ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 565

บทที่ 565 พบกันอีกครั้ง

อันหลิงหยุนได้ออกมาจากถ้ำ คิดที่จะตามหาชายแปลกหน้าและออกไปพร้อมกัน ผลคือหลังจากออกมาก็ไม่พบคนแล้ว

อันหลิงหยุนก็ยอมรับแล้ว เมื่อเกิดเรื่องเขาก็ทิ้งนางไว้และจากไป เขานี่เป็นคนแบบไหนกัน?

เมื่อไม่พบบุรุษแปลกหน้าผู้นั้นอันหลิงหยุนก็มองไปรอบๆอีกที อยากที่ออกไปก็รู้สึกว่ายากอยู่เล็กน้อย นางเข้ามาได้แต่นางออกไปไม่ได้

ทางในหุบเขามิใช่ว่านางมิอาจเดินได้ นางฝึกฝนอยู่ตามป่าตามเขามาอย่างยาวนาน แต่บัดนี้ค้นพบว่า ภูเขาในสมัยโบราณช่างโหดร้ายยิ่งนัก มิอาจพบทางออกได้อย่างแท้จริง ทิศทางที่เข้ามาก่อนหน้านั้นชัดเจน แต่ทว่ายามที่เดินจากตรงนี้ไปหาเสือก็ล้วนแต่ลืมเรื่องอื่น แม้แต่ทางก็มิอาจจำได้ อยากที่จะออกไปนั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง

อันหลิงหยุนมองไปยังเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขน กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “แม่ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ทางก็มิอาจจำได้ หากว่ามีโทรศัพท์ โทรไปหาพ่อของเจ้าก็คงจะดี”

อันหลิงหยุนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่นี่จะมีโทรศัพท์ ให้กงชิงวี่ไว้หนึ่งเครื่อง เช่นนั้นก็จะสามารถติดต่อกันได้แล้ว

เจ้าห้าได้ลืมตาขึ้นมา ราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่อันหลิงหยุนกล่าว อันหอันหลิงหยุนนำเจ้าห้ามาอุ้มไว้ในอ้อมแขนก่อนเอ่ยขึ้น “แม่จะพาเจ้าไปเอง”

เพิ่งพูดจบ ด้านหลังก็มีเสียงคล้ายเดินไปเดินมา เสียงนั้นเบามาก แต่กลับรู้สึกได้ เป็นเสียงสัตว์ที่ใหญ่มหึมา

อันหลิงหยุนหันหลับไปมอง พบว่าเป็นเสือตัวใหญ่และเล็กกำลังเดินออกมา

เมื่อมองไปเห็นเสืออันหลิงหยุนก็รู้สึกหวาดกลัว สัญชาตญาณนางคือหวาดกลัวเสือ แต่คงจะไม่ดีหากอุ้มเจ้าห้าวิ่งหนี ทำได้เพียงบอกว่าเป็นคนของเจ้าห้าแล้ว

อันหลิงหยุนบังคับให้ตัวเองสงบเยือกเย็น สื่อสารกับเสือไหนเลยจะง่ายดายคล้ายสื่อสารกับนกกา

แต่ทว่าเสือที่อยู่ภูเขาลูกใหญ่เช่นนี้คงจะเป็นราชาแห่งเสือ หากขอร้องจะต้องออกไปได้อย่างแน่นอน

อันหลิงหยุนกล่าวอย่างยากลำบาก “เข้ามาได้แต่ออกไปไม่ได้ เจ้าสามารถส่งข้าออกไปได้หรือไม่?”

เสือตัวใหญ่ก็ได้ก้าวเท้าที่หนาและมีเล็บที่แหลมคมออกไป เดินไปตรงหน้าของอันหลิงหยุน และคลานหมอบลงไปอยู่ที่พื้น อันหลิงหยุนเอ่ยถาม“ต้องการใหข้านั่งบนตัวของเจ้า?”

เสือได้คำรามออกมาหนึ่งเสียง อันหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมา “ไม่ได้ ข้าเดินเองได้ และไม่กล้านั่ง เจ้าเพียงแค่พาข้าออกไปก็ได้แล้ว”

เมื่อนั้นเสือจึงได้ลุกขึ้น เดินนำอันหลิงหยุนไปยังด้านหน้า นอกจากนี้เสือตัวเล็กกลับก้าวตามหลังมาทีละก้าวๆ เสือตัวเล็กยังคงเล็กอยู่ เดินช้า เสือตัวใหญ่จึงได้ถือโอกาสคาบและเดินไปเสียเลย

เดินมากว่าสองชั่วยามกว่าๆแล้ว อันหลิงหยุนเพิ่งจะมาถึงห้องที่อยู่ด้านหน้า เมื่อหยุดลงอันหลิงหยุนก็เอ่ยถาม“ในห้องมีคนหรือไม่?”

เสือตัวใหญ่ได้ส่ายหัวไปมา อันหลิงหยุนจึงได้กล่าวว่า “อากาศเย็นมากแล้ว หากพวกข้าออกไป ไม่แน่ว่าไปไม่ถึงเขาฟ้าก็มืดแล้ว มิสู้อยู่ที่นี่พักเหนื่อยเสียหน่อย พวกเจ้าแม่ลูกก็ก็กลับไปก่อนเถิด”

อันหลิงหยุนทราบดีว่าบุรุษแปลกหน้าไม่อยู่ จึงเข้าไปในห้องที่ทำด้วยหญ้า

ผู้ใดจะทราบว่าเสือตัวใหญ่ร้องคำรามเสือตัวเล็กก็ตามเข้าไปแล้ว

อันหลิงหยุนก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ตลอดทางคล้ายว่าที่เดินมาตลอดด้วยกันนั้นเป็นเพียงหมาแค่หนึ่งตัว มิใช่เสือตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

เสือตัวใหญ่วางเสือตัวน้อยลง อันหลิงหยุนมองไปรอบ ๆ ภายในห้องยังมีตะเกียงน้ำมันอยู่ นางจึงจุดไฟก่อน แต่ทว่ากลับไม่มีของกิน อันหลิงหยุนอดที่จะทอดถอนใจมิได้ “ข้าเริ่มหิวแล้ว”

อันหลิงหยุนมีความปิติยินดี ที่เสือตัวใหญ่ยังอยู่ที่นี่

“รบกวนเจ้าแล้วแม่เสือ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยให้นมแก่เจ้าห้าด้วย ดีร้ายอย่างไรก็สามารถอยู่รอดได้จนถึงพรุ่งนี้”

แม่เสือยังไม่พูดอะไรอีก ราวกับไม่อยากจะพูด

ส่วนเสือตัวน้อยก็ค่อนข้างมีชีวิตชีวา กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ภายในห้อง อะไรก็ดูแปลกตาไปหมด

เสือตัวใหญ่กลับมีท่าทีไม่พอใจ ใช้อุ้งเท้าตะครุบไปที่เสือตัวน้อย

อันหลิงหยุนเหน็ดเหนื่อยอย่างมากแล้ว เดินไปยังเตียงไม้ พักผ่อนไปกว่าหนึ่งชั่วยาม ยามที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าเสือตัวใหญ่ก็ได้อยู่บนเตียงไม่ด้วยเช่นกัน

เตียงไม้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักหลายร้อยโลของเสือตัวใหญ่จึงไม่ได้ทำให้เตียงพังลงมา กลับกันยิ่งทำให้อุ่นมากขึ้น

อันหลิงหยุนและเจ้าห้าได้อยู่ในอ้อมกอดของเสือ ที่น่ามหัศจรรย์ก็คือเสือตัวน้อยคุ้มครองเจ้าห้าอย่างแน่นหนา หัวเล็กๆของมันยังติดอยู่กับหัวเล็กๆของเจ้าห้า เช่นนี้เจ้าห้าก็ไม่หนาวแล้ว

อันหลิงหยุนได้กอดไปที่เสือน้อย หลังจากที่เสือน้อยตื่นขึ้นมาก็เลียใบหน้าของอันหลิงหยุนรอบหนึ่งอย่างรุนแรง อันหลิงหยุนจึงไม่สามารถทนได้

เจ้าห้าลืมตาขึ้นมา มองไปยังเสือตัวน้อย เสือตัวน้อยก็ได้รีบนำหัวเล็กๆออกไปทันที นอกจากนั้นยังนอนตะแคงไปอีกด้าน มิกล้าซุกซนอีก

อันหลิงหยุนขำขัน “มิได้ร้ายแรงอันใด ขอบใจ มิเช่นนั้นเจ้าหึคงถูกแช่แข็งไปแล้ว”

ค่ำคืนที่ทรมานสุดท้ายก็ได้ผ่านพ้นไป วันที่สองเมื่อฟ้าสว่าง อันหลิงหยุนเกี่ยวข้าวของอยู่ครู่หนึ่งก็ได้เตรียมตัวจากไป เสือตัวใหญ่เดินมาส่งอันหลิงหยุนจนถึงด้านล่างของภูเขา จึงได้คาบเสือตัวเล็กและหมุนตัวจากไป

อันหลิงหยุนโค้งตัวทำความเคารพไปสามครั้ง นางจึงได้หมุนกายจากไป

ด้านล่างของภูเขา อันหลิงหยุนจิตใจยังคงแห้งเหี่ยว เมื่อใดกันจึงกลับไปถึงจวนอ๋องเสียน

ต้องทำเป็นว่าพบคนที่ไม่ดีพวกนั้นมา อันหลิงหยุนก็ไม่อยากเสแสร้งว่าถูกลักพาตัวไป

เมื่ออุ้มเจ้าห้าเดินต่อไป สุดท้ายก็พบกับประตูเมืองหลวง อันหลิงหยุนอยากที่จะนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นอยู่พักหนึ่ง

แต่ทว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต นางจะทราบได้อย่างไร คนเราเมื่อเจอเรื่องที่โชคร้าย ดื่มน้ำเย็นล้วนอุดซอกฟันด้วยกันได้ทั้งนั้น

ขณะที่เตรียมเข้าไปในเมืองหลวง ก็มองเห็นชุดสีแดงจากด้านหน้าเดินก้าวเข้าไป ขาทั้งสองข้างของอันหลิงหยุนก็คล้ายกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น จะขยับก็มิอาจขยับได้ จ้องไปยังคนที่เดินอยู่ด้านหน้า

เฟิงอู๋ฉิงเดินนำไปด้านหน้าหลายสิบก้าวก็หยุดลง หมุนกายกลับมามองไปยังอันหลิงหยุน ขณะพินิจมองไปยังสตรีตรงหน้าว่ามีผู้หนึ่งที่เข้ารู้จัก

“เจ้าทราบหรือไม่จวนอ๋องเสียนอยู่ที่แห่งใด?”

เฟิงอู๋ฉิงเอ่ยถามอันหลิงหยุน นางสาวเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ธรรมดา มองไม่ออกถึงฐานะที่สูงส่ง ผู้ใดจะนึกได้ว่าชายาอ๋องเสียนจะกระเตงลูกไปมาบนถนนราวกับคนบ้า

อันที่จริงอันหลิงหยุนเพื่อที่จะเข้าไปในคุกหลวง จึงสวมใส่เสื้อผ้าเป็นชาวบ้านที่ทุกข์ยากโดยเฉพาะ

อันหลิงหยุนพินิจไปที่ชายแปลกหน้า “ไม่รู้ ข้าเองก็มิใช่คนเมืองหลวง สามีของข้าอยู่ที่เมืองหลวงเพื่อตามหาสตรีผู้หนึ่ง ส่วนข้ามาตามหาเขา”

ใบหน้าของอันหลิงหยุนดูขมขื่น

เฟิงอู๋ฉิงขมวดคิ้วไปมา “ข้าจะช่วยเจ้าฆ่าเขา!”

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นโดยพลัน จากนั้นก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างแรง

เฟิงอู๋ฉิงตะโกนอย่างเย็นชา “หาเหาใส่หัว!”

กล่าวจบเฟิงอู๋ฉิงก็ได้เดินไปยังทางประตูเมืองหลวง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน