บทที่ 602 หายนะที่เข้ามาหาฮูหยินเฉิงเสี้ยง
ฮั่วไท่เฟยทอดพระเนตรดอกไม้ตรงหน้า ตรัสถามว่า “เมื่อคืนนี้ มีคนแอบเข้ามาลอบปลงพระชนม์จริงๆหรือ?”
"เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ ฮองเฮาถูกคุมขังไปแล้ว" แม่นมหลิวเอ่ยตอบ
ฮั่วไท่เฟยใช้พระหัตถ์ช้อนดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นมาพินิจมอง: "หากจะพูดถึงคนคนนี้แล้วล่ะก็ จะอยู่ดีไม่ว่าดีไปรนหาที่ตาย พุ่งเข้าใส่หายนะก็ไม่นับว่าเป็นอะไรได้ แต่ประเด็นหลักคือ ไปรนหาที่ตายจนหายนะมาจ่อรออยู่บนหัวแล้วก็ยังไม่รู้ตัว นี่ต่างหากที่สำคัญ"
“ความหมายของไท่เฟยคือ?” แม่นมหลิวไม่เข้าใจ
ฮั่วไท่เฟยหมุนกายเสด็จไปหน้าแท่นบรรทม ประทับนั่งลง แล้วบรรจงแตะไล้ผ้าห่มลายดิ้นเงินดิ้นทองแพรวพราวที่อยู่ใต้ตัวนาง ตรัสขึ้นว่า:“ นางต้องการลอบปลงพระชนม์ไทเฮา ไม่ใช่ฮองเฮา ไม่ใช่กุ้ยเฟย อ๋องเสียนต้องการปกป้องเสด็จแม่ของตัวเอง แต่ต่อให้ไม่ใช่อ๋องเสียน ก็ต้องมีคนอื่นที่ออกหน้าเรื่องนี้ ไทเฮาแห่งประเทศต้าเหลียง จะให้ใครหน้าไหนมาระรานรังแกง่ายๆได้อย่างไรกัน? "
แม่นมหลิวเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นหมายความว่า ฮองเฮากำลังจะเกิดเรื่องร้ายหรือเพคะ??
ฮั่วไท่เฟยส่ายพระพักตร์: "ฮองเฮามีฝ่าบาทคอยคุ้มครองอยู่ อีกทั้งในยามนี้นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขราชวงศ์อยู่ในท้อง"
"เช่นนั้นคือ?"
“ในตระกูลเสินมีคนตั้งมากมายเพียงนั้น สุดท้ายแล้ว คงหาใครสักคนมาเป็นตัวตายตัวแทนได้อยู่หรอก”
ฮั่วไท่เฟยคลายพระหัตถ์ ทอดพระเนตรมองบรรดาดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้า:“ ดอกไม้ที่บานได้ในฤดูหนาวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่แน่ว่าในวังอื่นๆอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ เจ้าพาคนไปส่งดอกไม้ให้ทุกวัง วังละหนึ่งกระถาง อย่าลืมไปถวายให้ไทเฮาด้วยกระถางหนึ่งล่ะ "
"รับด้วยเกล้าเพคะ"
แม่นมหลิวออกไปแล้ว ฮั่วไท่เฟยจึงปลีกตัวไปพักผ่อน
ราชครูจุนเข้าไปในจวนเฉิงเสี้ยง ถูกเชิญไปนั่งที่ห้องโถงด้านหน้า
ที่สวนเรือนหลัง เสินหยุนเอ๋อกำลังเกรี้ยวกราดอาละวาดไม่หยุด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิน หยุนเอ๋อกราดเกรี้ยวเช่นนี้ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ถูกอู๋โก๋แย่งชิงเรื่องการแต่งงานไป เสินหยุนเอ๋อก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอย่างนี้ตลอดทั้งวันแล้ว
นางเกลียดชังอันหลิงหยุน เกลียดจนถึงขั้นที่ว่า อยากให้อันหลิงหยุนตายไปซะเดี๋ยวนี้เลยยิ่งดี
วันนี้ เสินหยุนเอ๋อก็อาละวาดกราดเกรี้ยวอีกเช่นเคย เดิมทีเฉิงเสี้ยงฮูหยินนั้น เป็นคนสุขุมมั่นคงน่าเชื่อถือคนหนึ่ง แต่ในวันนั้น ที่ลูกสาวของนางทำเรื่องเสียหน้ายับเยินในจวนกั๋วกง นางก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหนได้อีกแล้วเช่นกัน
เดิมทีมันเป็นเรื่องที่สามารถมั่นใจหนักแน่น เรียกว่าแทบจะตอกตะปูปิดฝาโลงได้แล้วด้วยซ้ำ กระทั่งฝ่าบาทยังทรงเห็นชอบกับงานแต่งครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะว่า อันหลิงหยุนพาคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนไม่รู้ไปที่จวนกั๋วกงล่ะก็ จวนเฉิงเสี้ยงของพวกนางจะได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้หรือ ? พวกนางแม่ลูกจะได้รับความอัปยศถึงขนาดนี้ไหม ?ทุกครั้งที่เฉิงเสี้ยงฮูหยินนึกถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกเกลียดแค้นชิงชังอันหลิงหยุนอยู่ไม่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้ สถานะลูกสาวของนางในวัง ก็อยู่ในสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วน มู่มิงได้รับแต่งตั้งยศชั้นเฟย ฮองเฮาก็เอาแต่สวดมนต์ท่องพระธรรมทั้งวัน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการแสดงออกว่า ฝ่าบาทนั้น ทรงละเลยเมินเฉยต่อลูกสาวของนางไปแล้ว
ถ้าไม่เช่นนั้น จวนเฉิงเสี้ยงก็คงไม่ถูกราชสำนัก พากันเบียดเสียดเยียดยัดเข้ามารุมชี้นิ้วประณามเช่นนี้แน่
มาจนตอนนี้ เหล่านักเรียนทั้งหลายต่างก็ไม่มาที่จวนอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะลูกสาวหรอกหรือ?
แต่หากจะพูดไปจนถึงท้ายที่สุด ลูกสาวเป็นถึงฮองเฮา เรื่องงานแต่งที่ดีงามเหมาะสมงานหนึ่งของตระกูลที่เฉิงเสี้ยงฮูหยินคิดการไว้ กลับถูกอันหลิงหยุนเข้ามาก่อกวนจนพังไม่เป็นท่า อีกทั้งสถานะตอนนี้ของเสินหยุนเอ๋อ ก็น่ากระอักกระอ่วนมากเช่นกัน อายุของนางไม่นับว่าเป็นเด็กได้อีกแล้ว ในประเทศต้าเหลียง เด็กสาวที่อายุครบสิบห้า ก็ถือว่าเป็นสาวแก่แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบสิบหก หากยังไม่ได้แต่งงานอีก ก็อาจจะยิ่งหาคนที่เหมาะสมคู่ควรไม่ได้อีกต่อไป
ทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ เฉิงเสี้ยงฮูหยินมองไม่เห็นว่าใครจะเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานะตำแหน่งบุคลิกตัวตนของหยุนซวนอี้แห่งจวนกั๋วกง ก็ล้วนเป็นที่พอใจของเฉิงเสี้ยงฮูหยินทุกอย่าง
แต่ทั้งที่พึงพอใจจนขนาดนี้แล้ว เนื้อกำลังจะเข้าปาก ยังมีอันต้องหลุดลอยไปเสียได้
จะให้เฉิงเสี้ยงฮูหยินไม่เกลียดแค้นชิงชังอย่างไรไหว!
สิ่งนี้จึงทำให้เสินหยุนเอ๋อร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดหย่อน รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ทางไปที่ดีที่สุดของนางคือการเข้าวัง นางสู้อุตส่าห์ยอมถอยให้ก้าวหนึ่งแล้ว ก็ยังคงถูกอันหลิงหยุนมาก่อกวนจนพังอีกจนได้ นางทั้งร้องไห้ทั้งอาละวาดกราดเกรี้ยว ยังหวังอีกว่าแม่ของนางจะสามารถเข้าวังไปคุยกับพี่สาว เรื่องให้นางได้เข้าวังบ้าง
เฉิงเสี้ยงฮูหยินถูกเสียงร้องไห้ทำให้รำคาญเหลือเกินแล้ว จึงเอ่ยอย่างโกรธๆว่า "พอได้แล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว เจ้าจะร้องไห้ให้บ้านพังเลยหรืออย่างไร?"
เสินหยุนเอ๋อไม่นำพาคำต่อว่า เช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า "ท่านแม่ ตอนนี้เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าตอนแรกยอมฟังข้า ให้ข้าได้เข้าวังไปรับใช้ฝ่าบาท เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?"
“นางไม่มีกริยาท่าทางสมเป็นผู้ดี เหมือนอย่างคนอื่นในบ้านเลยแม้แต่น้อย เดิมทีคิดว่าจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้บ้าง ในช่วงหลายปีมานี้ข้าก็นับว่าดีต่อนางไม่น้อย คิดไม่ถึงจริงๆว่า ใจนางจะยังมุ่งหมายอยากได้ อยากฉกฉวยของคนอื่นอยู่เหมือนเดิม ช่างเหมือนแม่ของนางไม่มีผิด
แต่ก็ช่างเถอะ หาใครสักคนมาแต่งกับนางไปเสียก็พอ จะได้ตัดปัญหาที่นางกระสับกระส่ายไม่ยอมสงบอยู่อย่างนี้ "
"ฮูหยินกล่าวได้ถูกแล้วเจ้าค่ะ"
แม่นมชุยเห็นด้วย เฉิงเสี้ยงฮูหยินเดินตรงไปข้างหน้า เรื่องราวใหญ่โตที่โถงด้านหน้านั้น นางยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเวลานั้นราชครูจุนก็ได้บอกกล่าวเท้าความไปได้ระยะหนึ่งแล้ว สีหน้าของเสินเฉิงเสี้ยงซีดเผือด ร่างกายเขาเริ่มสั่นระริก ขณะที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้
ราชครูจุนเปรายตามองเสินเฉิงเสี้ยงแวบหนึ่ง : "เรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าฝ่าบาทก็อาจไม่ทรงสามารถปกป้องพวกเจ้าได้อีก เรื่องครั้งนี้ เห็นทีใต้เท้าเฉิงเสี้ยงคงต้องพิจารณาใคร่ครวญให้รอบคอบ"
เสินเฉิงเสี้ยงเงียบไปนานจึงค่อยกล่าวขึ้นว่า: "ข้าจะเข้าวังไปขอรับโทษทัณฑ์เดี๋ยวนี้"
“ เฉิงเสี้ยง ฝ่าบาทมีพระทัยจะปกป้องนั้นไม่ผิด แต่ควรมีใครสักคนรับผิดชอบเรื่องในครั้งนี้ด้วย หากท่านหาใครสักคนที่มารับผิดชอบเรื่องนี้ได้ เรื่องเข้าวังก็ไม่จำเป็นแล้ว เรื่องนี้ ... จะให้ดีก็ยังไม่ควรให้ฝ่าบาททรงทราบจะดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ทำลายพระเมตตาของฝ่าบาทที่ประทานให้เสมอมา "
"เอ่อ!" เสินเฉิงเสี้ยงตัวสั่นสะท้าน เหงื่อออกท่วมหน้าท่วมตัว
ราชครูจุนค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปทำ ต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว โชคดีนักที่ยามนี้ไทเฮายังทรงปลอดภัยไร้เรื่องราว แต่ก็ได้รับความตื่นตระหนกตกพระทัยไม่น้อยเช่นกัน จวนเฉิงเสี้ยงไม่อาจสอนสั่งบุตรสาวให้ดี มีคำกล่าวหนึ่งว่าไว้ ไม่สั่งสอนลูกชายเป็นความผิดพ่อ ไม่สั่งสอนลูกสาวภรรยารับโทษทัณฑ์
เฉิงเสี้ยงลองคิดใคร่ครวญเอาเองเถอะนะ "
หลังจากพูดจบ ราชครูจุนก็เดินออกไปทันที เฉิงเสี้ยงฮูหยินก็เดินมาใกล้จนได้พบหน้ากับเขาพอดี เมื่อได้เห็นราชครูจุนจึงค้อมกายลงคำนับ : "ท่านราชครู”!
ราชครูจุนไม่สนใจนางแม้แต่น้อย แค่เบี่ยงตัวออก แล้วก็เดินจากไปไม่รอช้า
ฮูหยินเฉิงเสี้ยงหันกลับไปมอง ยังไม่รู้ตัวว่า หายนะมาจ่อรออยู่บนหัวเรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...