ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 641

บทที่ 641 แม่ทัพจะกลับจวน

เฟิงอู๋ฉิงก็อึ้งไปแล้ว ดวงตาทั้งคู่จ้องมองตรงไปยังอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนอาจจะเขินอายเฟิงอู๋ฉิงไปหน่อย ลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าของเสี่ยวเฉียว โน้มตัวลงไปอุ้มลูกชายเจ้าห้า เรียกอะมู่เสี่ยวเฉียว แม่ลูกสี่คนจากไปอย่างเบิกบานมีความสุข

อู๋ซานตกใจหมดแล้ว ไม่เคยพบเจอเจ้าสำนักเป็นเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าสำนัก”

เฟิงอู๋ฉิงลุกขึ้นยืน เดินไปถึงหน้ากระจกอันใหญ่ที่เขาได้ตั้งใจเตรียมไว้ให้ตัวเอง กระจกมีความสูงเพียงพอเท่ากับคนหนึ่งคน กระทั่งว่ายังจะสูงกว่าเขาอีก ก็เพื่อต้องการที่จะมองเห็นโฉมหน้าที่งามสง่าของเขาได้อย่างชัดเจน

เฟิงอู๋ฉิงเดินโยกเยกไปถึงหน้ากระจกทองแดง ในกระจกทองแดงปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้น ผมเผ้ารุงรัง เหมือนกับเล้าไก่

ชุดแดงบนตัวเป็นของที่เขาใช้เงินห้าหมื่นตำลึงและซื้อมาจากหยุนจิ่นในร้านค้าของนาง คิดไม่ถึงว่าภายในพริบตาเดียวจะเปลี่ยนเป็นเสื้อที่ขาดชำรุดแล้ว

เฟิงอู๋ฉิงยกมือขึ้น จับมุมของเสื้อมาดู มือก็สั่นแล้ว

“เสื้อผ้าของข้า!” เฟิงอู๋ฉิงแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว อู๋ซานยืนที่หน้าประตูตกใจตัวแข็งสั่น หันหลังแล้ววิ่งหนีไป ต่อด้วยย่าโฮ่เงยหน้ามอง คนผู้หนึ่งพุ่งขึ้นไปบนหลังคาบ้านหายไปมองไม่เห็นแล้ว

ได้ยินเสียงของคำรามแตกของเฟิงอู๋ฉิงดังออกมาจากในบ้านตามมาติดๆ : “อู๋ฮัว!”

อันหลิงหยุนได้ยินเสียงร้องก็หัวเราะออกมานิดหนึ่ง สมน้ำหน้า!

อันหลิงหยุนพาเจ้าห้าและอะมู่พวกเขากลับไปบ้านของแม่ทัพอันทางนั้น

เข้าประตูแล้วอันหลิงหยุนก็พาอะมู่และเสี่ยวเฉียวไปให้ลูกรักสองสามคนดู และเข้าพบแม่ทัพอันอีกครั้ง แม่ทัพอันค่อนข้างพึงพอใจอะมู่ ไม่ว่าจะพูดเช่นไร เด็กผู้ชายก็ต้องทนทานกว่าเด็กผู้หญิง

แม่ทัพอันเห็นว่าอะมู่เป็นผู้มีหน่วยก้านดีผู้หนึ่ง

สำหรับเสี่ยวเฉียว เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อ่อนแอขนาดนั้น เขาไม่ได้ชอบมาก เวลาฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวก็ร้องไห้จะทำอย่างไร

แม่ทัพอันกล่าวว่า : “ข้าว่าอะมู่เด็กผู้นี้มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัว ไม่เช่นนั้นให้เขาติดตามพ่อเรียนรู้ทักษะศิลปะการป้องกันตัวสักหน่อย โตมาก็สามารถที่จะออกแรงเพื่อช่วยเหลือประเทศได้”

“ท่านพ่อก็คิดแต่จะออกแรงเพื่อประเทศ เขายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จะสามารถคิดถึงแต่จะรับใช้เพื่อประเทศทั้งวันได้อย่างไร ข้ามองว่าเขาชอบอะไรก็ให้เขาเรียนสิ่งนั้นเถอะค่ะ”

“ก็ดี อะมู่ ซือกงมอบวิทยายุทธให้เจ้า เจ้าจะเรียนหรือไม่เรียน?” แม่ทัพอันมองอะมู่ด้วยความคาดหวัง อะมู่พยักหน้า เท่ากับว่าตอบรับแล้ว

อันหลิงหยุนนั่งลง เรียกหยุนจิ่นมา : “หยุนจิ่น จากวันนี้ไป เจ้ามาดูแลเสี่ยวเฉียว เสี่ยวเฉียวจะอยู่ที่นี่ หากว่าเจ้ายุ่งมากปลีกตัวไม่ได้ ก็หาคนมาช่วยเจ้า เสี่ยวเฉียวเป็นลูกสาวบุญธรรมของข้า ในจวนนางมีฐานะเป็นเจ้านาย ดังนั้นต้องเตรียมลานเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่สามารถที่จะจัดเตรียมลานออกมาได้ ก็อยู่ที่ลานจุนจื่อชั่วคราวก่อน”

“หยุนจิ่นทราบแล้วเจ้าค่ะ”

อันหลิงหยุนมอบหมายอย่างชัดเจน พาเด็กสองสามคนไปเล่น เด็กสองสามคนก็ล้วนชอบเสี่ยวเฉียวมาก แต่เสี่ยวเฉียวชอบที่จะอยู่ข้างๆเจ้าห้ามากกว่า

อันหลิงหยุนนั่งสังเกตอยู่ข้างๆ พบว่าเด็กสองสามคนล้วนชอบเสี่ยวเฉียว เสี่ยวเฉียวนั่งอยู่ตรงกลาง ข้างหน้าของนางมีเจ้าห้านอนอยู่เฉยๆ ข้างๆก็คืออะมู่นั่งอยู่

ความรู้สึกเช่นนี้ชั่งหน้าแปลก ราวกับว่าตั้งใจจัดให้เสี่ยวเฉียวมาพบเจ้าห้าโดยเฉพาะ มาเพื่อที่จะปกป้องเจ้าห้า

อันหลิงหยุนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว : “วันนี้เป็นต้นไป อะมู่ก็คือพ่อบ้านใหญ่ของพวกเจ้าห้าคน และเป็นพี่ชายของพวกเจ้าห้าคน ถ้าหากพวกเจ้าไม่เชื่อฟัง แม่ก็จะให้พี่ชายอะมู่ ใช้กฎในบ้านกับพวกเจ้า

เสี่ยวเฉียวเป็นพี่สาวของพวกเจ้า สำหรับพี่สาว ก็ต้องปกป้องและทะนุถนอมเป็นธรรมดา

หลังจากนี้ใครรังแกเสี่ยวเฉียว พวกเจ้าจะต้องยืดอกและออกมาปกป้องพี่สาวเสี่ยวเฉียว ยังมีพี่ชายอะมู่ ตอนนี้เขาอายุมากกว่าพวกเจ้า รอจนพวกเจ้าเติบใหญ่แล้ว พี่ชายพี่สาวก็จะอายุมากแล้ว ถึงเวลานั้นพวกเจ้าต้องดูแลพวกเขา”

อันหลิงหยุนรู้สึกใจคอห่อเหี่ยวเมื่อพูดเช่นนี้ มองอะมู่แวบหนึ่งแล้ว ตอนนี้นางก็เพิ่งจะอายุสิบหกปี ยังไงก็ต้องเรียกนางว่าพี่สาว

แต่ปัญหาคือตอนนั้นนางไม่ได้วิเคราะห์มากมายขนาดนั้น นางก็รับอะมู่มาเป็นลูกศิษย์แล้ว ตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจได้แล้ว

ก็ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเถอะ

แม่ทัพอันรู้สึกว่า ทั้งบ้านนี้ ชั่งคึกคักจริงๆเลย!

หยุนจิ่นก็รู้สึกเหมือนกัน ชั่งคึกคักมาก

แม่ทัพอันกล่าวอย่าโศกเศร้า : “ไม่ได้กลับไปตั้งสองเดือนแล้ว อีกเดี๋ยวข้าก็จะกลับไปแล้ว เจ้ามาดูแลพวกเขาหกเจ็ดคนนี้”

“แม่ทัพจะไปแล้วกลับมา หรือว่ารอสองสามวันแล้วค่อยกลับมาเจ้าคะ” ได้ยินว่าแม่ทัพอันจะไป หยุนจิ่นถามขึ้นทันที

“กลับไปครั้งนี้อยู่กี่วันเจ้าคะ ได้ยินว่าสุขภาพท่านแม่ของพ่อบ้านยิ่งไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ พ่อบ้านติดตามข้าก็หลายปีแล้ว เวลาที่เขาไม่พูดถึงแม่ของเขากับข้า ก็เพราะเขาเป็นกังวลว่าจะเพิ่มความลำบากให้ข้า แต่แม่เฒ่าก็ดีกับข้า ปีที่ข้าไม่อยู่นี้ นางก็เป็นผู้ดูแลหยุนหยุนทั้งหมด

ต้องอยู่สักระยะหนึ่งแล้วเจ้าค่ะ”

แม่ทัพอันอาลัยอาวรณ์หลานรักหกเจ็ดคนนี้ ยิ่งไม่อยากจากลูกสาวไป เพิ่งจะกลับมา เขาจะทำใจได้อย่างไร

แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวมากได้ แม่ของพ่อบ้านเขายังต้องไปดู

หยุนจิ่นถาม : “เช่นนั้นแม่ทัพกลับไปจะต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนซักหรือไม่เจ้าคะ? อากาศเปลี่ยนเป็นอบอุ่นแล้ว แม่ทัพได้เตรียมเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิหรือยังเจ้าคะ? ยังมีรองเท้าอีก?”

แม่ทัพอันไม่ได้เป็นคนละเอียด เพียงโบกมือ : “สิ่งเหล่านั้นคนในจวนจะเป็นผู้จัดเตรียม หยุนจิ่นไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”

แม่ทัพอันบอกว่าจะไปก็ไป ไม่ได้พกอะไรติดตัวก็ออกประตูไปแล้ว

หยุนจิ่นส่งถึงหน้าประตูจวนอ๋องเสียน มองดูแม่ทัพอันกลับไปผู้เดียวที่หน้าประตูจวนอ๋องเสียนโดยตลอด มองจนไม่มีเงาของเขาแล้ว ก็ยังมองอยู่ที่หน้าประตู

ขณะที่หยุนจิ่นกำลังเตรียมจะกลับไป เห็นรถม้าของจวนอ๋องตวนหยุดลง หยุนจิ่นถอยหลังไปสองสามก้าวมองไปทางรถม้านั้น คนขับรถม้าลงมาจากรถ เปิดม่านรถม้าขึ้น เอาม้านั่งมา อ๋องตวนลงมาจากรถม้า หันกลับแล้วยื่นมือขึ้นไป หยุนโล๋ชวนเดินออกมาจากในรถม้า

หยุนจิ่นหันไปทางหยุนโล๋ชวนโค้งคำนับ : “อ๋องตวน พระชายาตวน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน