ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 754

บทที่ 754 ล้วนแล้วแต่มารอเพื่อตรวจโรค

“แค่เหตุบังเอิญเท่านั้น” อันหลิงหยุนพูดตอบไปสองสามคำ

“ได้ยินมาว่ามกุฎราชกุมารีทรงเป็นหมอเทวดาของประเทศต้าเหลียง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?” ต้าฟูเฟยใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ อันหลิงหยุนพอจะมองออกว่านางมีเรื่องบางอย่าง จึงได้ลองมองคนผู้นี้โดยละเอียด

คนผู้นี้อายุประมาณสามสิบปี รูปร่างหน้าตาสง่างาม สวมใส่เครื่องแบบข้าราชการ ในมือถือแผ่นฮู้ว่าราชการเอาไว้

“ถ้าจะบอกว่าเป็นหมอเทวดาคงมิกล้ารับ แต่ข้าเป็นหมอจริงๆ ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะไม่ต้องอ้อมค้อม ถ้าหากมีอะไรที่ข้าช่วยได้ ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน”

“เรื่องนี้......” ต้าฟูเฟยสีหน้าหดหู่ หันมองรอบๆแล้วรู้สึกลำบากใจ จึงพูดว่า : “หม่อมฉันขอคุยกับมกุฎราชกุมารีเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ ?”

“เอาอย่างนี้ เจ้าจงไปที่วิหารบรรทมรอง เสื้อผ้าที่ข้าใส่อยู่นี้หนักเกินไป ข้าจะขอเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ถ้าเจ้ามีธุระต้องการพบข้า ก็จงไปที่วิหารบรรทมรอง คนอื่นๆก็เช่นกัน ถ้าหากในบ้านมีคนไข้ก็สามารถไปหาข้าได้ ส่วนเรื่องอื่นนั้นข้าไม่อาจช่วยได้จริงๆ”

“รับด้วยเกล้า ขอบพระทัยมกุฎราชกุมารี” ต้าฟูเฟยรีบพูด

จากนั้นอันหลิงหยุนจึงกลับไปพร้อมกับกงชิงวี่ เมื่อพวกเขาออกจากประตูไป อันหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายคว้ามือของกงชิงวี่ไปจูง แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชา

“ท่านอ๋องเกรงว่ากำหนดการที่จะเดินทางกลับจะต้องเลื่อนออกไปใช่ไหมเพคะ ?”

“ข้ากลัวว่าเจ้าจะเหลวไหลอีก ถ้าสามวันจริงดังที่ว่าก็คงไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าเหมื่อเห็นท่าทีของซูอู๋ซินแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆ”

“ลองหาเวลาไปถามดูสิเพคะ เขาเองก็เป็นคนที่พูดคุยได้ง่าย” อันหลิงหยุนกลับไม่รู้สึกว่าซูอู๋ซินมีความเหินห่างกับเขา

รอบๆมีคนเดินตามไป อันหลิงหยุนหันมอง แล้วโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้เหล่าขันทีแยกย้ายกันไปก่อน เหล่าขันทีหันหลังเดินจากไป อันหลิงหยุนจึงได้ก้มหน้าลงพูดว่า : “ท่านอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ว่าสุสานหลวงของหนานอี้ซ่อนอะไรเอาไว้ ?”

กงชิงวี่หันมอง : “ไม่ใช่หนอนพิษกู่หรือ ?”

เสี่ยวเฮยถูกนำมาจากภายในสุสานหลวงของหนานอี้ กงชิงวี่ใช่ว่าจะเดาไม่ออก

อันหลิงหยุนหันมองซ้ายมองขวา แล้วโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กงชิงวี่ก้มหัวลง

กงชิงวี่ก้มหัว อันหลิงหยุนเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเขา : “ทรัพย์สมบัติที่ใช้ไม่มีวันหมด”

กงชิงวี่ถอยห่างออกมาแล้วหันมองอันหลิงหยุน แววตาของอันหลิงหยุนทั้งสองข้างเป็นประกาย แล้วยิ้มออกมาอย่างสดใส

กงชิงวี่ยืนนิ่ง พลิกมือขึ้นมากุมมือของอันหลิงหยุนเอาไว้ : “เห็นมาแล้ว ?”

อันหลิงหยุนดึงมือกลับ แล้วนำกำไลคู่หนึ่งออกมาจากหน้าอกให้กงชิงวี่ดู : “ท่านอ๋อง ท่านดูนี่ !”

กงชิงวี่ก้มลงมองกำไลสีเขียวที่อยู่ในมอของอันหลิงหยุน แล้วยกมือของอันหลิงหยุนขึ้นมาดูอย่างละเอียด : “กำไลนี่คุณภาพไม่เลวเลย”

“แน่นอว่าไม่เลว นี่คือของที่ถูกฝังอยู่ในสุสานหลวงของหนานอี้ด้วย”

“ของเช่นนี้ทำไมถึงได้นำออกมาอีก ?”

ของของคนตายกงชิงวี่ไม่รู้สึกอยากได้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นลางร้าย เพียงแค่เขารู้สึกว่าไม่ได้ขาดแคลนของสิ่งนี้

อันหลิงหยุนเก็บกลับไป : “ของสิ่งนี้ซูอู๋วินให้หม่อมฉัน เขายังบอกอีกว่าประเทศต้าเหลียงนั้นยากจน ข้าแต่งกับท่าน คงจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแน่นอน ดังนั้นจึงต้องการที่จะยกของที่อยู่ในสุสานหลวงของหนานอี้ให้แก่หม่อมฉัน คงจะยกให้เป็นสินสอดแก่หม่อมฉัน”

“ให้เจ้าทั้งหมด ?”

กงชิงวี่เลิกคิ้ว รู้สึกไม่เชื่อ

อันหลิงหยุนพูดเสริมอีกว่า : “มากกว่าที่ท่านหาได้ในหวูโยกั๋วเมื่อครั้งก่อนเป็นสิบเท่า”

กงชิงวี่แววตาเป็นประกาย อันหลิงหยุนเห็นแววตาที่ละโมบของเขาก็รู้สึกขำ

“ที่บอกว่าสิบเท่า ก็แค่กองขนาดนี้” อันหลิงหยุนตั้งใจวาดมือให้เห็นเป็นกองใหญ่ ยังไม่ทันรอให้กงชิงวี่ดึงสติกลับมา นางก็ตบกำไลที่เหน็บไว้ตรงเอว : “ชิ้นนี้ก็แค่หยิบมาให้หม่อมฉันแบบไม่ได้เลือก ล้วนแล้วแต่เป็นของดี ขนาดแค่หยิบออกมาหนึ่งอย่างโดยไม่ได้เลือกยังล้ำค่าขนาดนี้”

“ช่างใจกว้างจริงๆ ถ้าหากข้าต้องการก็เข้าแผนของเขา แต่ถ้าหากข้าไม่ต้องการ ของมากมายขนาดนี้ ข้าก็ไม่อาจทำใจได้อีก”

กงชิงวี่จูงมืออันหลิงหยุนเดินไป เดินไปพลางรู้สึกขำไปพลาง

ทั้งสองกลับไปถึงวิหารบรรทมรอง อันหลิงหยุนเปลี่ยนไปสวมใส่เสื้อผ้าที่เบาสบาย จากนั้นก็มีคนมาขอเข้าเฝ้า

อันหลิงหยุนเรียกให้เข้ามา เป็นต้าฟูเฟยนี่เอง

“เชิญใต้เท้า”

“หม่อมฉันมิบังอาจ หม่อมฉันเข้ามารบกวนมกุฎราชกุมารีแล้ว” ต้าฟูเฟยโน้มตัวลงแล้วพูด

“ใต้เท้าวางใจ โรคส่วนใหญ่ที่ข้าสามารถดูออกได้นั้น ล้วนแล้วแต่รักษาได้ ดังนั้นใต้เท้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป”

“หา !” เฟยหยุนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองในสิ่งที่ได้ยิน จึงรีบลุกขึ้นแล้วโน้มตัวลงกล่าวขอบคุณ : “ถ้าหม่อมฉันสามารถหายเป็นปกติได้ สามารถมีหลานสาวให้มารดาของหม่อมฉันอุ้มได้ หม่อมฉันจะขอถวายของกำนัลอย่างงาม มกุฎราชกุมารีทรงเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเฟยจริงๆ !”

อันหลิงหยุนตกใจไม่น้อย ที่นี่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าผู้ชายจริงๆ คนปกติล้วนแล้วแต่พูดว่าได้อุ้มหลานชาย แต่ที่นี่กลับพูดว่าได้อุ้มหลานสาว

“ใต้เท้าไม่ต้องทำเช่นนี้ วันนี้ที่ข้าตรวจพบคือ ประการแรกใต้เท้าเลือดไหลเวียนไม่ดี ประการที่สองมีอาการหนาวใน ไม่ทราบว่าตอนยังเด็กใต้เท้าเคยเผชิญกับความหนาวเย็นบ้างหรือไม่ ?”

“เรื่องนี้......” เฟยหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า : “ตอนที่หม่อมฉันยังเด็กครอบครัวยากจน ภายหลังสามารถสอบเข้ารับราชการได้ จนกลายมาเป็นต้าฟู ชีวิตถึงได้ดีขึ้น ตอนเด็กๆส่วนมากต้องลงไปจับปลาในธาน้ำแข็ง ไม่รู้ว่าทำให้เญ้นในหรือไม่ ?”

“ใต้เท้ายื่นมือมาให้ข้า ข้าขอตรวจดูหน่อย” อันหลิงหยุนอยากจะตรวจดูอีกหน่อย

เฟยหยุนยื่นมือให้อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนสแกนอัตโนมัติ สแกนที่ท้องของนาง หลังจากสแกนเสร็จจึงพูดว่า : “อาการหนาวในรุนแรงมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องตรวจดูบรรดาสามีของใต้เท้าด้วย”

“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปจัดการ เรียกให้พวกเขามาเข้าเฝ้า......พวกเขาล้วนเป็นเพียงสามัญชน แล้วจะเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารีได้อย่างไร” หยุนเฟยรู้สึกลำบากใจ

ลูกก็อยากมี นางเองก็อธิษฐานขอพรให้มีบุตรมาหลายปี

แต่ถ้าหากจะให้บรรดาสามีของนางเข้าวังมาเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารี ประการแรกคือไม่ถูกกาลเทศะ ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีทางเป็นไปได้ วังหลวงเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะเข้ามาได้

อันหลิงหยุนพอจะเดาความคิดของหยุนเฟยออก จึงพูดว่า : “ข้ากับราชบุตรเขยมาถึงที่นี่ก็ยังไม่เคยออกไปเดินเล่นข้างนอก แบบนี้ดีไหม ประเดี๋ยวข้าและราชบุตรเขยจะออกไปเดินเล่นไม่รู้ว่าใต้เท้าจะช่วยเป็นผู้นำทางให้ข้าได้ไหม ?”

หยุนเฟยนิ่งไป แล้วรีบลุกขึ้นโน้มตัวลงพูดว่า : “หม่อมฉันตื้นตันใจอย่างถึงที่สุด !”

“เช่นนั้นเจ้ารอข้าก่อน ข้าจะไปบอกราชบุตรเขย”

“มกุฎราชกุมารีเพคะ เกรงว่าจะไปไม่ได้เพคะ” หยุนเฟยลำบากใจ อันหลิงหยุนแปลกใจ

“เพราะอะไร ?”

“ด้านนอกยังมีใต้เทิอีกจำนวนมากอยากให้มกุฎราชกุมารีทรงตรวจโรคให้เพคะ”

อันหลิงหยุนเพิ่งจะรู้ว่า ยังมีอีกหลายคนที่มาแล้วแต่ยังไม่ได้เข้ามา !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน