ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 625

บทที่ 625 การตำหนิของแม่ทัพฮั๋ว

เดินไปด้านหน้ามีม้า จำนวนม้าไม่พอ เมื่อเห็นว่าคนสองคนต่อม้าหนึ่งตัว

ฮั๋วฉิงก็จูงม้าเดินเข้าไปหากงชิงวี่ แล้วแสดงเจตจำนงว่าต้องการจะขี่ม้าร่วมกัน: “ท่านอ๋อง พวกเราขี่ด้วยกันนะเพคะ”

แม่ทัพฮั๋วรู้สึกหน้าสั่น เด็กคนนี้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว พูดอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง

เดิมทีเป็นพระชายารองเขาเองก็ไม่ได้ยินดีนัก แต่ชื่อเสียงของอันหลิงหยุนนั้นแย่มาก หากเป็นพี่น้องกับนาง เมื่อเข้าไปแล้วก็จะต้องฟังนาง ทำตามนาง

ฆ่าได้หยามไม่ได้ ลูกสาวเป็นคนสูงศักดิ์ แล้วจะทนรับความไม่เป็นธรรมเช่นนั้นได้อย่างไร

แม่ทัพฮั๋วยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ แต่หลังจากที่เห็นกงชิงวี่แล้ว แม่ทัพฮั๋วก็มีความคิดบางอย่าง

ดูๆไปแล้วอันหลิงหยุนก็ถือว่าใช้ได้ ในเมืองหลวงลือกันว่า ตั้งแต่ที่แต่งงานกับกงชิงวี่ อันหลิงหยุนก็ถูกอบรมเป็นอย่างดี

ไม่เพียงแต่คอยช่วยเหลือรักษาคนในเมืองหลวงเท่านั้น ยังได้รับสมญานามว่าพระชายาหมอเทวดาอีกด้วย น้องสาวเขียนจดหมายให้เขาก็ยังพูดถึงอันหลิงหยุน บอกว่านางกับแต่ก่อนนั้นไม่เหมือนกันเลย ตั้งแต่ที่แต่งงานกับอ๋องเสียน ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

มีเกียรติอย่างสูงอยู่ในจวนอ๋องเสียน บวกกับที่อันหลิงหยุนกลับเนื้อกลับตัว ทำให้ชื่อเสียงไม่เลวนัก

แม่ทัพฮั๋วจึงยอดปิดตาข้างเดียวเพื่อยอมรับสิ่งที่ลูกสาวได้วางแผนไว้

เดิมที่แม่ทัพฮั๋วตั้งใจจะให้ลูกสาวแต่งงานกับอ๋องตวน แต่ใครจะไปรู้ว่าจะถูกตระกูลจุนแย่งไปเสียก่อน

ภายหลังยังถูกตระกูลหยุนแย่งตำแน่งพระชายารองไปอีก

หากยังแต่งเข้าไปอีก ก็จะกลายเป็นฮูหยินคนที่สาม แม่ทัพฮั๋วจึงรู้สึกไม่เต็มใจอย่างแน่นอน จึงคิดไปถึงหยุนซวนอี้ของตระกูลหยุน แต่ลูกสาวก็ยินดีตายดีกว่าจะต้องแต่งงาน บอกเพียงว่าต้องการแต่งกับอ๋องเสียนกงชิงวี่เท่านั้น

แม่ทัพฮั๋วโกรธแต่ไม่ตาย จึงได้แต่ยอมรับชะตากรรม

เขาเห็นแล้วว่าไม่ใช่ชื่อเสียงของอันหลิงหยุนที่ไม่ดี แต่เป็นเพราะตัวกงชิงวี่เองต่างหากที่มีปัญหา จริงๆแล้วเขาชอบผู้ชาย!

แล้วลูกสาวยังอยากจะขี่ม้าร่วมกันอีก แม่ทัพฮั๋วเบือนหน้าหนี ช่างน่าโมโหจริงๆ!

อ๋องจุ้นหย่งเห็นทุกอย่างทั้งหมด เขาไม่เชื่อว่ากงชิงวี่จะทำเรื่องผิดต่ออันหลิงหยุน แต่เจ้าเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ ก็ดูดีเลยทีเดียว

ในสายตาของเขาแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีทางจะไม่คิดอะไรกับกงชิงวี่แน่นอน อีกทั้งกงชิงวี่เองก็ดูเป็นห่วงเป็นใยเอามากๆ

อ๋องจุ้นหย่งเห็นความคิดเลอะเทอะของลูกชายก็รู้สึกขำ เมื่อมีภรรยาแล้วก็ไม่เหมือนเดิมเลยจริงๆ

แต่อ๋องจุ้นหย่งเองก็พอใจในตัวอู๋โก๋ ลูกสะใภ้คนนี้เอามากๆ

ปฏิบัติต่อเขาผู้เป็นพ่อสามีอย่างเต็มที่

“ไม่จำเป็นแล้ว ข้ากับเสี่ยวฮวนขี่ตัวเดียวกัน” กงชิงวี่หันไปมองข้างๆ ยังมีม้าอีกตัวหนึ่ง กงชิงวี่เดินเข้าไปหาอันหลิงหยุน โน้มตัวลงแล้วอุ้มอันหลิงหยุนขึ้นไปบนหลังม้า แล้วตามขึ้นม้าไปทางด้านหลัง แล้วโอบเอวของอันหลิงหยุนมาจากทางด้านหลัง กระเป๋ายาของอันหลิงหยุน กงชิงวี่นำไปวางไว้ด้านหน้า จากนั้นจึงจับบังเหียนม้า อันหลิงหยุนอยู่ในอ้อมแขนของกงชิงวี่

ใช้ส้นเท้าเตะเข้าไปที่ท้องของม้า ม้าก็เริ่มออกเดินไปด้านหน้า

ตอนนี้อันหลิงหยุนไม่ได้รู้สึกเสียใจขนาดนั้นแล้ว ถึงแม้จะเสียใจก็ไม่อาจกลับไปได้ นางยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องทำอีก

ไม่นานม้าของกงชิงวี่ก็วิ่งไกลออกไปจากม้าของตนอื่นๆ กงชิงวี่ก้มหน้า ปากแตะอยู่บนใบหน้าของอันหลิงหยุน แล้วจูบนาง แล้วถามเบาๆว่า: “อาจารย์ของเจ้ายังอยู่ ทำไมไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึง?”

เรื่องของอันหลิงหยุน กงชิงวี่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

อันหลิงหยุนพยัหน้า: “หม่อมฉันเรียกเขาว่าอาจารย์ พวกเราเรียกว่าอาจารย์”

มีคนคุยเป็นเพื่อนอันหลิงหยุน ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางต้องการคนเช่นนี้ พูดคุยเป็นเพื่อนนาง

“อาจารย์?”

“อืม”

กงชิงวี่จูบอันหลิงหยุน ม้าเดินไปไม่เร็วไม่ช้า กงชิงวี่ถามเรื่องราวมากมาย อันหลิงหยุนเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเรียนให้เขาฟัง

แต่การกลับไปครั้งนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ดังนั้นอัหลิงหยุนจึงได้เล่าเรื่องที่เคยปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าสถาบันการแพทย์เมื่อสามสิบปีก่อนให้กงชิงวี่ฟัง

ส่วนเรื่องอื่นข้าเองก็ไม่เข้าใจ บางทีอาจจะค่อยๆแก้ไขไปได้”

อันหลิงหยุนพยักหน้า ละไม่ได้สนใจอย่างอื่นอีก

ฮั๋วฉิงที่อยู่ทางด้านหลังเห็นอยู่ตลอดว่ากงชิงวี่มักจะก้มหัวลงไปหยอกล้อกับอันหลิงหยุน ฮั๋วฉิงจึงใช้บังเหียนบังคับมาให้ตามขึ้นไป

อันหลิงหยุนกำลังเตรียมที่จะพูดกับกงชิงวี่เรื่องโมจินสี้ยวเว่ย ฮั๋งฉิงก็ตรงเข้ามา

กงชิงวี่หันกลับไปมอง แล้วใช้เท้าทั้งสองข้างเตะที่ท้องของม้า ม้าวิ่งออกไปในทันที ฮั๋วฉิงโมโหจึงรีบตามไป เขาหนีไปแล้ว จึงได้แต่อุทานออกมาด้วยความโมโห

แม่ทัพฮั๋วรู้สึกขายหน้าหมดแล้ว จึงยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้า

“ขายหน้าจริงๆ!”

อ๋องจุ้นหย่งอยู่อีกทางด้านหนึ่ง แม่ทัพฮั๋วทนปั้นหน้าต่อไปไม่ไหวแล้ว

อ๋องจุ้นหย่งพูดเบาๆว่า: “เรื่องของความรู้สึก จะต้องมองให้ทะลุสักหน่อย แม่ทัพน้อยอายุยังน้อยจึงหยิ่งผยอง รู้จักที่จะต่อสู้แย่งชิงนั้นเป็นเรื่องดี แต่ขอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดสักหน่อยเถอะ ท่านแม่ทัพ อ๋องเสียนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา!”

แม่ทัพฮั๋วเองก็เป็นคนที่มีประสบการณ์: “ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ แต่ท่านดูเด็กคนนี้ของท่านสิ ลูกชายของท่านทำไมถึงซ่อนเอาไว้ได้ สองครั้งก่อนข้าเห็นเขา เขาก็เป็นแค่ไอ้ขี้โรคคนหนึ่ง จะเดินก็ต้องให้คนคอยแบกคอยพยุง แต่ตอนนี้กลับกลายมามีชีวิตชีวา?

ข่าวลือว่า แม่ทัพน้อยหยุนเป็นไอ้ขี้โรค เวลาออกรบก็ทิ้งชุดเกราะ เป็นอย่างไร? ไม่เหมือนกันหรือ?”

แม่ทัพฮั๋วนึกตำหนิอยู่ในใจ แม่ทัพกับแม่ทัพ ทั้งสองมองตากันและเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้น คนอ่อนแอเขาเองก็ไม่ชอบ

ให้ลูกสาวแต่งงานกับคนในราชวงศ์ เขายิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่

เมือมองดูผู้หญิงที่เข้าวังเหล่านั้น มีใครบ้างที่มีความสุข

ก่อนที่น้องสาวจะเข้าวัง มีทั้งความสุขและอิสระขนาดไหน แต่ในภายหลังเป็นเช่นไรเล่า?

เข้าวังไปก็เหมือนถูกกักขังอยู่ในกรง อยากจะกลับมาเยี่ยมมารดาที่บ้านยังทำไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน