ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 846

บทที่ 846 หยุนจิ่นป่วย

เพิ่งขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้ชิงหยินก็แสดงอำนาจ ข่มขวัญบรรดาคนในราชสำนัก คนที่ถูกจัดวางตำแหน่งเอาไว้เรียบร้อยก่อนหน้านี้ กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย

กงชิงวี่ออกว่าราชกิจติดต่อกันสามวันก็ไม่ไปอีกเลย

อันหลิงหยุนเองก็ยุ่งวุ่นวายอยู่ที่บ้าน กงชิงวี่กลับจากว่าราชกิจ ก็ตรงไปยังสุสานหลวง

อันหลิงหยุนถามเขา เขาบอกเพียงว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกสักหน่อยแล้วก็ออกไป สุดท้ายจนกระทั่งถึงตอนดึกก็ยังไม่กลับมา ภายหลังเขาหายไปติดต่อกันเป็นเวลาสามคืน อันหลิงหยุนจึงรู้สึกเป็นห่วง

จึงได้ถามเฟยยิง เฟยยิงบอกว่าไปที่สุสานหลวงแล้ว

อันหลิงหยุนรู้สึกว่าช่วงนี้กงชิงวี่เองก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรออกมานัก แต่เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อฮ่องเต้ชิงหยู่ คงจะกลั้นความโศกเศร้าเสียใจเอาไว้ไม่แสดงออกมา

ครึ่งเดือนมานี้เรื่องต่างๆในราชสำนักก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาเองก็คงทนไม่ไหวอีกแล้ว

อันหลิงหยุนตรงไปยังสุสานหลวงกลางดึก เมื่อไปถึงก็พบอาหยู่ยืนอยู่ตรงทางเข้าของสุสานหลวง อันหลิงหยุนเดินเข้าไป เมื่ออาหยู่เห็นอันหลิงหยุนก็รีบเดินเข้ามาหาทันที : “พระชายา”

“อืม ท่านอ๋องล่ะ ?”

“ท่านอ๋องอยู่ด้านในพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทรงเสด็จออกมาข้างนอกเลย ทรงกำชับเอาไว้ว่า หากไม่มีพระบัญชาของพระองค์ ห้ามเข้าไปด้านในเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ” อาหยู่เองก็รู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้

อันหลิงหยุนหันกลับไปมองเฟยยิง : “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”

อันหลิงหยุนกำชับเสร็จก็เดินเข้าไปในสุสานหลวง ตอนที่ฝังพระศพของฮ่องเต้ชิงหยู่ อันหลิงหยุนก็เคยมาที่นี่ ครั้งนี้มาจึงรู้สึกคุ้นเคยกับทาง

อันหลิงหยุนถือโคมไฟเดินเข้าไปภายในสุสาน

ป้ายชื่อบนหลุมฝังศพมีพระนามของฮ่องเต้ชิงหยู่ปรากฏอยู่ ประดิษฐานอยู่ภายในศาลา มีการสร้างศิลาจารึกแผ่นหนึ่งขึ้นมา

โลงศพถูกส่งเข้ามาจากที่อื่น แต่ศิลาจารึกถูกจัดสร้างขึ้นตรงทางเข้าหลุมฝังพระศพของเขา ซึ่งมีรูปแบบแตกต่างกับหลุมศพที่หนานอี้โดยสิ้นเชิง

กงชิงวี่นั่งอยู่ในศาลา ขณะที่อันหลิงหยุนเข้าไป เขากำลังนั่งพิงอยู่ด้านใน อันหลิงหยุนหยุดฝีท้าวลง ไม่แน่ใจว่ากงชิงวี่รู้หรือไม่ เขาไม่ได้หันหน้ามามองนาง นางจึงเดินอ้อมไปขึ้นบันได แล้วเดินตรงเข้าไปหากงชิงวี่

สามวันมาแล้วที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง หนวดเคราก็ยาวรุงรัง

อันหลิงหยุนหาที่สำหรับแขวนโคมไฟ จากนั้นจึงกลับไปนั่งตรงหน้ากงชิงวี่

กงชิงวี่หันมอง จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่ง : “มาที่นี่ทำไม ทำไมถึงไม่อยู่บ้าน ?”

“มีเรื่องจะคุยกับท่านอ๋องเพคะ” อันหลิงหยุนพูดเบาๆ

แววตาของกงชิงวี่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก “เรื่องอะไร ?”

“ท่านอ๋อง ท่านลองลูบดูสิเพคะ” อันหลิงหยุนดึงมือของกงชิงวี่มาวางไว้บนท้องของนาง มือของกงชิงวี่นั่นอ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงอย่างอื่น แต่เพียงเท่านี้กงชิงวี่ก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ท้องแล้วหรือ ?” กงชิงวี่ลุกขึ้นนั่ง จากนั้นจึงกอดอันหลิงหยุนเอาไว้

“น่าจะเป็นลูกสาวนะเพคะ” อันหลิงหยุนยิ้ม

กงชิงวี่หันมองท้องของอันหลิงหยุน : “ข้าไม่รู้ว่าหยุนหยุนจะดีใจทำไมกัน”

“ลูกของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้องดีใจสิเพคะ หรือว่าท่านอ๋องไม่ทรงดีใจ ?”

“ถ้าหากเป็นไปตามที่ฮ่องเต้หญิงของประเทศเฟิ่งทรงตรัสแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเด็กคนนี้ก็เท่ากับเกิดมาเป็นภัยต่อชีวิต แล้วข้าจะเอาไว้ทำไม ?”

“ลูกสาวที่หม่อมฉันให้กำเนิด จะต้องเป็นหญิงสาวที่สูงศักดิ์อย่างแน่นอน จะเป็นภัยต่อชีวิตได้อย่างไรกัน ท่านอ๋องช่างน่าขันเสียจริง !” อันหลิงหยุนลุกขึ้น หันมองรอบๆ แล้วหันมองไปยังป้ายหลุมศพ

“เมื่อเทียบกับเขาแล้ว พวกเราถือว่าโชคดีกว่ามาก มีพร้อมทุกอย่าง”

“ข้าไม่ต้องการ” กงชิงวี่ลุกขึ้น : “มันจะต้องมีวิธีสิ”

“แล้วถ้าหากต้องตายทั้งกลมล่ะเพคะ ?” อันหลิงหยุนหันมองเขา กงชิงวี่หันหลังเดินจากไป

อันหลิงหยุนหันมองป้ายหลุมศพ จากนั้นจึงหันหลังเพื่อจะเดินกลับ มีลมพัดผ่านแผ่นหลังของนาง นางจึงหันกลับไปมองป้ายหลุมศพแล้วยืนเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่

คนเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออีกต่อไป ไม่ว่าขณะที่ยังมีชีวิตอยู่จะรุ่งเรืองขนาดไหนก็ตาม

ขณะที่อันหลิงหยุนหันหลังเดินจากไปยังรู้สึกว่ามีคนจ้องมองนางจากทางด้านหลัง

แต่เมื่อหันกลับไปดูด้านหลังกลับไม่มีใคร

“เกิดอะไรขึ้น ? หรือว่าท่านพ่อเป็นอะไร ?”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นฮูหยิน ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็รู้สึกไม่สบาย ปวดหัวไม่หาย หมอจวนมาตรวจดูอาการแล้ว ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ตอนนี้กำลังเจ็บปวดทรมาน ทำให้ท่านแม่ทัพร้อนใจเป็นอย่างมาก หรือเป็นเพราะโดนลมเย็นปะทะเข้าให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ !”

อันหลิงหยุนรีบเข้าไปในห้องของแม่ทัพอันและหยุนจิ่น ตั้งแต่หยุนจิ่นแต่งงานมา อันหลิงหยุนก็มาไม่บ่อยนัก นางเองก็รู้สึกว่า หยุนจิ่นและแม่ทัพอันควรจะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสงบ

เมื่อเข้าไปในห้อง อันหลิงหยุนรีบตรงเข้าไปดูหยุนจิ่น ตอนนี้แม่ทัพอันสวมใส่เพียงเสื้อตัวใน

น้อยครั้งที่อันหลิงหยุนจะเห็นแม่ทัพอันร้อนใจเช่นนี้ เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็รีบเอ่ยถามทันที : “นางเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ทำไมจู่ๆถึงปวดหัวได้ ?”

อันหลิงหยุนจับมือของหยุนจิ่น : “ปวดแบบไหน เริ่มปวดตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“เมื่อคืนยังดีๆอยู่เพคะ มาเมื่อเช้า พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดเพคะ”

เด็กๆเดินได้หมดแล้ว ตอนนี้จึงมาชะเง้อดูอยู่ที่หน้าประตู ต่างก็รู้ว่าแม่นมจิ่นตอนนี้กลายเป็นท่านยายแล้ว ท่านแม่เคยบอกเอาไว้แล้ว

พี่ๆทั้งสี่ปีนอยู่ที่ประตู ส่วนเจ้าห้านั้นขี่อยู่บนหลังของเจ้าเสือน้อย เขามักจะอยู่เหนือกว่าใครๆทุกครั้ง ทำให้พี่ๆต่างรู้สึกอิจฉา

เจ้าเสือน้อยโตขึ้นแล้ว และแข็งแรงขึ้นด้วย เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพยังโดดเด่นกว่าเจ้าห้าเสียอีก เดินชูคอยืดออก ก่อนที่จะเข้ามาในลานก็ส่งเสียงคำรามหนึ่งครั้ง เพื่อจะบอกทุกคนว่าเขามาแล้ว

แม่ทัพอันมือเท้าอยู่ไม่สุข : “ทำเช่นไรดี ?”

“ท่านพ่อ ท่านใจเย็นหน่อย อายุมากขนาดนี้แล้วทำไมถึงทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้ ท่านไม่กลัวพวกเจ้าห้าหัวเราะเยาะเอาหรือยังไงเพคะ?”

“หัวเราะเยาะอะไร รีบดูจิ่นเอ๋อเร็วเข้า อย่าเสียเวลาอีกเลย” ตอนนี้แม่ทัพอันร้อนใจเป็นอย่างมาก รู้สึกไม่พอใจกับการรักษาของอันหลิงหยุนเอาเสียเลย

อันหลิงหยุนลองฟังอย่างละเอียด จากนั้นหันมองแม่ทัพอันแล้วถามว่า : “ท่านพ่อ ท่านกับหยุนจิ่นแต่งงานกันนานเท่าไหร่แล้ว ?”

“ยังไม่ถึงสองเดือน” แม่ทัพอันจำได้อย่างชัดเจน

อันหลิงหยุนดึงมือกลับ แล้วหันกลับไปมองกงชิงวี่ : “ช่วยไปหยิบบ๊วยเปรี้ยวมาให้สักกล่องสิเพคะ !”

กงชิงวี่รู้สึกประหลาดใจ บ๊วยเปรี้ยวรักษาโรคได้ด้วยหรือ ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน