ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 640

บทที่ 640 เฟิงอู๋ฉิงที่ราวกับไก่ถูกถอนขน

ความดุดันของเขา ทำให้อันหลิงหยุนตกใจ เหตุอะไรถึงได้เปลี่ยนไปแล้ว

หยุนจิ่นอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังเด็กทั้งสอง เด็กสองคนนี้เจ้านายเอาใจใส่อย่างมาก ดังนั้นไม่สามารถให้เกิดเรื่องได้

อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้าแล้วลูบไปมา เขาเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย นางจึงไม่กล้าทำร้าย แต่เขาก็ไม่สมควรที่จะทำให้ผู้อื่นตกใจเช่นนี้

อันหลิงหยุนมองไปยังเด็กทั้งสอง ราวกับว่าเด็กทั้งสองได้เตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้ว และไม่มีใครให้ความสนใจกับ เฟิงอู๋ฉิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเลย เอาแต่มองมายังอันหลิงหยุน ราวกับรู้ว่าอันหลิงหยุนจะสามารถปกป้องพวกเขาได้

อันหลิงหยุนดูเด็กน้อยทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไปหา

ก่อนจะหยุดเท้า แล้วส่งเจ้าห้าให้กับอะมู่：“อุ้มเอาไว้”

อะมู่อุ้มไม่เป็น ได้แต่มองเจ้าห้าด้วยความไม่กล้า

อันหลิงหยุนจึงกล่าว：“เขาเป็นลูกชายคนเล็กของอาจารย์ ในอนาคตเจ้าจะต้องอยู่ข้างกายเขา ถ้าหากตอนนี้เจ้าไม่กล้าที่จะอุ้มเขา แล้วในอนาคตเจ้าจะช่วยการเขา ปกป้องเขาได้อย่าไร？”

อะมู่ราวกับเข้าใจขึ้นมา จึงค่อยระมัดระวังอุ้มเจ้าห้าเอาไว้ เจ้าห้าลืมตาขึ้นมามองไปยังเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า ด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย สอดส่องไปยังตัวอะมู่

หลังจากสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าห้าก็มองไปยังเสี่ยวเฉียวที่อยู่ข้างๆ เสี่ยวเฉียวเองก็กำลังจ้องมองเขาอยู่ แล้วแววตาของเจ้าห้าก็ดูโอบอุ่นขึ้นมา พร้อมกับยื่นมือไปหาเสี่ยวเฉียว

อันหลิงหยุนประหลาดใจ ：“เสี่ยวเฉียวอายุยังน้อย นางอุ้มเจ้าไม่ไหวหรอก”

เจ้าห้าไม่ยินยอม ยังไงก็จะไปหาเสี่ยวเฉียวให้ได้ อันหลิงหยุนเองก็หมดความอดทน จึงเดินไปอีกทาง หยุนจิ่นจึงรีบปูผ้าห่มเอาไว้

อะมู่อุ้มเจ้าห้าเอาไว้แล้วเดินไปยังผ้าห่มที่ปูเอาไว้ ส่วนเสี่ยวเฉียวก็เดินตามไปด้วย เสี่ยวเฉียวเดินมาแล้วนั่งลง เมื่อเจ้าห้าถูกวางลงในแขนของนาง เจ้าห้าถึงค่อยหลับตาลงพักผ่อน

อันหลิงหยุนรู้ว่าเจ้าห้าเป็นคนที่จู้จี้จุกจิกช่างเลือก คนส่วนใหญ่ยากที่จะเข้าใกล้ แต่อะมู่นั้นเขานั้นยอมรับแล้ว ส่วนเสี่ยวเฉียวเป็นเขาที่รุกเข้าหาก่อน นี่แหละที่น่าประหลาดใจ

หลังจากที่จัดการกับเด็กๆ อันหลิงหยุนก็ได้สั่งให้หยุนจิ่นลงนั่งอยู่ข้างกายของเด็กทั้งสาม แล้วเหลือบมองไปยังเฟิงอู๋ฉิง

ร่างกายของเฟิงอู๋ฉิงดีขึ้นมาไม่น้อย ต้องชื่นชมอันหลิงหยุนที่มอบใบสั่งยาและยาเอาไว้ สามารถพูดได้เลยว่า ใบสั่งยาของอันหลิงหยุนนั้นมีความเชื่อมโยงเข้าหากัน ยาของนางก็ออกฤทธิ์ทดแทนอย่างท่วงที ถึงได้มีเฟิงอู๋ฉิงในตอนนี้

เฟิงอู๋ฉิงชื่นชอบในการสวมชุดสีแดง และเขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อรวมกับชุดสีแดง ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกตกตะลึง แต่ทางตรงกันข้าม อันหลิงหยุนสามารถมองเห็นความสง่าที่เรียบง่ายในตัวเฟิงอู๋ฉิง

และก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากความสง่า เพราะนางไม่ชื่นชอบ

เมื่อเจอก็รู้สึกว่าเฟิงอู๋ฉิงค่อนข้างบ้า แต่หลังจาที่ได้เจอฮั๋วฉิง นางก็ไม่ได้คิดเช่นนั้นอีก

พวกเขาช่างเป็นเหมือนภูเขาหนึ่งลูกที่สูงกว่าภูเขาอีกลูก

เฟิงอู๋ฉิงสำรวจอันหลิงหยุน ออกไปครั้งเดียวกลับมาก็ยิ่งสวยกว่าเก่าเสยแล้ว

เมื่อก่อนอัปลักษณ์ไร้ที่ติ ตอนนี้อัปลักษณ์ยังเทียบไม่ติด

ยังดีขึ้นมาหน่อย

ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง อันหลิงหยุนจึงเอ่ยปากขึ้นก่อน：“เจ้าสำนักเฟิง สบายดีหรือ”

“ยิ่งไปกว่านั้น อู๋ซานและคนอื่นๆก็อายุไล่เลี่ยกับข้า และสำนักทิงเฟิงต้องการองครักษ์ที่จะทำงานทั้งชีวิต ดังนั้นจุดนี้ ยังต้องให้ข้าพูดเยอะอีกหรือ？”

อันหลิงหยุนพยักหน้าทำเป็นเข้าใจ

“สิ่งที่ข้าอยากบอกเจ้าสำนักเฟิงก็คือ เพียงแค่เหตุผลเท่านี้ ข้ายังไม่อาจตอบตกลงได้ ข้าพาพวกเขากลับมา เพราะหวังให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่ชื่นชอบ เจ้าห้าเด็กคนนี้ชอบสันโดษ ซึ่งข้าคิดว่าพวกเขาสองคน จะทำให้เจ้าห้าสดใสขึ้นมาได้ แน่นอนว่าพูดเรื่องเหล่านี้ คนอย่างเจ้าสำนักเฟิง คงจะไม่เข้าใจ เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูด ข้าก็จะพูดถึงการตัดสินใจสุดท้ายแก่เจ้าสำนักเฟิง ว่าข้าไม่เห็นด้วย”

“อู๋ฮัว เจ้ากล้าขัดข้างั้นหรือ เจ้า……”

เจ้าห้าลืมตาขึ้นมามองไปยังเจ้าสำนักเฟิง

เสี่ยวเฉียวราวกับรู้ว่าเจ้าห้ากำลังทำอะไร ก่อนจะมองไปยังหน้าต่าง

แล้ววัตถุสีดำก็พุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่าง

อันหลิงหยุนเองก็ถูกทำให้ตกใจ ยิ่งอย่าพูดถึงคนที่ไล่ตามความสมบูรณ์อย่างเฟิงอู๋ฉิงเลย

อู๋ซานวิ่งมาจากด้านนอก ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกก็ตามเข้ามา

และได้เห็นวัตถุสีดำสองชิ้น พุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่างและประตู อู๋ซานก็ถึงกับตีลังกา แล้วอีกาก็บินมาล้อมเฟิงอู๋ฉิงทันที พวกมันบินล้อมเฟิงอู๋ฉิงเป็นวงกลม จนเฟิงอู๋ฉิงร้องตะโกนออกมาจนทำให้อันหลิงหยุนตกใจไม่กล้าขยับ

อะมู่และเสี่ยวเฉียวมองดูท่าทีของเฟิงอู๋ฉิง และเพียงไม่นานอีกาก็บินจากไป แล้วทุกคนก็ได้เห็น เฟิงอู๋ฉิงที่ราวกับไก่ถูกถอนขนสภาพดูไม่ได้ ชายหนุ่มรูปงามกลายเป็นนกฟินิกซ์สีทองที่ถูกถอนขน ถึงแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่สภาพที่ออกมานั้นยุ่งเหยิงจนดูไม่ได้ราวกับเพิ่งออกมาจากโรงเชือดไก่ จนหลายคนตกตะลึง

อันหลิงหยุนรู้สึกอยู่ลึกๆว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดี แต่นั้นก็ไม่ใช่ความผิดของนาง เป็นเฟิงอู๋ฉิงเองที่ทำตัวเอง และยังทำตัวไม่ดีกับนงอีก เช่นนั้นก็ไม่สามารถมาโทษนางได้