ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 562

บทที่ 562 ทั้งชอบและทั้งชัง

ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่มองอยู่ หวูโยเอ๋ย มิแปลกใจว่าเหตุใดอ๋องเสียนจึงโกรธและไม่มายังดีที่อันหลิงหยุนมิได้สนใจอันใดมาก มิเช่นนั้นแม้แต่ถนนเจ้าก็มิอาจเดินได้

หลังจากเตือนสติจุนโม่ซ่าง จุนโม๋ซ่างจึงได้รีบร้อนเดินตามมา

“คลอดแล้ว?”จุนโม่ซ่างกล่าวถามอันหลิงหยุน แต่อันหลิงหยุนไม่ตอบรับอันใด ก้มศีรษะและตบเบาๆไปที่เจ้าห้าทิ่อยู่ในอ้อมแขน

กลับกลายเป็นว่าลืมตามองไปที่จุนโม่ซ่าง มองอยู่พักหนึ่งก็หลับตาเช่นเดิม

สายตาที่มองราวกับไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา มองเจ้าห้าที่หลับตาลงไปสลับกับมองใบหน้าของอันหลิงหยุนและแอบพินิจพิเคราะห์อยู่ในใจ

ถังหลงรีบร้อน เข้าไปดึงแขนเสื้อของจุนโม่ซ่าง จุนโม่ซ่างจึงได้สำรวมขึ้นหลายส่วน เอ่ยถาม “เหตุใดถึงไม่พบอ๋องเสียน?”

“อ๋องเสียนมีกิจที่เร่งด่วนเพคะ ” อันหลิงหยุนกล่าวอย่างเฉยชา

จุนโม่ซ่างกลับเอ่ยถาม “มิใช่ว่าเห็นข้าแล้วขัดหูขัดตา จึงมิได้มาต้อนรับข้าหรอกหรือ?”

หยุดไปครู่หนึ่ง มีคนเปิดสงคราม นางก็จะไม่เกรงใจอีกแล้ว

อันหลิงหยุนหมุนกายกลับอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย “แม้มิได้มาต้อนรับหวูโยไท่จื่อ ก็มิใช่ว่าช่วงไม่กี่วันมานี้ กำลังดำเนินการจัดการเรื่องเชื่อมสัมพันธไมตรีหรือเพคะ

ตามกฎของประเทศต้าเหลียง จะต้องเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วเท่านั้น ”

จุนโม่ซ่างเคร่งขรึม และเอ่ยถาม “เหตุใดข้าถึงไม่เคยรู้กฏนี้มาก่อน?”

ด้วยความรีบร้อนต้องการที่อยากจะทุบหัวให้ตาย ไหนเลยจะสนใจไท่จื่อ ที่ยุ่งเรื่องของผู้อื่นราวกับคนบ้า

“หวูโยกั๋วห่างจากพวกหม่อมฉันนั้นช่างไกลยิ่งนัก จะมิทราบก็ไม่แปลกเพคะ ทว่าก็มิใช่ว่าจะมิอาจเชื่อมสัมพันธไมตรีมิได้”

“หืม?”จุนโม่ซ่างนึกไปถึงยามที่อันหลิงหยุนสวมใส่ชุดเจ้าสาว ริมฝีปากก็เผยอขึ้น

อันหลิงหยุนยังคงกล่าวต่อไป “มิฉะนั้นสตรีที่เชื่อมสัมพันธไมตรีของประเทศต้าเหลียงคงมิอาจไปจากประเทศต้าเหลียงได้ ทว่ากลับกลายเป็นว่าสามารถแต่งสามีผู้หนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านของตนได้ ”

“เช่นนี้หรือ?”

พาให้จุนโม่ซ่างวาดฝันราวกับว่าอันหลิงหยุนยืนอยู่ที่หน้าประตูจวนเขา ทั้งร่างสวมใส่อาภรณ์สีแดง ยืนคอยเขาอยู่ที่หน้าประตูเช่นนั้น จึงได้หัวเราะออกมา

ทันใดนั้น ผู้คนต่างมองไปที่จุนโม่ซ่าง คล้ายกับกำลังมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น

ทว่าอันหลิงหยุนกลับมิได้คิดเช่นนั้น ก็แค่คนบ้ามิใช่หรือ!

“หวูโยไท่จื่อ สถานที่พักของราชวงศ์ได้จัดเตรียมเรียบร้อย อีกประเดี๋ยวไปพักที่นั่นเพคะ เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ หม่อมฉันจะร่วมรับประทานอาหารกับหวูโยไท่จื่อ ส่วนพรุ่งนี้เช้าฮ่องเต้เรียนเชิญให้หวูโยไท่จื่อเข้าเฝ้าเพคะ ”

จุนโม่ซ่างฟังไม่ออกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม นึกได้เพียงว่าอันหลิงหยุนจะร่วมรับประทานอาหารกับตน ในใจกลับเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา

ถังหลงคิดที่จะขัดขวาง รู้ว่าอย่างไรก็มิทัน จึงให้จุนโม่ซ่างได้กล่าวต่อไป

ในใจของถังหลงเต็มไปด้วยความหดหู่ รอบนี้เกรงว่าขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือเป็นแน่

“ก็ดี!”

จุนโม่ซ่างกล่าวอย่างไม่แยแส ผู้คนโดยรอบต่างก็กระจ่างชัดแล้ว มองออกว่าหวูโยไท่จื่อนั้นมีเจตนาแอบแฝง

อันหลิงหยุนก็มิได้แกรงกลัวอันใด หมุนกายอุ้มเจ้าห้าเดินไปที่รถม้า พอถึงหน้ารถม้าก็เอ่ยขึ้นว่า “เชิญหวูโยไท่จื่อขึ้นรถเพคะ”

จุนโม่ซ่างเดินขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หมุนกายยื่นมือให้แก่อันหลิงหยุน คอยนางขึ้นรถม้า ผู้คนโดยรอบต่างส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่

อันหลิงหยุนยิ้มอย่างไม่แยแส “ซื่อจื่อ หม๋อมข้ามิอาจนั่งรถม้าที่งดงามเช่นนี้ได้ หม่อมฉันต้องไปที่ด้านหน้า เชิญหวูโยไท่จื่อเข้าไปที่ที่พักของราชวงศ์เถิดเพคะ หม่อมฉันจะต้อนรับด้วยตนเอง ”

“เช่นนั้นข้าไปที่นั่นก็ได้”

ขณะที่กล่าวจุนโม่ซ่างก็กำลังจะลงจากรถม้า ถังหลงก็ได้รีบขัดขวางเอาไว้และกล่าวขึ้น “ไท่จื่อ กระหม่อมกับท่านยังต้องหารือกันถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้เช้า เชิญท่านกลับเข้าไปในรถม้าก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะอยู่ข้างๆเพื่อคอยรายงาน”

จุนโม่ซ่างมองไปทางถังหลงอย่างรำคาญและเอ่ยขึ้น “ท่านถางเจ้าช่างวุ่นวายเสียจริง ข้าและเพื่อนเก่าพบหน้ากัน เหตุใดเจ้าถึงได้ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“คือ…”ถังหลงเริ่มเหงื่อตก เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านเถิด

จุนโม่ซ่างเหลือบมองไปที่อันหลิงหยุน และหมุนกายกลับเข้าไปในรถม้า

ก่อนเข้าประตูไปก็ได้แนะนำ อากาศหนาวและลมแรง อันหลิวหยุนอ้างว่าการที่ต้องอุ้มเด็กทำให้ไม่สะดวก จะทำให้เด็กสุขภาพไม่ดี และลูกของนางมิอาจห่างจากนางได้ ดังนั้นจึงขอตัวไปพักผ่อนก่อน

จุนโม่ซ่างรับฟังเหตุผลของอันหลิงหยุน ก็ได้จัดการห้องหับไว้สำหรับพักผ่อนเป็นอย่างดี

อันหลิงหยุนได้นั่งลงข้างจุนโม่ซ่าง อ้างเหตุว่าต้องกลับไปให้นมลูก จึงได้ขอตัวกลับไปก่อน

อันหลิงหยุนก้าวเดินออกไปแล้ว. จุนโม่ซ่างก็หมุนกายไปมองที่หน้าประตู ถังหลงมองจุนโม่ซ่างที่เป็นเช่นนี้ ความโกรธก็สุมขึ้นในอก

ถังหลงร้องเรียกจุนโม่ซ่างซ่างอยู่ข้างๆ ครึ่งค่อนวันจุนโม่ซ่างถึงได้หมุนกายไปมองถังหลง จากนั้นใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น

“ท่านถางมีเรื่องอันใดรึ ?”

ถังหลงโกรธจนแทบร้องตะโกนออกมา ทว่าคำกล่าวของเขาช่างเบานัก ทั้งยังเต็มไปด้วยความอดกลั้น “ไท่จื่อ หวูโยกั๋วท้ายที่สุดมีจุดประสงค์อันใด เกรงว่าไทจื่อคงจะลืมแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ท่านถางกลัดกลุ้มเกินไปแล้ว” จุนโม่ซ่างกลับไปนั่งตามเดิม ดวงตาจ้องไปที่โต๊ะ ดูเหมือนว่าอารมณ์กำลังสงบลง

ถังหลงไม่เข้าใจ “ในเมื่อทราบ เหตุใดไม่เอ่ยอันใดแม้ซักประโยค ยามที่พระชายาเสียนกล่าวถึงเรื่องของที่บุรุษต้องแต่งเข้ามาจึงมิได้โต้แย้ไปเล่า?”

“ประเพณีของพวกเขาเป็นเช่นนี้ จักให้ข้าโต้แย้งอันใดได้ ?”

เขาไม่รับปากเชื่อมสัมพันธไมตรี พวกเราสามารถยกเลิกเรื่องที่รับปากกับไท่จื่อ ภายใต้กองทัพ ให้ถือเสียว่ามาสำรวจกำแพงเมืองของประเทศต้าเหลียงเสียสิ”

จุนโม่ซ่างโบกพัดในมือไปมา ค่อยๆพยักหน้ากล่าว “ข้าเหนื่อยแล้ว ออกไปเถิด หากมีเรื่องอันใดให้เรียกท่านถาง”

ถังหลงตะลึงงัน “ไท่จื่อ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ หากมิอาจปล่อยวางความรู้สึกระหว่างชายหญิงลงได้ ภายหน้าจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ได้ และฮ่องเต้จักต้องไม่พอใจท่านเป็นแน่ หากว่าครั้งนี้เชื่อมสัมพันธไมตรีไม่สำเร็จลุล่วงแล้วล่ะก็ ฮ่องเต้ก็ทรงจักต้องลงโทษไท่จื่อ แม้แต่ตำแหน่งไท่จื่อก็เกรงว่ามิอาจรักษาไว้ได้”

จุนโม่ซ่างเยิ้มอย่างเฉยชา “พึงพอใจหรือไม่ มิใช่อยู่ที่เชื่อมสัมพันธไม่ตรีสำเร็จหรือไม่ แต่ว่าขึ้นอยู่ที่ใจของท่านพ่อว่าจะไปในทิศทางใด? หากว่าข้าไม่ดี แต่ท่านพ่อชื่นชอบอย่างไรก็ถือว่าดี ทว่าหากข้าดี. ท่านพ่อไม่ชอบทำอย่างไรก็คือไม่ชอบ”

“ไท่จื่อ....”

ถังหลงคล้ายว่ายังมีอะไรจะกล่าวอีก จุนโม่ซ่างก็ได้ยกพัดขึ้นมาส่ายไปมา สื่อว่าต้องการให้ถังหลงออกไป

ถังหลงจนปัญญา ทำได้เพียงออกไปก่อนเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน