บทที่ 635 ระดมกองกำลัง
วันนี้ก็ยังต้องอาศัยอยู่ในเมืองหลวงต่อ ทั้งยังต้องวางแผนแก้ไขเรื่องอื่นๆอยู่
อันหลิงหยุนไปเยี่ยมดูเด็กๆเหล่านั้น แล้วพาพวกเขาเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อดูเหล่าคนชราที่โดดเดี่ยว และผู้ป่วยสาหัส
อันหลิงหยุนยังเช่าห้องเอาไว้ เพื่อใช้เป็นที่รับตรวจอาการป่วยไข้ชั่วคราว ทันทีที่เปิดทำการก็ไม่มีใครที่มาตรวจโรคเลย ด้วยความเข้าใจว่าอันหลิงหยุนกำลังพยายามซื้อใจคน ทั้งนางยังจะทำร้ายเด็กๆเหล่านั้นด้วย
ในที่สุดคนในท้องที่ก็เข้าใจว่าเป็นคนจากต่างถิ่น และประเทศต้าเหลียงจะทำร้ายพวกเขา
หลังจากผ่านไปทั้งวันอันหลิงหยุนก็เดินทางกลับ เด็กๆก็พากันพูดคุยไปหัวเราะไปด้วย บางคนพูดอย่างติดตลกว่าหากโตแล้วจะเป็นขุนนาง เพราะเป็นขุนนางก็จะมีสมบัติมากมาย บางคนก็บอกว่าโตไปจะเป็นคุณชาย คอยสอนหนังสือถ่ายทอดความรู้ ไม่ว่าอาชีพใดก็มีหมด อันหลิงหยุนก็เพิ่งได้พบว่าเด็กๆเหล่านี้ไม่มีใครเลยที่อยากจะเป็นหมอ
เสี่ยวเฉียวดึงมืออันหลิงหยุน นางสามารถเดินเองได้ นางราวกับเทพธิดา มีความงดงามอย่างยิ่ง
อันหลิงหยุนมองดูเสี่ยวเฉียว ก็อดไม่ได้ที่อยากจะอุ้มนาง
“พวกเจ้าพาเด็กๆกลับไปก่อน ข้าจะไปเยี่ยมอะมู่เสียหน่อย”
อันหลิงหยุนก็เชื่อในคำพูดของเสี่ยวเฉียว แล้วพาเสี่ยวเฉียวไปเยี่ยมอะมู่
อะมู่มีเหตุผลและเชื่อฟังมากขึ้น หลายวันมานี้ไม่ได้พบ ดูดีขึ้นมาไม่น้อย อันหลิงหยุนไม่อยากให้อะมู่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงให้คนมาสอนเขาอ่านหนังสือเขียนอักษร
คราวนี้อันหลิงหยุนเข้ามา ก็เจออะมู่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ แต่งตัวด้วยชุดสีน้ำเงิน ด้านนอกเป็นชุดชุดที่ตรงกระบอกแขนเสื้อและชายขอบล้วนเป็นขนสัตว์ โดยผมมัดรวบเป็นจุกไว้กลางหัว ดูแล้วเวลาแต่งองค์ทรงเครื่องขึ้นมา เขาดูแตกต่างจากเดิมไปทันที
เมื่อได้ยินเสียงนเดินเข้ามา อะมู่ที่กำลังอ่านหนังสือจึงหันหน้าไปก็เห็นอันหลิงหยุน เขาจึงรีบเดินไปหาทันที :“อาจารย์”
“อืม”
อันหลิงหยุนมองไปยังเสี่ยวเฉียว:“อะมู่ เป็นศิษย์ของข้าเอง เรียกเขาว่าศิษย์พี่เถอะ เจ้าเป็นบุตรบุญธรรมของข้า ก็นับว่าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันแล้ว”
“ศิษย์พี่ ข้าชื่อเสี่ยวเฉียว อายุห้าขวบ”
เสี่ยวเฉียวกล่าวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อะมู่มองดูเสี่ยวเฉียวก็ยิ้มแล้วยิ้มอีก
อันหลิงหยุนจึงให้เด็กทั้งสองเล่นด้วยกัน อะมู่ยังคงทำใจไม่ได้ที่จะเล่นสนุก จึงกอดหนังสือเอาไว้ในมือไม่ยอมปล่อย ราวกับเป็นสมบัติสำคัญ เสี่ยวเฉียวดูแล้วก็บอกว่านางก็สามารถอ่านได้ แล้วยังสอนอะมู่อ่านหนังสืออีกด้วย
อันหลิงหยุนนางอยู่ข้างๆมองดูเด็กๆ พวกเขาเล่น อันหลิงหยุนก็คอยอยู่ข้างๆ
พอตะวันตกดิน อันหลิงหยุนถึงค่อยพาเสี่ยวเฉียวออกมา
อันหลิงหยุนกลับไปท้องฟ้าก็มืดแล้ว กงชิงวี่ทำงานเสร็จกำลังออกมาจากค่ายฝั่งใต้ เมื่อเห็นคนเดินมาแต่ไกล ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
เมื่ออยู่ในช่วงสงครามวุ่นวาย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับอันหลิงหยุนที่จะพาเด็กน้อยออกมาเดินเที่ยวเตร็ดเตร่
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าที่นี่มองหมอหญิงด้วยความต่ำต้อยเช่นนั้นแล้ว กงชิงวี่ก็ยิ่งไม่สบายใจ จึงแอบสั่งการคนเอาไว้ กงชิงวี่ถึงค่อยๆวางใจ
“กลับมาแล้วหรือ?”กงชิงวี่เห็นอันหลิงหยุน ก็เลยดึงมืออันหลิงหยุนเข้ามา อันหลิงหยุนจึงหน้าแดง
“ระวังถูกพบด้วย”อันหลิงหยุนดึงมือกลับ แล้วจูงมือเสี่ยวเฉียวเดินกลับ
กงชิงวี่เดินตามด้านหลัง ทั้งสามเดินไปพร้อมกัน อันหลิงหยุนถามเรื่องในเมืองหลวงหลายประโยค กงชิงวี่ก็ตอบกลับอย่างง่ายไม่กี่คำ
อันหลิงหยุนคิดบางอย่างขึ้นมาจึงกล่าวถาม:“แม่ทัพซ่านเต๋อว่าอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ยินยอมร่วมมือด้วย”
“ฉะนั้นความหมายของอ๋องเย่คือ?”
“รอดูก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
กงชิงวี่กลับไปยังกระโจม อันหลิงหยุนเองก็ตามกลับไป หลังจากที่นำตัวเสี่ยวเฉียวไปฝากให้กับเจ้าตู้พากลับกระโจม
ต่อหน้ากองทัพทั้งสอง ฮั๋วฉิงไม่กล้าที่จะโต้แย้งกับกงชิงวี่ กงชิงวี่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย มีข่าวลือมากมายว่าเขาอยู่ยงคงกระพัน ทั้งยังสั่งการทหารราวกับเทพเจ้าอีกด้วย
“ข้าน้อยรายงานตัว”
ฮั๋วฉิงลงจากม้า กงชิงวี่จึงหยิบตราประทับของตัวเองโยนให้กับฮั๋วฉิง:“ขอเพียงมีชัยชนะ เจ้าต้องการอะไรข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ แต่ทว่า.......เจ้าต้องไม่กระทำการโดยประมาท จนถึงแก่ชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ เจ้าเป็นดั่งกิ่งทองใบหยก ฉะนั้นข้าไม่สามารถที่จะชดใช้ได้ ”
มุมปากของฮั๋วฉิงกระตุกขึ้น พร้อมกับกุมตราประทับเอาไว้พลางรับคำสั่ง :“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
“อีกอย่าง อย่าเร่งรีบจนละเลย อย่าเร่งผลสำเร็จในทันที ข้าต้องการยึดหกเมือง หวูโยกั๋วก็นับว่าหายไปเกือบครึ่งแล้ว เจ้าห้าแสวงหางานหนักกระตือรือร้นเกินเหตุ จนเตลิดไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดหัวเจ้าเสีย!”
“หม่อมฉันเข้าใจ”
กงชิงวี่มองไปยังแม่ทัพฮั๋ว:“แม่ทัพฮั๋ว จงปกป้องดูแลแม่ทัพน้อยของท่านให้ดี ข้าไม่ต้องการให้กลับไปแล้วต้องเห็นผู้อาวุโสส่งผู้น้อยไปปรโลก แม่ทัพน้อยจะต้องไม่ตายในเงื้อมมือของศัตรู แต่จะถูกข้าเด็ดหัวเท่านั้น”
แม่ทัพฮั๋วถึงกับเหงื่อตก คิดไม่ถึงว่าอ๋องเสียนจะฆ่ากองทัพ ด้วยการฆ่าผู้นำทัพ !
“หม่อนฉันรับคำสั่ง!”
แล้วทันใดนั้นกงชิงวี่ก็ได้ออกคำสั่ง:“อันเสี่ยวฮวน โปรดฟังคำสั่ง!”
“ข้าน้อยน้อมถวาย”อันหลิงหยุนควบม้าขึ้นอยู่ข้างกายกงชิงวี่
“อาหารสัตว์ โรงไฟ ทัพหลัง ให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของเจ้า หากมีสิ่งใดไม่พอใจ ก็จงกล่าวมา!”
“รับทราบ”
อันหลิงหยุนรู้อยู่แก่ใจว่าคนส่วนนี้จะคอยส่งสิ่งของ และทำอาหารส่งให้กับทัพหลังได้อย่างง่ายดาย จึงได้ให้นางเป็นคนจัดการ เพราะทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ยังสามารถขนส่งกลับไปด้วย
การวางแผนของกงชิงวี่ ก็นับว่าสามารถตบตาผู้อื่นได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...