ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 603

บทที่ 603 เยี่ยมเยือนจวนเฉิงเสี้ยง

"นายท่าน นี่ราชครูจุนคือ ... " ราชครูจุนออกไปแล้ว เฉิงเสี้ยงฮูหยินจึงเดินเข้าประตูไป เมื่อไปถึงที่ด้านใน นางมองไปที่ใต้เท้าเฉิงเสี้ยงพลางเดินเข้าไปหา: "นายท่าน นี่ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?"

แต่ไหนแต่ไรมา ใต้เท้าเฉิงเสี้ยงรักใคร่กลมเกลียวกับภรรยามาโดยตลอด เอื้อมมือขึ้นกุมจับมือภรรยา แล้วค่อยๆลุกขึ้น“ ฮุหยิน ข้าผิดต่อเจ้าแล้ว! ผิดต่อเจ้าแล้ว!”

เฉิงเสี้ยงฮูหยินเริ่มรับรู้ได้แล้วว่า มีบางอย่างผิดปกติ แต่นางกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่จ้องมองเสินเฉิงเสี้ยงอย่างนิ่งงัน

"...... "

ทั้งคู่ยืนอยู่อีกครู่ใหญ่ จับมือกันแน่น ความที่คุ้นเคยกันมาหลายปี ย่อมไม่จำเป็นต้องเอ่ยเป็นคำพูดอะไรออกมาก็รู้ใจกัน

เฉิงเสี้ยงฮูหยินเอ่ยถามว่า: หรือจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับชูเอ๋อ?

เสินเฉิงเสี้ยงปรายตามองแม่นมชุยแวบหนึ่ง: "พวกเจ้าทั้งหมดลงไปเถอะ"

แม่นมชุยและคนอื่นๆล้วนออกไปจนหมด ฮูหยินเดินไปอีกด้านแล้วนั่งลงอย่างช้าๆ เสินเฉิงเสี้ยงเล่าเรื่องของลูกสาวให้นางฟัง ทั้งยังยกคำพูดที่ราชครูจุนพูดทิ้งไว้ก่อนจากไป เล่าออกมาอีกครั้งหนึ่งด้วย

เฉิงเสี้ยงฮูหยินนัยน์ตาทึ่มทื่อเคว้งคว้าง ผ่านไปนานสองนานก็ยังไม่คืนสติ

ใต้เท้าเฉิงเสี้ยงร้องไห้ฟูมฟายจนใจแทบขาด ฮูหยินจึงกล่าวขึ้นว่า: "ไทเฮาไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นี่คือตระกูลเสินต้องหาใครสักคน มารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ใช้ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต อย่างนั้นใช่หรือไม่เจ้าคะ?"

ใต้เท้าเฉิงเสี้ยงร้องไห้โฮดังสนั่นราวกับลั่นกลองรบ เขาอายุก็จนปูนนี้แล้ว เดิมทีเขาแค่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข เพียงเท่านี้ทำไมถึงไม่ได้ดั่งที่ใจหวัง

เฉิงเสี้ยงฮูหยินเช็ดน้ำตาพลางยิ้มออกมา: "นายท่าน เราสองคนสามีภรรยา รักใคร่กลมเกลียวกันมาก็นานหลายปีแล้ว ใจข้ารู้สึกเต็มตื้นเพียงพอมากแล้ว มายามนี้ทั้งเพื่อชูเอ๋อก็ดี เพื่อหยุนเจ๋ก็ดี ข้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมตายอย่างยินยอมพร้อมใจแล้ว

ท่านวางใจเถอะ จวนเฉิงเสี้ยงจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน "

ในคืนนั้นเอง ใต้เท้าเฉิงเสี้ยงก็รีบเข้าวังไปกราบทูลฮ่องเต้ เรื่องที่ภรรยาของเขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง แล้วเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงประทับอยู่ในวังเฉาเฟิ่ง หวางฮองไทเฮาถึงกับผงะเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นจึงปรายพระเนตรมองฮ่องเต้ชิงหยู่: "เจ้าไปเถอะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่คล้ายมึนงงสับสนอยู่ครู่หนึ่ง หยัดวรกายลุกขึ้นค้อมคำนับเพื่อทูลลาไทเฮา จากนั้นจึงหันหลังเสด็จจากไป

เสี่ยวสวีจื่อรีบไปยังเบื้องพระพักตร์ถวายบังคม แล้วมองฮ่องเต้ชิงหยู่ : "ฝ่าบาท ฮองเฮา....... "

“ ไปแจ้งแก่ฮองเฮาเถอะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ได้ไปพบฮองเฮา แต่กลับเสด็จไปที่วังซ่งเต๋อของมู่มิงแทน

เสินหยุนชูได้ยินว่าท่านแม่สิ้นลมจากไปแล้ว ก็ถึงกับเป็นลมหมดสติไป ผลสุดท้ายจึงกระทบกระเทือนเด็กในครรภ์

อันหลิงหยุนรีบออกจากจวนอ๋องเสียน เร่งเดินทางเข้าวังทันที ระหว่างทางได้พบกับเสินหยุนเจ๋ที่ก็จะเข้าวังพอดี ทั้งสองคนจึงไปที่วังพร้อมกัน

เสินหยุนชูเหงื่อท่วมกายด้วยความเจ็บปวด นอนทรมานอยู่บนเตียง ในเวลานี้ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เสด็จมาที่วังเฟิ่งอี๋แล้วเช่นกัน

"ฝ่าบาท" อันหลิงหยุนได้พบฮ่องเต้ จึงคุกเข่าลงถวายบังคม ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงเรียกให้นางรีบลุกขึ้นโดยเร็ว นางจึงรีบไปดูอาการ และเริ่มการสแกนตรวจสอบ พบว่าเด็กชีพจรไม่เต้นเสียแล้ว

เมื่อเงยหน้าขึ้น อันหลิงหยุนก็รีบคุกเข่าลง: "ฝ่าบาท เด็กไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้วเพคะ"

"ปกป้องฮองเฮาให้ดี" ชิงเต้ชิงหยู่กุมจับมือของเสินหยุนชูจนแน่น นางน้ำตาไหลพราก จ้องมองไปที่อันหลิงหยุนด้วยความเกลียดชัง เกลียดชังจนเข้ากระดูกดำ!

อันหลิงหยุนรีบจัดการตามขั้นตอนกับเสินหยุนชูอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงให้นางกินยา หลังจากวุ่นวายพลิกซ้ายพลิกขวาพักใหญ่ๆ เสินหยุนชูก็หลับไปในที่สุด

อันหลิงหยุนเหนื่อยล้าหมดแรง จนแทบเข่าทรุดเลยทีเดียว

เสินหยุนชูไม่เป็นไรแล้ว อันหลิงหยุนจึงส่งมอบงานต่อไปให้กับหมอหลวง คิดจะขอทูลลากลับแล้ว

มู่มิงก็มาด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนได้พบหน้ากันนอกวังเฟิ่งอี๋

เสินหยุนเจ๋เป็นคนฉลาด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่า การตายของแม่เขามันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร ดังนั้นปัญหาคือพูดได้แค่ว่า พวกเขาไม่อาจคัดค้านทัดทานใดๆได้ก็เท่านั้น

อันหลิงหยุนไปส่งเสินหยุนเจ๋กลับจวนเฉิงเสี้ยง เมื่อลงจากรถม้า ที่หน้าประตูจวนก็ห้อยแขวนโคมไฟสีขาวประดับเรียงรายแล้ว อันหลิงหยุนชะงักเท้าไปชั่วครู่ แล้วช่วยพยุงเสินหยุนเจ๋ให้เดินเข้าประตูไป

โลงศพวางอยู่ในตัวเรือน ทันทีที่เข้าประตูไป ก็สามารถมองเห็นได้ทันที

เสินหยุนเจ๋เข้าไปได้ก็ตรงเข้าไปคุกเข่าทันที เสินหยุนเอ๋อก็กำลังคุกเข่าอยู่ข้างโลงศพเช่นกัน เพียงพริบตาที่เห็นอันหลิงหยุน เสินหยุนเอ๋อก็ยืนขึ้นอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พุ่งกระโจนเข้าไปหาอันหลิงหยุนอย่างบ้าคลั่ง แต่ถูกเสินเฉิงเสี้ยงคว้าตัวเอาไว้ แล้วเรียกให้คนจับนางไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน ห้ามไม่ให้นางออกมาอาละวาด

เสินเฉิงเสี้ยงรีบเข้ามาคารวะอันหลิงหยุนเป็นพัลวัน อันหลิงหยุนเอง ก็รีบคารวะคืนอย่างรวดเร็วเช่นกัน : "ขอแสดงความเสียใจกับใต้ท้าเฉิงเสี้ยงด้วยเจ้าค่ะ"

จากนั้นอันหลิงหยุนก็ไปคำนับศพ คนตายถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดควรไหว้คำนับ นางค้อมกายคำนับไปทางโลงศพ

ทันใดนั้นเสินหยุนเจ๋ก็วิ่งไปที่หน้าโลงศพ จ้องมองโลงแล้วใช้สองมือ ผลักเปิดฝาโลงออกอย่างแรง แล้วก้มหน้ามองลงไปในโลงศพ เสินเฉิงเสี้ยงเห็นดังนั้น ก็พลันตื่นตระหนกตกตะลึงไปเฮือกหนึ่ง รีบเรียกคนมาลากดึงเสินหยุนเจ๋ออกไป ทั้งยังดุด่าเสินหยุนเจ๋อีกหนึ่งยกใหญ่ๆด้วย

อันหลิงหยุนรู้สึกเหมือนว่าอะไรแปลกๆ ใต้เท้าเฉิงเสี้ยง ดูไม่คล้ายว่าอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ แต่เป็นอาการตื่นตระหนก ตกใจจนลนลานเสียมากกว่า

อันหลิงหยุนไปช่วยประคองเสิ่นหยุนเจ๋ เหลือบเห็นสายตาที่ร้อนอกร้อนใจ อยากจะรีบปิดโลงอย่างใจจดใจจ่อ ตอนยังไม่มองก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอมองไปเท่านั้นล่ะ เขาก็ถึงกับผวาเฮือกขึ้นมา

เมื่อโลงศพถูกปิดเรียบร้อย ใต้เท้าเฉิงเสี้ยงก็รีบเดินเข้าไปหาอันหลิงหยุนเพื่อกล่าวขอโทษ: "ทำเรื่องขายหน้าต่อพระชายาเสียนแล้ว หยุนเจ๋ทนรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียมารดาไม่ได้ ขอพระชายาเสียนโปรดอย่าได้ถือสา!”

"ข้าไม่โทษหยุนเจ๋หรอกเจ้าค่ะ ใต้เท้าเฉิงเสี้ยง ข้าอยากอยู่ดูอาการแม่ทัพน้อยสักหน่อย เขาเป็นแบบนี้ข้าเองก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นได้"

เสินเฉิงเสี้ยงดูมีท่าทีลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง: "เอาเถอะ เช่นนั้นขอเชิญพระชายาเสียนที่เรือนด้านใน ที่นั่นมีคนที่สามารถคอยดูแล รับใช้พระชายาเสียนได้คล่องมือกว่า"

"ก็ดีเจ้าค่ะ"

อันหลิงหยุนกล่าวเห็นด้วยจึงหันไปมองอาหยู่ : "อาหยู่ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ บอกท่านอ๋องด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วก็ไปเอากล่องยาอีกกล่องหนึ่งของข้ามาด้วย อย่าลืมพาจิ้งจอกหางสั้นมาด้วยล่ะ ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องใช้งานนาง"

เมื่ออาหยู่รับคำสั่งเสร็จก็หันกายจากไป อันหลิงหยุนแลมองไปที่โลงศพ มีความรู้สึกแปลกๆอธิบายไม่ถูกผุดขึ้นมา !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน