ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 753

บทที่ 753 ถูกข้าราชสำนักล้อมเอาไว้

“อ๋าวกวงเหลียน เจ้าคงจะรู้ความผิดดีใช่ไหม ?”

เมื่อจัดการกับเฟิ่งป่ายหมิงเฟิ่งป่ายเสี้ยวแล้ว ก็มาถึงตาของเฉิงเสี้ยงแล้ว

อ๋าวกวงเหลียนเงยหน้าขึ้นมองเฟิ่งป่ายซู : “ที่ฝ่าบาททรงตรัสมา หม่อมฉันไม่เข้าใจ”

“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าก็จะพูดให้ฟัง เฟิ่งป่ายหมิงสมรู้ร่วมคิดกับฮ่องเต้หนานอี้ ส่วนเจ้านั้นสมรู้ร่วมคิดกับคนในราชสำนัก คนที่อยู่ข้างกายข้าส่วนมาก ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เจ้าจัดหามาทั้งสิ้น เรื่องที่ข้าพบกับตี้จูน คิดว่าคงมีคนไปแจ้งให้เจ้ารู้ เมื่อเจ้ารู้ว่าตี้จูนกลับมาก็นั่งไม่ติด ในเจ้าเจ้าอยากให้อ๋าวชิงกุมอำนาจวังหลังทั้งหมด แล้วบริหารจัดการงานบ้านงานเมือง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ ?”

“ฝ่าบาท ถึงแม้อ๋าวชิงจะเป็นลูกของหม่อมฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นคนแจ้งข่าวแก่หม่อมฉัน......”

อ๋าวกวงเหลียนนิ่งเงียบไป แล้วไม่พูดอะไรอีก

เฟิ่งป่ายซูพูดอย่างไม่สบอารมณ์ : “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังจะมีข้อแก้ตัวอะไรอีก ? เจ้าเป็นถึงเฉินเสี้ยงของประเทศเฟิ่ง ไม่เพียงแต่ยักยอกเงินของหลวง แต่ยังแอบไปสร้างคฤหาสน์ไว้ภายนอกอีกหลายหลังด้วย อีกทั้งยังไปฉุดสามีของคนอื่น เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับมานานแล้ว สารลับที่ข้าได้รับนั้นก็พอที่จะทำให้เจ้าเข้าไปนอนอยู่ในโลงได้แล้ว

มิหนำซ้ำเจ้ายังวางอำนาจบาตรใหญ่ ตอนที่เจ้าสร้างบ้านในเมืองหลวง มีคนเข้ามาขัดขวางเจ้า เจ้าก็ตีเขาจนตาย

ยังไม่นับรวมเรื่องนี้อีก ที่เจ้าซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการในราชสำนัก จับกุมเหล่าขุนนางที่ภักดี นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกัน และเข่นฆ่าผู้ที่จงรักภักดี”

“ฝ่าบาท ทรงกล่าวหาหม่อมฉันโดยไม่มีหลักฐาน หม่อมฉันกังวลนัก”

“ทหาร นำออกมาดู” เมื่อเฟิ่งป่ายซูพูดจบก็มีคนยกกล่องใบหนึ่งเข้ามา เมื่อเปิดดูด้านในมีเอกสารที่เป็นความลับและคำสารภาพจำนวนหนึ่ง

เมื่ออ๋าวกวงเหลียนเห็นของที่อยู่ในกล่องก็ทำเพียงแค่ยิ้มออกมาสวยสีหน้าเรียบเฉย : “ฝ่าบาท เอกสารสามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้ หม่อมฉันไม่ยอมรับ ขอฝ่าบาททรงตรวจสอบโดยละเอียดด้วย”

“อ๋าวกวงเหลียน เจ้าเป็นคนประเภทที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะให้เจ้าได้พบกับพยาน” เฟิ่งป่ายซูหันมองประตูพระตำหนักเฟิ่งเซียว อันหลิงหยุนเองก็มองตามไปที่ประตูเช่นกัน มีคนหนึ่งคนเดินเข้ามาจากประตู

เป็นผู้หญิงอายุราวๆสี่ห้าสิบปีคนหนึ่ง เดินเข้ามาโดยใช้ไม้เท้าพยุง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูรกรุงรัง

ผมของนางยุ่งเหยิง หน้าตาก็สกปรก แต่ก็พอจะมองเห็นใบหน้าของนางได้ เมื่อลองมองอย่างละเอียดแล้วนางก็เป็นคนที่มีผิวพรรณที่ขาว และเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีทีเดียว

“อ๋าวกวงเหลียน ท่านยังจำข้าได้ไหม ?” นางกัดฟันพูด จ้องมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น

อ๋าวกวงเหลียนผงะไปชั่วครู่ : “เซียวเหอ?”

“ท่านยังจำข้าได้นี่ ท่านทำร้ายข้าจนเป็นแบบนี้ แล้วพาตัวสามีของข้าไป วันนี้ข้าจะให้ท่านชดใช้ด้วยชีวิต”

อ๋าวกวงเหลียนใบหน้าซีดเผือด : “เจ้าบอกว่าข้าทำร้ายเจ้า เจ้าเองก็ไม่ใช่คนดี เจ้าเก็บเงินของคนอื่น เจ้า......”

“สามีของข้าสามารถเป็นพยานได้ ฝ่าบาท สามีของข้าถูกนางแย่งไป ถ้าหากตอนนี้ลองไปค้นบ้าน ข้าคิดว่าน่าจะหาคนเจอ”

“เบิกตัวก่วงยุ่น”

มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอกวิหาร เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาดี สวมใส่เสื้อผ้าสีเขียว ดูแล้วสง่างามเป็นอย่างมาก เป็นชายหนุ่มที่ดูดีทีเดียว

“ก่วงยุ่นถวายบังคมฝ่าบาท”

ก่วงยุ่นคุกเข่าลง อ๋าวกวงเหลียนรู้สึกขำ : “ก่วงยุ่น เจ้าลองบอกมาซิว่า เจ้าเป็นสามีของใคร ?”

“......”

อันหลิงหยุนเกือบจะสำลักออกมา ผู้หญิงสองคนนี้อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมาแย่งชายหนุ่มกันอีก

ก่วงยุ่นพูดว่า : “ทูลฝ่าบาท เดิมทีหม่อมฉันถูกพ่อแม่นำตัวมามอบให้เป็นสนมของใต้เท้าเซียวเหอเพื่อเป็นของกำนัล ใต้เท้าเซียวจึงจัดงานแต่งงานขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าในคืนส่งตัวเข้าหอจะถูกชิงตัวไป และคนที่ชิงตัวข้าไปก็คืออ๋าวกวงเหลียน !”

เฟิ่งป่ายซูหันมอง : “อ๋าวกวงเหลียน เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม ?”

“เหอะเหอะ......ในเมื่อตั้งใจที่จะเอาผิดหม่อมฉันอยู่แล้ว หม่อมฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก หม่อมฉันไม่ยอมรับ ฝ่าบาทเห็นว่าเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋าวกวงเหลียนหันมองอ๋าชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ นั่นคือลูกสาวของนาง

นางไม่เชื่อว่าเฟิ่งป่ายซูจะทำได้ลงคอ

แต่ตอนนี้อ๋าวชิงไม่พูดอะไร อ๋าวกวงเหลียนจึงรู้สึกแปลกใจ

“มีทั้งพยานและหลักฐานพร้อมมูล วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปขังในคุกหลวง เจ้าทำผิดก็ให้คนของเจ้าเป็นคนจัดการ เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่จองอ๋าวชิงจัดการ”

อ๋าวกวงเหลียนตกตะลึง : “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นอาจารย์ของพระองค์นะเพคะ”

“เพราะว่าเจ้าเป็นอาจารย์ของข้า ข้าจึงไม่ลงโทษประหารเจ้า แต่ก็ไม่คิดที่จะทำให้ผู้อื่นต้องขุ่นเคืองใจ”

อ๋าวชิงหันกลับไปมองเฟิ่งป่ายซูอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงพูดว่า : “พาตัวออกไป”

อ๋าวกวงเหลียนถูกนำตัวออกไป ตอนนั้นยังมีคนอีกจำนวนหนึ่ง

คนที่เหลืออยู่ในท้องพระโรงต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น จากนั้นเฟิ่งป่ายซูจึงลุกขึ้น : “อ๋าวชิง เจ้ามาจัดการเถอะ ยังไงเสียนางก็เป็นแม่ของเจ้า ถ้าหากเจ้าทำใจไม่ได้ จะรับนางกลับไป ขอเพียงแค่นางไม่ทำเรื่องชั่วร้ายอีกก็พอ สถานที่อย่างเช่นคุกหลวงนั้น ไม่ใช่ที่ที่ดีนักหรอก”

“ไม่จำเป็น นางกระทำความผิดเอาไว้มาก ฝ่าบาททรงละเว้นโทษตายให้แก่นาง อ๋าวชิงถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงแล้ว”

“ตามใจเจ้าเถอะ อ๋าวชิง ประเดี๋ยวข้าจะจัดงานเลี้ยงให้แก่พี่อัน ให้เจ้าเป็นคนจัดการ และให้มาร่วมงานด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เฟิ่งป่ายซูหันมองลงไปด้านล่าง : “วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว เซียวเหอ ตอนนี้เจ้ามีสภาพเช่นนี้ข้ารู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก ขอให้เจ้ากลับไปรักษาตัวให้ดีก่อน ในเมื่อก่วงยุ่นเป็นสามีที่เจ้าแต่งงานอย่างถูกต้อง ถ้าหากเขาเต็มใจที่จะกลับไปกับเจ้า เจ้าก็จงพาเขากลับไปเถิด แต่ถ้าหากเขาไม่เต็มใจเจ้าก็จงอย่าไปบังคับเขาเลย เรื่องของความรู้สึก ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติจึงจะดี

อีกสามวัน ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าขุนนาง และเฉลิมฉลองการกลับมาของมกุฎราชกุมารี ส่วนเรื่องอื่นๆค่อยหารือกันวันหลัง ทุกคนแยกย้ายเถอะ !”

เฟิ่งป่ายซูหันมองอันหลิงหยุน แล้วหันหลังเดินจากไป อันหลิงหยุนถอนหายใจ จบเรื่องสักที

ขณะที่กำลังเตรียมตัวจะกลับ กงชิงวี่และอันหลิงหยุนก็ถูกคนเข้ามาขวางเอาไว้

อันหลิงหยุนแสดงสีหน้าแปลกใจ ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เข้ามาขวางนางเอาไว้ด้วยเหตุใด

“กระหม่อมถวายบังคมมกุฎราชกุมารี”

“ถวายบังคมมกุฎราชกุมารี”

ตรงหน้าเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้น อันหลิงหยุนยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ถูกคนเข้ามาทำความเคารพ

“มกุฎราชกุมารี ยังทรงอายุน้อยเช่นนี้ก็เป็นมารดาที่มีลูกถึงห้าคนแล้ว ช่างน่าอิจฉาจริงๆ” คนที่พูดดำรงตำแหน่งเป็นต้าฟู เป็นผู้หญิงที่สวยเลยทีเดียว

ในราชสำนักของประเทศเฟิ่ง มีผู้ชายอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิง

ตอนนี้เอง อันหลิงหยุนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า คนที่เข้ามาล้อมรอบนางมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนผู้ชายจะอยู่ห่างจากนางออกไปไกล ไม่กล้าเข้ามาใกล้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน