ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 847

บทที่ 847 ต่อสู้กับเสือ

กงชิงวี่หยิบบ๊วยเปรี้ยวมาให้อันหลิงหยุนหนึ่งกล่อง อันหลิงหยุนหยิบบ๊วยเปรี้ยวหนึ่งเม็ดยื่นให้หยุนจิ่น เมื่อหยุนจิ่นกินบ๊วยเปรี้ยวเข้าไป อาการก็ค่อยๆดีขึ้น จากนั้นจึงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนอีก

แม่ทัพอันร้อนใจ : “ตกลงเป็นอะไรกันแน่ ?”

“ท่านพ่อ ท่านฉลาดขนาดนั้น ท่านคิดว่าเป็นอะไรล่ะคะ บ๊วยเปรี้ยวมีไว้สำหรับให้หญิงตั้งครรภ์รับประทาน” อันหลิงหยุนพูดพลางก็ตรวจดูอาการให้หยุนจิ่นอีกรอบ จากนั้นก็ซักถามอีกสองสามคำถาม หยุนจิ่นเองก็พูดว่า เดือนนี้ประจำเดือนของนางยังไม่มา แต่นางคิดแค่เพียงว่าอาจจะมาช้าไปเพียงไม่กี่วันคงจะไม่เป็นอะไร

แม่ทัพอันนั่งลงไม่พูดไม่จา จากนั้นจึงจ้องมองหยุนจิ่นนิ่ง

หยุนจิ่นอยากพักผ่อน จึงนอนลงไม่ได้ลุกขึ้น

อันหลิงหยุนลุกขึ้น และกำชับสองสามเรื่อง รอบๆบริเวณห้องและลาน จะให้ดีไม่ควรมีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น เพื่อเลี่ยงไม่ให้กระทบกระเทือนถึงเด็กในท้อง จะไม่เป็นการดีต่อเด็ก

เรื่องอาหารการกินก็ต้องระมัดระวัง

อันหลิงหยุนออกมาจากห้องของแม่ทัพอัน อันหลิงหยุนสั่งให้เด็กๆระมัดระวังเวลาเล่น อีกทั้งห้ามไม่ให้ไปเรียกให้ท่านยายอุ้ม เด็กๆล้วนเชื่อฟัง ต่างพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย

เมื่อเด็กๆแยกย้ายกันไป แม่ทัพอันก็ออกมาจากห้องด้วย เมื่อเห็นอันหลิงหยุนแม่ทัพอันรีบตรงเข้าไปถาม : “จิ่นเอ๋อจะเป็นอะไรไหม ?”

“ท่านพ่อ ผู้หญิงคลอดลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน ผู้หญิงที่อายุมากหากให้กำเนิดลูกอาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ แต่ผู้หญิงที่อายุน้อยให้กำเนิดลูก น้อยนักที่จะมีปัญหา” อันหลิงหยุนนั่งลงดื่มชา

อย่างไรเสียแม่ทัพอันก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี : “ปกติคนอื่นๆล้วนแล้วแต่อาเจียน แต่ทำไมจิ่นเอ๋อถึงได้เวียนหัว นางบอกว่าเวียนหัวจนบ้านหมุนไปหมด”

“คนท้องนั้นไม่เหมือนกัน บางคนคลอดลูกไม่มีอาการเลยด้วยซ้ำ” อันหลิงหยุนนั้นไม่มี ฮ่องเต้หญิงประเทศเฟิ่งตรัสว่าท้องของนางท้องนี้จะเป็นภัยถึงชีวิต แต่นางกลับไม่มีความรู้สึกใดๆเลย

“เด็กคนนี้สงบมาก แล้วจะเป็นภัยถึงชีวิตได้อย่างไรล่ะ !

แม่ทัพอันถาม : “แต่จะให้ปวดต่อไปเช่นนี้ก็คงไม่ดี”

“ท่านพ่อ ถ้าหากฝ่าบาทจะให้ท่านไปออกรบ ท่านจะไปหรือไม่ไป ?”

แม่ทัพอันสีหน้าเคร่งขรึมลง : “ตอนนี้จิ่นเอ๋อเป็นเช่นนี้ จะให้พ่อไปออกรบได้อย่างไร นี่เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่นกับพ่อหรอกใช่ไหม ?”

“แต่ว่าท่านพ่อ ในตอนนั้นท่านเองก็ปล่อยให้ข้าอยู่บ้านแล้วไปออกรบมิใช่หรือ ?”

“ตอนนั้นก็คือตอนนั้น ตอนนั้นพ่อไม่รู้ ตอนนี้รู้จึงไม่มีทางจากไปอย่างแน่นอน” แม่ทัพอันพูดพลางก็หันหลังเดินกลับไปดูหยุนจิ่น

เมื่อดูเสร็จก็ออกมาอีก แล้วถามอันหลิงหยุนต่อว่า : “อาการปวดหัวไม่ต้องสนใจได้หรือ ?”

“พักผ่อนให้มาก กินของบำรุงให้มาก กินบ๊วยเปรี้ยวให้มาก ส่วนที่เหลือเดี๋ยวลูกจะเขียนรายการอาหารให้ ให้กินตามที่เขียนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เด็กขาดการบำรุง ท่านพ่อ ท่านเองก็อย่าได้เอะอะโวยวายไป ไม่เช่นนั้นหากเป็นเด็กผู้หญิงแล้วล่ะก็ ประเดี๋ยวจะชอบเอะอะโวยวายเหมือนข้า อยู่ในเมืองหลวงจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดี หากเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไร ?”

เมื่อแม่ทัพอันได้ยินก็รู้สึกกลัว จึงรีบพูดว่า : “พ่อจะพยายามพูดให้ไพเราะอย่างแน่นอน ไม่เอะอะโวยวาย หยุนหยุน เจ้าลองคิดดูให้ดีอีกซิว่ามีสิ่งใดที่จะต้องกำชับอีกหรือไม่ ให้เขียนเอาไว้ให้หมด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พ่อทำเรื่องที่ผิดพลาดขึ้นได้”

“ค่ะ”

อันหลิงหยุนไปเขียนรายการอาหาร แม่ทัพอันก็กลับเข้าไปในห้องเพื่อดูหยุนจิ่นอีกครั้ง เวลาเพียงครู่เดียวเขาวิ่งกลับไปกลับมาถึงสองรอบ

ขณะที่อันหลิงหยุนกำลังเขียนรายการอาหารก็พูดขึ้นว่า : “เป็นลูกเหมือนกันแท้ๆ ท่านลองดูความปิติยินดีของท่านพ่อข้า แล้วลองดูความปิติยินดีของท่านอ๋องสิเพคะ ท่านอ๋องทรงทำเหมือนไม่ใช่ลูกของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น”

“ข้าไม่อาจรู้สึกดีใจได้ สองวันก่อนประเทศเฟิ่งส่งข่าวมา ฮ่องเต้หญิงทรงมีความสามารถในการทำนายดวงชะตา ทุกเรื่องที่ทรงทำนายออกมาต่างแม่นยำทั้งสิ้น ถ้าหากเด็กคนนี้เกิดมาแล้วเป็นภัยถึงชีวิตจริงๆ แล้วจะให้ข้ายอมรับได้อย่างไร ?”

ถ้าหากไม่พูดถึงเรื่องเด็ก กงชิงวี่ยังพอรับได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องเด็กขึ้นมา เขาก็รู้สึกรับไม่ได้ ในใจของเขาจึงไม่อาจรู้สึกยินดีได้

อันหลิงหยุนเขียนรายการอาหารเสร็จก็ยื่นให้แก่แม่ทัพอัน แม่ทัพอันรับรายการอาหารไปแล้วจึงเรียกพ่อบ้านมา สองสามีภรรยานั่งดูวิวทิวทัศน์อยู่ในลาน ในจวนดูสดใสขึ้นมาเพราะการมาของเด็ก พ่อบ้านยิ้มไม่หุบ กล่าวว่าฮูหยินนั้นเป็นผู้มีพระคุณของจวนแม่ทัพ ทำให้จวนแม่ทัพได้มีคนรุ่นหลังสืบต่อแล้ว

ขณะที่กำลังพูดแม่ทัพอันก็ออกมาพอดี เมื่อเห็นเจ้าเสือน้อยก็โมโหอย่างมาก : “วันนี้กลับไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก รอให้จิ่นเอ๋อคลอดก่อนแล้วค่อยมา”

เจ้าเสือน้อยรู้สึกน้อยใจมาก หันมองอันหลิงหยุนหนึ่งครั้ง แล้วจึงวางหัวไว้บนเท้า จากนั้นจึงนำอุ้งเท้าขึ้นมาปิดหัวเอาไว้อย่างไม่พอใจนัก

อันหลิงหยุนพูดว่า : “รนหาที่เอง ใครใช้ให้เจ้าคำรามเสียงดังกัน”

เจ้าเสื้อน้อยยกอุ้งเท้าหนาเตอะขึ้นมาปิดตาเอาไว้ ไม่กล้ามองอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนหันมองแม่ทัพอัน : “ท่านพ่อ เขาไม่รู้ ประเดี๋ยวกลับไปข้าจะพูดกับเขาเอง”

แม่ทัพอันหันมองเจ้าเสือน้อยด้วยสายตาเย็นชา : “จะอยู่ต่อก็ได้ แต่ถ้าเจ้ายังคำรามอีก ถ้าจะถลกหนังของเจ้าไปตุ๋นน้ำแกงให้จิ่นเอ๋อกินซะ จิ่นเอ๋อต้องการของบำรุงร่างกายอยู่พอดี”

เมื่อเจ้าเสือน้อยได้ยิน ก็รีบไปหลบอยู่หลังขาอันหลิงหยุนในทันที แล้วปิดตาลงไม่กล้ามองแม่ทัพอัน

แม่ทัพอันหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป

อันหลิงหยุนก้มหน้าลงไปดูเจ้าเสือน้อย เห็นท่าทางของเขาแล้วก็รู้สึกขำจริงๆ : “เสือแรงที่เจ้าเกิดเป็นเสือ ทำไมเจ้าถึงไม่เดินเข้าไปหาเขา เจ้าเข้าไปคำรามใส่เขาสักสองครั้งก็ยังดี เจ้าคิดว่าเขาจะถลกหนังของเจ้าได้จริงๆหรือยังไง ?”

“คุณหนู ท่านแม่ทัพไม่กลัวเสือจริงๆ” พ่อบ้านเห็นว่าอันหลิงหยุนเองก็คงไม่รู้ จึงยืนกระซิบอยู่ข้างๆ

“อย่างนั้นหรือ ?” อันหลิงหยุนรู้สึกสนใจขึ้นมา จึงเงยหน้าขึ้นมามองพ่อบ้าน

พ่อบ้านจึงพูดว่า : “หลายปีก่อนท่านแม่ทัพได้นำหนังเสือกลับมาจากข้างนอกสองผืน ท่านแม่ทัพกล่าวว่าขณะที่เดินทางผ่านภูเขา ได้พบเสือสองตัวเข้ามาขวางทางไว้ เป็นเสือตัวเมียหนึ่งตัวตัวผู้หนึ่งตัว ตอนนั้นกองทัพไม่กล้าเดินหน้าต่อ เสือทั้งสองตัวยืนขวางไว้ไม่ยอมหลีกทาง

ท่านแม่ทัพใช้มือเปล่าจัดการกับเสือสองตัวนั้นจนตาย จากนั้นจึงนำหนังเสือกลับมาสองผืน !”

เมื่อได้ยินคำว่าหนังเสือ อันหลิงหยุนก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก แววตาเป็นประกาย นั่นจะต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน