ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 845

บทที่ 845 อ๋องตวนขึ้นครองราชย์

อ๋องตวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก : “อ๋องชินจงนั่นอยู่ที่ไหนกัน ?”

อ๋องตวนที่เมื่อครู่ยังดูอ่อยโยน ง่ายที่จะถูกรังแกคนนั้น เมื่อพูดถึงอ๋องชินจงขึ้นมา สีหน้าก็กลับเย็นชา มีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“ไม่ค่อยแน่ใจเพคะ” อันหลิงหยุนหันมองกงชิงวี่ สีหน้าของเขาเองก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ถ้าหากพูดไปมากกว่านี้ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร นางจึงไม่พูดอะไรอีก

อ๋องตวนเดินไปอีกด้านหนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง : “หากข้าขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว จะต้องจับอ่องชินจงให้ได้ จะต้องฆ่าเขาให้ได้ !”

“ถ้าหากท่านฆ่าอ๋องชินจง ไม่แน่ว่าพระชายาตวนอาจจะเกลียดท่านไปตลอดชีวิต” อันหลิงหยุนไม่ได้คิดที่จะช่วยใคร เพียงแต่พูดในฐานะคนที่มองดูเรื่องนี้เท่านั้น

อ๋องตวนหันมอง : “เจ้ายืนพูดอยู่เช่นนี้ไม่ปวดเอวหรืออย่างไร”

เดิมทีอันหลิงหยุนไม่คิดที่จะโต้เถียง แต่เมื่อนึกไปถึงตลอดชีวิตที่ผ่านมาของฮ่องเต้ชิงหยู่ จึงจำต้องพูด

“อ๋องตวน ทรงเคยคิดบ้างไหมว่า ความรู้สึกคืออะไร ? จะต้องรักษาเช่นไร ? ฝ่าบาททรงรอฮองเฮามาตลอดชีวิต แต่ฮองเฮากลับยิ่งทรงเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เป็นเพราะอะไรกัน ?

ถ้าหากในตอนแรกฝ่าบาทไม่ได้ทรงสังหารคนที่ฮองเฮารัก ทำเพียงแค่แย่งมา หลายปีผ่านไป ใจของฝ่าบาทล้วนอยู่ที่ฮองเฮา ความผูกพันค่อยๆก่อตัวเพิ่มขึ้น สักวันฮองเฮาจะต้องทรงลืมคนคนนั้นได้แน่นอน

แต่ถ้าหากฆ่าให้ตายแล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ก็จะไม่เหมือนกันแล้ว ความแค้นไม่มีวันเลือนหายไปได้ และการที่ฝ่าบาททรงฆ่าศัตรูของเขา การที่ศัตรูของเขาผู้นั้นได้ตายลงไป ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชนะ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้อะไรเลย เป็นเพราะอะไรกัน ?

เพราะมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ คนเป็นไม่มีวันเอาชนะคนตายได้

คนเป็นต่อสู้กัน แลกหมัดกันก็เป็นของจริง แต่คนตายจะเอาอะไรไปสู้ล่ะ ?

พระยาชาตวนทรงไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ในใจไม่มีเล่ห์อุบายใดๆ โดยเฉพาะเรื่องชู้สาวยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ ใจของนางล้วนอยู่กับประเทศต้าเหลียง ตอนนี้นางเองก็มีลูกแล้ว ช้าเร็วใจของนางก็จะต้องอยู่ที่อ๋องตวน แล้วอ๋องตวนจะทรงกลัวอะไรอีกเพคะ ?”

“......” อ๋องตวนไม่ตอบอะไร เมื่อคิดไปถึงสภาพของชวนเอ๋อตอนที่คิดว่าอ๋องชินจงตายไปแล้ว ในใจของเขาก็รู้สึกลังเลขึ้นมา ถ้าหากเขาฆ่าอ๋องชินจงจริงๆ คงจะไม่มีวันได้รับการให้อภัยอย่างแน่นอน

“แต่ถ้าปล่อยไว้ ก็จะกลายเป็นหอกข้างแคร่ของข้า” ในที่สุดอ๋องตวนก็ออกความเห็น

อันหลิงหยุนหันกลับไปมองเมืองหลวง : “ถ้าหากเป็นหม่อมฉัน ก็ต้องยอมจำนนต่อหน้าชายผู้มีความแข็งแกร่งเช่นกัน”

“เหลวไหล” กงชิงวี่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ อันหลิงหยุนหันมองเขา

“เช่นนั้นหม่อมฉันไม่พูดแล้วเพคะ”

อันหลิงหยุนปิดปากเงียบ กงชิงวี่ทำหน้านิ่ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าห้ามไม่ให้พูดจริง กลับไปบ้านคงต้องเดือดร้อนแน่ !

“ข้าไม่ได้ห้ามไม่ให้เจ้าพูดเสียหน่อย”

“พูดเถอะ ข้าอยากฟัง” อ๋องตวนเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอันหลิงหยุนจะพูดอะไร

อันหลิงหยุนเหลือบมองกงชิงวี่อย่างเบื่อหน่าย แล้วไม่พูดอะไร

กงชิงวี่เอามือไขว้หลัง สีหน้าไม่สู้ดีนัก

อ๋องตวนเดินไปอีกด้านหนึ่ง : “ถ้าหากข้าขึ้นครองราชย์แล้ว เป็นฮ่องเต้แล้ว เจ้ายังจะกล้าท้าทายข้าอีกหรือไม่ ?”

อันหลิงหยุนครุ่นคิด : “ประวัติศาสตร์จารึกไว้อย่างยาวนาน วีรบุรุษมักหลงรักหญิงงามมาโดยตลอด ในเรื่องเล่าเองก็เป็นเช่นนี้ เบื้องหลังของวีรบุรุษจะมีผู้หญิงอยู่ ส่วนพวกคนที่ไม่สามารถหาภรรยาได้เหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพวกไร้ความสามารถ

พระชายาของอ๋องตวนเป็นผู้หญิงที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตาในประเทศต้าเหลียงอยากจะสู่ขอแต่ไม่อาจสู่ขอได้สำเร็จ

พระชายาตวนให้อ๋องชินจงรอมานานหลายปี แต่สุดท้ายก็แต่งกับอ๋องตวน เพื่อพระชายาตวนแล้ว เขาจึงพยายามทำให้ตนเองยิ่งใหญ่ขึ้น

อ๋องตวนไม่ทรงรู้สึกหรือเพคะว่า เป็นเพราะพระชายาตวนนั้นมีคุณค่ามากขนาดไหน ?”

อ๋องตวนไม่พูดอะไร อันหลิงหยุนถอดกำไลวงหนึ่งที่อยู่บนข้อมือออกมาแล้วยื่นให้อ๋องตวน : “กำไลวงนี้ล้ำค่านัก ถ้าไม่ใช่หยุนจิ่นทำให้กับหม่อมฉัน คิดว่าบนโลกนี้คงไม่มีอีกแล้ว แต่ตอนนี้กำไลมาอยู่บนมือของหม่อมฉันแล้ว ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆจำนวนไม่น้อย ก็ทำได้เพียงแค่มองดูด้วยความอิจฉาเท่านั้น

ของดี ย่อมมีคนแย่ง ย่อมมีคนต้องการ ปัญหาก็คือใครจะได้ไปครอบครอง ใครจะสามารถควบคุมได้

เพื่อกำไลวงหนึ่งถึงกับต้องฆ่าทุกคน หม่อมฉันว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่หม่อมฉันควรทำ แต่เพื่อกำไลวงหนึ่งหม่อมฉันสามารถพยายามทำให้ตัวเองมีเงินเพิ่มขึ้นได้ เมื่อมีเงินแล้วก็จะมีความมั่งคั่ง ใครๆก็ต้องอิจฉาหม่อมฉัน แต่ถ้าหากฆ่าคนพวกนั้นแล้ว แล้วจะเหลือใครมาคอยอิจฉาอีกล่ะเพคะ

อยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังในใต้หล้า ไม่มีความหมายอะไร

อ๋องตวน ไม่สู้เมื่อท่านได้ครอบครองกำไลนี้แล้ว ก็จงพยายามรักษามันไว้อย่างดี ให้คนที่ไม่อาจครอบครองได้เหล่านั้นต้องยอมแพ้ด้วยความเต็มใจ ทำให้รู้สึกว่าไม่อาจครอบครองได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว

เป็นเพราะพวกเขาไร้ความสามารถที่จะมาดูแลกำไลวงนี้ มีเพียงท่านผู้เดียว ที่จะสามารถดูแลรักษาเอาไว้ได้ !”

อ๋องตวนมองดูเมืองหลวง : “ช่างพูดได้น่าฟังนัก แต่ยังไงเสียก็เป็นหอกข้างแคร่อยู่ดี”

“......” หน้าไม่อาย

กงชิงวี่พูดว่า : “ตายแล้วยังจะให้ข้าเป็นทุกข์ใจอีก”

“ท่านอ๋อง เรื่องการขึ้นครองราชย์จะต้องรอให้พระราชพิธีพระบรมศพผ่านพ้นไปก่อนหรือเพคะ ?”

“อืม สองสามวันนี้ให้อยู่ในวังหลวงก่อน คนของจวนอ๋องเสียนในคืนนั้นก็คงจะเป็นคนของชายชุดดำเช่นกัน วิทยายุทธของเขาไม่ธรรมดา จุนเซียวเซียวเองก็เช่นเดียวกัน ครั้งนี้จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ข้าจะต้องหาพวกเขาให้เจอ

“ท่านอ๋องทรงสงสัยว่าเป็นพวกไหนกันเพคะ ?”

“จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับอ๋องชินจง แต่ทางด้านของอ๋องชินจง ข้าเองก็เฝ้าจับตาดูอยู่ตลอด เขากำลังประดิษฐ์หน้าไม้ รวบรวมกำลังคน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงนั้นเขาไม่มีส่วนร่วม อาจเป็นไปได้ว่าชินจงและเขาแตกคอกัน ดังนั้นพลังอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังหลบซ่อนอยู่จึงเริ่มปรากฏออกมา ดังนั้น จุนเซียวเซียวจึงถือเป็นนกต่อที่พวกเขาพยายามเสาะแสวงหามานาน แต่สุดท้ายนกต่อตัวนี้กลับไม่ยอมเชื่อฟังอีกต่อไปแล้ว”

“อืม”

ทั้งสองออกจาก หอชมจันทร์ ทุกสิ่งทุกอย่างในวังดำเนินไปตามปกติ อันหลิงหยุนยังต้องไปที่จวนของก๊กกู๋ใหญ่อีก จะต้องออกไปในช่วงเที่ยงของทุกวัน แล้วกลับมาในช่วงค่ำ บางครั้งก็แวะกลับไปดูจวนอ๋องเสียนบ้าง

หลังจากงานพระราชพิธีพระบรมศพผ่านพ้นไป อ๋องตวนก็ขึ้นครองราชย์

อ๋องตวนขึ้นครองราชย์ ได้ประกาศงดเว้นการจัดเก็บภาษีของประเทศต้าเหลียง อีกทั้งยังประกาศยกเลิกเรื่องที่ไม่ให้ราชนิกูลเข้ามารับราชการ ไม่เพียงเท่านี้ หากราชนิกูลสามารถสอบเข้ามารับราชการได้ ตำแหน่งอ๋องก็ยังคงอยู่

อีกทั้งอ๋องตวนยังลงพระนามอีกว่า จะไม่มีพระสนม

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ !”

เสนาบดี รีบทัดทาน ฮ่องเต้ชิงหยินแววตาเย็นชา : “ปกติแล้วข้าเป็นคนอ่อนโยน ไม่ค่อยชอบสนใจเรื่องการบ้านการเมืองมัก แต่ถ้าหากพวกท่านไม่ยินดีที่จะให้ข้านั่งอยู่ตรงนี้ ก็สามารถกล่าวหาข้าได้เลย ข้าไม่มีอะไรจะพูด

ถ้าหากเรื่องนี้ข้าไม่อาจตัดสินใจด้วยตนเองได้ เช่นนั้นก็ให้อ๋องเสียนขึ้นมาเป็นฮ่องเต้เถิด ข้าเองก็ไม่อยากเป็นแล้ว”

เสนาบดี ตกใจจนคุกเข่าลง ถ้าหากฮ่องเต้ทรงสละตำแหน่ง ไม่ใช่เพราะถูกเขาบีบบังคับหรอกหรือ

เสนาบดี เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก แล้วคำนับศีรษะลงกับพื้น ไม่กล้ากล่าวเตือนเรื่องใดอีก

ฮ่องเต้ชิงหยินตรัสต่อ : “ส่วนอีกเรื่องก็คือ ข้าจะไม่ยอมอยู่ในวังหลวงตลอดทั้งวัน ข้ารักอิสระ ข้าจะออกไปท่องเที่ยวตามลำพังนอกวังเมื่อไหร่ก็ได้ ทางที่ดีพวกเจ้าจงอย่าก่อเรื่องให้ข้าเห็นก็เป็นพอ หากข้าฆ่าพวกเจ้า รับรองว่าไม่มีทางออมมืออย่างแน่นอน !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน