ไร ข้าก็เก่งมากมาตลอดอยู่แล้ว!" กงชิงวี่รู้สึกเสียใจจนอยากตายไปซะให้พ้นๆ เขาไม่ควรหลอกนางอย่างนี้เลย ดูนางตกใจเสียแทบแย่แล้ว
ฮ่องเต้ชิงหยู่ เพียงปรายสายพระเนตรมองอันหลิงหยุน นางช่างขวัญกล้าอาจหาญยิ่งนัก ต่อหน้าต่อตาธารกำนัล ยังกล้าไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้
เมื่อคิดถึงมู่มิง ทั้งสองคนช่างคล้ายกันมากจริงๆ ต่างก็เป็นประเภทไม่สนใครหน้าไหนพอๆกัน
เมื่อแน่ใจแล้วว่ากงชิงวี่ไม่เป็นไรจริงๆ อันหลิงหยุนจึงค่อยนั่งลงอย่างโล่งอก
แต่นางไม่กล้าออกห่าง จึงยังคอยจับมือของกงชิงวี่ไว้ตลอดเวลา ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังมือของทั้งสองราวตกอยู่ในภวังค์ ผ่านไปเนิ่นนาน จึงค่อยยกถ้วยชาขึ้นมาจิบช้าๆ
มู่มิงไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นฮ่องเต้ดื่มชา ปรายตามองคนในวังที่ยืนอยู่รอบๆ แล้วเดินเข้าไปยกชาออกมา
ฮ่องเต้ชิงหยู่เงยพระพักตร์ขึ้น เสี่ยวสวีจื่อตกใจหนักมาก มู่มิงกลอกตามองบนใส่ฮ่องเต้ชิงหยู่อย่างไม่สบอารมณ์
"ตอนนี้จนเวลาอะไรแล้ว ฝ่าบาทยังดื่มชาอยู่อีก ไม่กลัวว่าจะนอนไม่หลับหรือเพคะ ? พระวรกายฮ่องเต้มีค่าดั่งทองคำหมื่นชั่ง ไม่ทรงไตร่ตรองเพื่อคนอื่นสักหน่อยหรือเพคะ? " มู่มิงมีทีท่าหยิ่งยโสเล็กน้อย ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ได้ทรงตรัสอะไรออกมา ดูเหมือนไม่ใส่พระทัยนัก
“พวกเจ้าจงจำไว้ว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในเวลากลางคืน อย่าให้ฝ่าบาททรงดื่มชาที่ชงเข้ม หากพระองค์มีพระประสงค์จะดื่ม ให้ชงชาอ่อนๆ ที่มีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายก็พอ”
"พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"
ข้ารับใช้ในวัง ต่างรับคำสั่งจากมู่มิงอย่างเชื่อฟัง มู่มิงจึงถามขึ้นว่า: "วันนี้ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทจะเสด็จไปหาฮองเฮาหรอกหรือเพคะ?"
เสี่ยวสวีจื่อเงยหน้าขึ้นมอง นี่คือไล่ฝ่าบาท?
ฮ่องเต้ชิงหยู่ลากสุรเสียงยาว ตรัสว่า: "วันนี้ฮองเฮาถือศีลแปด!"
กล่าวเป็นนัยยะก็คือ วันนี้ไม่สามารถกลับไปได้นั่นเอง
มู่มิงถามต่อ “เช่นนั้นเซียวกุ้ยเฟยล่ะเพคะ?”
"คืนนี้ข้าอยู่ค้างที่นี่ก็แล้วกัน" ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสจบ จึงทอดพระเนตรมองออกไปด้านนอก ปล่อยให้มู่มิงพูดอะไรก็พูดไป ไม่สนพระทัยแล้ว
เสี่ยวสวีจื่อจึงรีบพูดขึ้นว่า "ข้าน้อยจะออกไปติดตะเกียงที่ด้านนอกเองพ่ะย่ะค่ะ"
ที่นี่ไม่มีใคร หรือต่อให้มี ฮูหยินกั๋วจิ้วก็คล้ายว่า จะไม่ได้เป็นกังวลอะไรนัก นี่เป็นที่ของลูกสาวนางย่อมไม่กลัว อีกทั้งตอนนี้ลูกสาวของนางได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ ย่อมทำให้นางขวัญกล้าขึ้นมาไม่น้อยทีเดียว
กั๋วจิ้วใหญ่มองไปที่ภรรยา แต่กลับพูดอย่างสงบนิ่งเฉยชาขึ้นมาว่า: "ข้าเกือบต้องตายอยู่ในคุกแล้ว หากไม่เพราะจวนอ๋องเสียนช่วยข้าไว้ ข้าก็คงตายไปนานแล้ว เมื่อไรที่ข้าตายไป ก็ไม่มีอะไรหลงเหลือสักอย่าง
อีกทั้งตอนนี้พระชายาเสียนช่วยชีวิตข้าไว้ แล้วข้าจะตอบแทนบุญคุณนาง ด้วยการสร้างความแค้นได้อย่างไรกัน? "
ฮูหยินกั๋วจิ้วเงียบงันไปชั่วขณะ กั๋วจิ้วใหญ่จึงกล่าวต่อไปว่า "ชีวิตของข้าสำคัญกว่า หรือหน้าตาสำคัญกว่า จนถึงตอนนี้ตระกูลหวางทะเยอทะยาน ถึงขั้นถามหาตำแหน่งฮองเฮาแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีกหรือ?"
ฮูหยินกั๋วจิ้วส่ายหน้าเป็นพัลวัน : "ท่านพี่กล่าวได้ถูกแล้ว ข้าไม่กล้าอีกแล้วเจ้าค่ะ!"
นางยังคงฟังคำสามีเสมอ สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว จึงได้มีวันนี้ได้
กั๋วจิ้วใหญ่เหลือบมองไปที่ประตู แล้วจึงหันมองภรรยาครู่หนึ่ง: "พระชายาเสียนเป็นคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อทุกคน มิ่งเอ๋อนับว่าเป็นเพื่อนสนิทของนาง อย่าได้ทำเรื่องอะไรที่ทำให้นางต้องลำบากใจไปกว่านี้เลย"
“ ข้าเชื่อตามคำสั่งท่านพี่เจ้าค่ะ”
อันหลิงหยุนกลับไปตรวจอาการกงชิงวี่ คนตื่นมาแล้ว ดวงตาของเขาเอาแต่จ้องเขม็งมายังทิศทางเดียว เมื่อเห็นนางก็อยากจะลุกขึ้น อันหลิงหยุนจึงรีบก้าวเท้าเดินเร็ว ๆ หลายก้าวเข้าไปยังเบื้องหน้าเขา จับมือเขาไว้แล้วนั่งลง
กงชิงวี่จึงยอมนั่งลงด้วยเช่นกัน
ในที่สุด กงชิงวี่ก็ยอมเอนตัวนอนกลับลงไปที่เดิมอย่างซื่อสัตย์ แต่ยังคงท่าทางหยิ่งยโสอยู่มาก
"ทำไม ? แค่ข้าไม่ได้จับตามองพักเดียว ก็ออกไปไหนตามอำเภอใจแล้วหรือ ?" กงชิงวี่รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังถาม สายตาหยิ่งจองหองนั้น ทำเอาอันหลิงหยุนอยากหัวเราะใส่หน้าสักทีจริงๆ
“ ท่านอ๋องไม่เป็นไรแล้วหรือเพคะ?”
"อื้ม ไม่เป็นไรตั้งนานแล้ว ตอนนี้ถ้าอยู่บ้านล่ะก็ สามารถขึ้น เตียง ได้ เลยเชียวล่ะ"
อันหลิงหยุนหัวเราะใส่เขาอย่างอดไม่อยู่ : "ท่านอ๋องช่างกะล่อนแท้!"
ไม่มีใครอยู่ในตำหนัก มีเพียงขันทีน้อยสองคน แต่พวกเขาล้วนเป็นคนของอันหลิงหยุน
กงชิงวี่ลุกขึ้นนั่ง อันหลิงหยุนรีบเข้าไปพยุง
กงชิงวี่กอดอันหลิงหยุนไว้แน่น กระซิบอธิบายข้างหูของนาง ว่าเขาจงใจแสร้งทำเป็นไม่สบาย แต่อันหลิงหยุนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ถึงอย่างไร ก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...