บทที่ 563 บุรุษนามว่าโม่ซ่าง
จุนโม่ซ่างในใจนั้นเฝ้าคอยจะได้ร่วมรับประทานอาหารกับอันหลิงหยุน สุดท้ายรอไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว อันหลิงหยุนก็มิได้มา
“พระชายาเสียนยังไม่ถึงอีกหรือ?” เมื่อคอยจนหมดความอดทนแล้ว จุนโม่ซ่างก็หมุนกายไปยังด้านนอก ตระเตรียมที่จะไปรับอันหลิงหยุนด้วยตนเอง
ยามนั้นมีคนผู้หนึ่งได้มาที่ประตู ผู้นั้นคืออาหยู่
“ถวายบังคมหวูโยไทจื่อพ่ะย่ะค่ะ” อาหยู่รีบร้อนคาราวะ จุนโม่ซ่างรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
“เรื่องเป็นอย่างไรจึงรีบร้อนเช่นนี้ พระชายาเสียนของพวกเจ้าเหตุใดยังมาไม่ถึงเล่า?”
“พระชายาถูกลักพาตัวไปพ่ะย่ะค่ะ”อาหยู่กล่าวจบก็เดินเข้าไปที่พักของราชวงศ์ในทันที เพื่อไปหาแม่ทัพอัน
แม่ทัพอันพอได้ฟังก็รีบออกจากที่พักของราชวงศ์ทันที ขณะเดียวกันจุนโม่ซ่างก็รีบร้อนเป็นอย่างมาก อยากที่จะถามใครซักคนหนึ่ง ทว่ากลับไม่มีไม่มีคนตอบเขา
ท่ามกลางผู้คน ที่ต่างก็ตกจนเหงื่อไหลไคลย้อย ราวกับทั้งศีรษะมีหมอกปกคลุม
อ๋องจู้นหย่งมองไปยังบุตรสาวของตนเองหยุนโล๋ชวน หยุนโล๋ชวนกลับมีท่าทีที่สงบนิ่ง
จุนโม่ซ่างgเดินไปมาอย่างกระวนกระวายภายในที่พักของราชวงศ์ และไปถามหยุนโล๋ชวนว่าเหตุใดจึงส่งให้คนออกตามหา หยุนโล๋ชวนหาข้ออ้างอย่างขอไปที เพียงพริบตาเดียวก็เข้าสู่กลางดึกแล้ว
จุนโม่ซ่างร้อนอกร้อนใจ ถึงขนาดที่ว่าดวงตาแดงก่ำ “ความสามารถในการจัดการปัญหาของประเทศต้าเหลียงเหตุใดจึงได้แย่เช่นนี้ พระชายาเสียนที่ถูกคนลักพาตัวไป ผ่านมาจนค่ำมืดแล้วยังหาคนไม่พบอีก พวกเจ้าล้วนทำอะไรกันอยู่?”
หยุนโล๋ชวนนั้นก็รู้สึกไม่พอใจแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างหยามเหยียด
สะบัดอาภรณ์งดงามที่อยู่บนร่าง ก้าวเข้าไปสองก้าวและเอ่ยขึ้นว่า “หวูโยไท่จื่อคำกล่าวนี้ช่างมากเกินไปแล้ว ประเทศต้าเหลียงแม้มิได้มีคนมากความสามารถนัก ทว่าแต่ก็มิใช่คนธรรมดา พระชายาเสียนถูกลักพาตัวไปและยังหาไม่พบ เรื่องหาคนมิอาจทำได้อย่างเปิดเผย นานเช่นนี้จึงยังหาไม่พบ แม้ท่านเป็นฮ่องเต้ของประเทศต้าเหลียงก็ไม่มีประโยชน์
ทว่าหวูโยไท่จื่อ ยามนี้รีบร้อนเช่นนี้ ข้าไม่เข้าใจท่ายเสียจริง ”
“เจ้าเป็นผู้ใด?”จุนโม่ช่างกล่าวอย่างแปลกใจ
บัดนี้จุนโม่ซ่างมิได้ให้ความสำคัญกับหยุนโล๋ชวน นางอย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายา
“ท่านเป็นผู้ใด?”จุนโม่ซ่างกล่าวอย่างสงสัย
ถังหลงมีสีหน้าที่ผะอืดผะอม รีบร้อนเข้าไปขอโทษขอโพยหยุนโล๋ชวน ทั้งยังอธิบายให้แก่จุนโม่ซ่างฟังอีกด้วย จุนโม่ซ่างจึงได้ทราบว่า หยุนโล๋ชวนคือพระชายาแห่งอ๋องตวน
เมื่อพินิจดู มีเพียงไม่กี่ชื่อที่ลอยอยู่ในหัวของจุนโม่ซ่าง ช่างน่าเกลียดเสียนี่กระร
หยุนโล๋ชวนมองไปที่จุนโม่ซ่างอย่างขัดหูขัดตา ดังนั้นทั้งคู่แต่ละคนก็ต่างไม่ชอบกัน
เมื่อทั้งสองต่างก็ไม่เอ่ยอันใด ถังหลงจึงได้สอบถาม “พระชายาตวน ไท่จื่อของพวกเราไม่ค่อยสบายเล็กน้อยขออย่าได้ถือสา แต่ทว่าพระชายาเสียนหายสาบสูญไปนานเท่าใดแล้ว เหตุใดจึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวเล่าพ่ะย่ะค่ะ?ตามเหตุผลเรื่องใหญ่เช่นนี้ ในเมื่อกลัวว่าจะทำให้ผู้คนตกใจ แต่ทว่าก็ไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไปแล้ว มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น จะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ”
“ท่านถางยังกล่าวได้ เข้าอกเข้าใจผู้อื่น มิขอปิดบังท่านถาง แท้จริงแล้วเรื่องนี้ก็มีสาเหตุ ดังนั้นจึงไม่อาจหาพระชายาเสียนพบได้ในเร็วๆนี้ อันที่จริงก็เกี่ยวข้องกับการที่ราชทูตมาที่ประเทศต้าเหลียงของพวกเรา ”
ถังหลงรู้สึกย่ำแย่ ภายในใจรู้สึกไม่ดี ทว่ากลับมิอาจเอ่ยคำใด
หยุนโล๋ชวนกลับตาแหลมพบเงื่อนงำบางอย่างแล้ว
แน่นอนว่าผู้ที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงย่อมจะอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นธรรมดา
“พระชายาตวน ข้าน้อยไม่เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ?”ถังหลงร้อนรน มิเคยพบเห็นคนที่จริงจังต่อประเทศต้าเหลียง จะถูกสตรีสองนางเล่นงานเอาได้
กลับมาที่หวูโยกั๋วที่แม้แต่ความเหนื่อยล้าก็มิได้แสดงออกมาให้เห็น มิใช่ว่าจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเข้าหรือ
หยุนโล๋ชวนกล่าวอย่างเฉยชา “ราชทูตเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวงของประเทศต้าเหลียง พระชายาเสียนของประเทศต้าเหลียงรวมถึงซื่อจื่อก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถูกคนลักพาตัวไป
อันหลิงหยุนอยากจะเป็นลมซะขณะนั้น บุรุษผู้หนึ่งใช้ความงามมาบรรยายรูปลักษณ์มิใช่แปลกไปหน่อยหรือ
แต่หากไม่บรรยายเช่นนี้ นางก็ค้นพบว่ามิอาจหาคำใดมาบรรยายบุรุษตรงหน้าได้อีกแล้ว
ผ้าคลุมไหล่สีดำนั้น และดวงตาที่ราวกับคลื่นสั่นไหวในทะเลสาบ ใบหน้าแหลมคมราวกับใบมีด รับกับคิ้วที่เข้มและคมกริบ ส่วนผิวที่ขาวหมดจดนั้นก็ราวกับมิอาจต้องแดดต้องลมได้ ช่วงมือของเขา ก็งดงามเสียจนต้องดึงดูดสายตาผู้คนมากมายอีกหลายคู่ ในมุมมองของสตรีที่ออกเรือนแล้ว กล่าวได้นี่เป็นคนแรกที่สามารถทำให้อันหลิงหยุนหลงใหลอย่างอดใจไม่อยู่
เจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขนก็มีท่าทีไม่ยินยอม จึงยกมือขึ้นมาจับไปที่เสื้อของอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนมองไปที่บุตรชาย สติจึงได้กลับคืนมา
จากนั้นเจ้าห้าก็ได้หลับตาลงอีกครั้ง แค่มองยังไม่สามารถไปมองคนผู้นั้นได้
อันหลิงหยุนจึงได้ตบเบาๆไปที่เจ้าห้า มองไปยังบุรุษที่สวมอาภรณ์แดงอยู่เบื้องหน้าและเอ่ยถาม “มิทราบว่าใต้เท้าเป็นคนอย่างไร เหตุใดจึงต้องจับข้ามาไว้ที่นี่ ข้าจำได้ว่าข้าอยู่ที่ตลาดมิใช่หรือ?”
อันที่จริงนางอยู่ระหว่างทางไปคุกหลวงจริงๆ !
เฟิงอู๋ฉิงจ้องมองไปที่อันหลิงหยุนก่อนจะตอบ “ข้าแค่ผ่านทางมา และต้องการผู้ที่ปรนนิบัติข้า เห็นเจ้ามีหน้าตาที่งดงามอยู่หลายส่วน จึงได้พาเจ้ามา ”
อันหลิงหยุนเจอเรื่องยุ่งเข้าเสียแล้ว นี่มิใช่ว่าทำอย่างขอไปทีหรอกหรือ
นางเป็นสตรีผู้หนึ่งที่นำลูกมาด้วย ทั้งยังหน้าตาสะสวย จะให้มาปรนนิบัติผู้คนเกรงว่าจะเหนือบ่ากว่าแรงไปมาก
อันหลิงหยุนทำได้เพียงกล่าวอย่างลำบากใจว่า “ข้านำบุตรชายมาด้วย ปรนนิบัติผู้อื่นนั้นเกรงว่าจะลำบากเสียหน่อย ท่านไม่ต้องหาคนมาปรนนิบัติข้า ก็ถือเป็นเรื่องดีมากแล้ว
คนที่แข็งแกร่งเช่นท่านปล่อยข้าไปมิดีกว่าหรอกหรือ หากว่าท่านผู้แข็งแกร่งต้องการคนคอยปรนนิบัติจริงๆ ก็สามารถไปหาคนได้ที่เมืองหลวง ที่นั่นมีผู้คนจำนวนมาก ที่สามารถปรนนิบัติท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้ สะอาดสะอ้านทั้งยังหน้าตาสะสวย ”
“แต่พวกนางมิใช่หมอ”เมื่อชายหนุ่มกล่าวคำนี้ออกมา ก็พาให้อันหลิงหยุนประหลาดใจอย่างมาก เขารู้จักนาง?
เช่นนั้นคงจัดการเรื่องนี้ได้ยากแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...