ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 852

บทที่ 852 ผู้หญิงประหลาด

อันหลิงหยุนหันไปมอง เจ้าห้านอนซบลงไปบนไหล่ของนางครู่หนึ่ง ท่าทีห่อเหี่ยวอับเฉาลงถนัดตา

อันหลิงหยุนก้มลงมองลูกชาย ไม่อาจทนดูท่าทางเหี่ยวเฉานั้นได้ จึงเดินตามเขาออกไป

เมื่อเดินไปจนถึงหน้าประตู อันหลิงหยุนจึงเอ่ยถามเจ้าห้าออกไปว่า : "เจ้าห้า ลูกอยากตามไปหรือไม่ ? แม่สามารถพาลูกไปได้นะ"

เจ้าห้าส่ายหน้า ดวงตาซึมเซาไร้ชีวิตชีวา

อันหลิงหยุนรู้สึกปวดใจเหลือเกินแล้ว หันไปมองกงชิงวี่: "ท่านอ๋อง ทำอย่างไรดีเพคะ?"

“ จะทำอย่างไรได้ล่ะ คนเค้าอยากจะไป ต้องให้ข้าคุกเข่าขอร้องอย่างนั้นหรือ?”

กงชิงวี่เข้ามาอุ้มเจ้าห้าไปด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี เจ้าห้าเริ่มเหี่ยวเฉาเศร้าซึมหนักแล้ว  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้ ดวงตาริบหรี่ดูท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก กงชิงวี่เป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องได้ จึงอุ้มเจ้าห้าเดินกลับไป เดินไปพลางตบกล่อมเบา ๆไปพลาง : "วันพรุ่งนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ ฝากหยุนหยุนดูแลเจ้าห้าด้วยนะ"

กงชิงวี่เองก็ยุ่งมากเช่นกัน เขายังต้องไปตรวจสอบเรื่องของพวกราชนิกูล ยามนี้พวกราชนิกูลเริ่มก่อความวุ่นวายขึ้นอีกแล้ว ครั้งนี้เขาจะต้องขุดรากถอนโคนพวกนั้นเสียให้สิ้นซาก

อันหลิงหยุนมองไปที่ลูกชาย ด้วยความกังวลเต็มใบหน้า: "ก่อนหน้านี้เจ้าห้าก็ดูสบายดีมาตลอด แต่พอวันนี้จื่อฮั่วไป เขาก็เป็นแบบนี้เลย ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น"

"รอให้เฟิงอู๋ฉิงมาถึงแล้ว ค่อยคิดหาทางก็แล้วกัน"

สองคนสามีภรรยาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เพราะต้องคอยลุกมาดูเจ้าห้าตลอด เจ้าห้าเองก็ไม่ได้ขยับตัวเลยทั้งคืนเช่นกัน แค่นอนนิ่ง ๆ อยู่ข้างตัวอันหลิงหยุน ตื่นเช้ามาให้เขากินข้าว เขาก็ไม่ยอมกิน น้ำก็ไม่ยอมดื่ม

กงชิงวี่ออกไปแต่เช้า อันหลิงหยุนจึงพาเจ้าห้าไปต้อนรับเฟิงอู๋ฉิงเพียงลำพัง ผลคือทันทีที่ออกพ้นประตูไป ก็ได้เห็นหมอจวนกับหมอกุ่ยเดินเข้ามา แต่กลับไม่เห็นเฟิงอู๋ฉิง ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

"เจ้าสำนักเฟิงล่ะ?"

“ เจ้าสำนักมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับ เขารังเกียจที่พวกเราเชื่องช้า จึงให้ข้ามากับหมอกุ่ย ส่วนเขาก็ออกเดินทางมาที่นี่ก่อนแล้ว ”

หมอจวนโจวขาวผ่องขึ้นมากทีเดียว อีกทั้งรูปลักษณ์ที่ปรากฏก็ดูอ่อนโยนกว่าแต่ก่อน เมื่อนึกถึงสถานที่เช่นประเทศเฟิ่งนั่นแล้ว อันหลิงหยุนแม้ไม่ได้หนาว แต่ตัวกลับสั่นเทาราวลูกนกแรกเกิด ถ้าผู้ชายทุกคนล้วนต้องมีสภาพนุ่มนิ่ม ชดช้อยบอบบางอย่างนั้นกันไปหมด นางเองก็คงไม่ชอบเท่าไรนัก

อันหลิงหยุนหมุนตัวเดินกลับไปที่ลานจุนจื่อ เช้ามาไม่เห็นเสี่ยวเฉียวเลย นางก็สมควรจะนึกได้แล้ว กลายเป็นว่าเพราะเรื่องของเจ้าห้า ทำให้ล่าช้าไปเสียแล้ว

เมื่อเดินไปที่ประตูห้องของเสี่ยวเฉียว อันหลิงหยุนก็เคาะประตู: "เสี่ยวเฉียว"

เฟิงอู๋ฉิงเลิกคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู เสี่ยวเฉียวรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที:

"แม่"

ประตูเปิดออก อันหลิงหยุนมองเข้าไปข้างใน เฟิงอู๋ฉิงนั่งอยู่ในนั้นจริงๆอย่างที่คิด ทั้งร่างสวมชุดสีแดงฉานดุจดั่งโลหิต งดงามเฉิดฉายประหนึ่งเซียนผู้รักสันโดษ ไม่ข้องเกี่ยวใด ๆ กับเรื่องทางโลกอย่างไรอย่างนั้น

ผู้ชายที่โตมาเป็นแบบนี้ แบบที่ดูงามสะคราญ เฉิดฉายเสียยิ่งกว่าผู้หญิงเช่นนี้ อันหลิงหยุนเห็นแล้วก็รู้สึกว่า มันช่างไม่สมเหตุสมผลสิ้นดี แล้วจะให้ผู้หญิงแบบพวกนางอยู่กันอย่างไรล่ะนี่?

“ เจ้าสำนักเฟิง”

"เข้ามาเถอะ"

เฟิงอู๋ฉิงเบี่ยงตัวไปด้านหนึ่ง ปรายสายตาไป มองสำรวจใบหน้าของอันหลิงหยุนน้อย ๆ "ไม่ได้พบกันมาพักหนึ่ง เจ้ากลับดูน่ามองขึ้นมาไม่น้อยเลยนะ"

"ขอบคุณเจ้าสำนักสำหรับคำชมเจ้าค่ะ"

อันหลิงหยุนเดินไปเบื้องหน้าเฟิงอู๋ฉิง นั่งลงแล้วพูดว่า "เจ้าสำนัก ท่านดูนี่"

เมื่อเฟิงอู๋ฉิงได้เห็นสภาพของเจ้าห้า ก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง: "มันเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่?"

"เรื่องนี้พูดไปแล้วยาวนัก เมื่อคืนจื่อฮั่วออกเดินทางไปแล้ว จื่อฮั่วคือ ...." อันหลิงหยุนกำลังจะอธิบาย แต่ถูกเฟิงอู๋ฉิงชิงตัดบทเสียก่อน

“เมื่อคืน เสี่ยวเฉียวเล่าเรื่องของจื่อฮั่วให้ข้าฟังแล้ว วันนี้ก็ยังคิดอยู่ว่า อยากจะเจอสักหน่อยอยู่พอดี ”

เฟิงอู๋ฉิงอุ้มเจ้าห้าเข้ามา ตบกล่อมเบา ๆ เจ้าห้ายังคงไม่พูดไม่จาอยู่เหมือนเดิม ชั่วขณะนั้น เฟิงอู๋ฉิงบังเกิดความรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา จึงแค่นเสียงเย็นชาขึ้นเสียงหนึ่ง

“เจ้าพวกตระกูลป๋ายนั่น มาจากเมืองหนานอี้ของข้าแท้ ๆ ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย เจ้าห้าถูกตาต้องใจพวกเขาแท้ ๆ ยังกล้าจากไปอีกหรือ! "

“อาจารย์ เจ้าห้าเป็นแบบนี้แล้ว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?” เสี่ยวเฉียวรีบรบเร้าถาม

เฟิงอู๋ฉิงหันไปมองอันหลิงหยุน: "แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรล่ะ?"

อันหลิงหยุนยังคงมีท่าทีเศร้าโศกหดหู่: "ระยะนี้ข้ายังไม่สามารถจากที่นี่ไปได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงจะพาเจ้าห้าไปแล้วล่ะ"

เมื่อมอบหมายหน้าที่ภาระงานชัดเจนเรียบร้อย อันหลิงหยุนจึงค่อยจากไป

เมื่อมาถึงโรงหมอ วันนี้คนไข้ก็ยังคงมีไม่มากมายเท่าไหร่นักเหมือนเดิม มีเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น คนที่นี่ส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับการลงมีดผ่าตัด ความกลัวก็นับเป็นด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านก็คือความไม่ไว้วางใจ

รวมถึงความไม่คุ้นเคย กับการต้องนอนรับการรักษาในโรงหมอ หลังจากรับยาที่หมอจ่ายให้มาแล้ว ต่างก็กลับไปกันหมด

ดังนั้นคนที่อยู่ในโรงหมอจึงมีไม่มาก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก่อนหน้านี้ ต่างก็เข้าเวรกันแล้ว ตอนนี้จึงยังไม่ยุ่ง

อันหลิงหยุนกำลังมองหาใครบางคนที่นี่ แต่ก็ยังไม่เห็น

วันนี้มีผู้ป่วยมาสามราย ต่างเป็นผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด ระหว่างเดินตรวจการทำงาน อันหลิงหยุนได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังร้องไห้ฟูมฟายดังออกมาจากด้านใน: "ขอร้องพวกเจ้าล่ะ ให้ข้ากลับไปเถอะนะ ถ้าข้าไม่กลับไป แล้วถูกสามีรู้ว่ามาที่นี่ เขาต้องตีข้าตายแน่เลย ข้าแค่ปวดท้อง อยากได้ยาไปกินก็เท่านั้นเอง จะให้ค้างที่นี่ไม่กลับบ้านได้อย่างไรกัน?”

พยาบาลอธิบายว่า: "เจ้าไปไม่ได้นะ ตอนนี้เจ้าป่วยหนักมาก เมื่อครู่นี้หมอสวี่ก็บอกเจ้าไปแล้วว่า ตอนนี้มีบางอย่างเติบโตอยู่ในท้องเจ้า เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงถึงชีวิต เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ?"

"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร ถ้าอย่างไรเจ้าก็แค่ปล่อยข้าไปเถอะ สามีของข้า ... "

หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้าไว้ ผลักเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป หญิงสาวกับพยาบาลต่างหันมามองนางเป็นตาเดียว อันหลิงหยุนมองสำรวจหญิงสาวคนนั้น: "สามีของเจ้าทุบตีเจ้าอย่างนั้นหรือ?"

หญิงสาวคนนั้นไม่พูดอะไรออกมาอีก พยาบาลกล่าวว่า:“ หมอสวี่บอกว่า ในท้องของนางมีบางอย่างเติบโตอยู่ หากนางไปอาจมีเลือดออกมาก จึงอยากให้นางนอนรับการรักษาที่โรงหมอ เขายังบอกอีกว่าถ้าไม่มีเงิน หมอสวี่จะช่วยออกให้ สามารถหักจากเงินเดือนของหมอสวี่ได้เลย”

หมอสวี่เป็นคนที่เพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนการแพทย์เมื่อไม่นานมานี้ ความสามารถของเขานั้นโดดเด่นยอดเยี่ยมเป็นที่ประจักษ์ อย่างน้อย อันหลิงหยุนก็ไม่เคยเห็นใครที่ฉลาดขนาดนี้มาก่อน ทั้งยังมีขวัญที่แข็งกล้า ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบไหน เขาก็กล้าทำทั้งนั้น เมื่อเห็นความสามารถเขานานวันเข้า อันหลิงหยุนจึงให้เขารับหน้าที่ในแผนกศัลยกรรม

“ หมอสวี่ล่ะ?”

"ไปกินข้าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ทั้งวันมีเขาอยู่คนเดียว ตั้งแต่เช้าเขาก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย"

"ไปเรียกเขามา"

อันหลิงหยุนส่งเจ้าห้าในอ้อมแขนไปให้เฟยยิง เฟยยิงรีบอุ้มเจ้าห้าเป็นพัลวัน อันหลิงหยุนมองสำรวจดู เห็นว่าผู้หญิงคนนี้แต่งตัวนับว่าไม่แย่ ดูคล้ายคุณหนูลูกผู้ดีในบ้านคนมีเงินทั่ว ๆ ไป เพียงแต่นางมีรูปร่างที่ผอมอยู่สักหน่อย

“ สามีของเจ้าชื่ออะไรหรือ ?” อันหลิงหยุนถามหญิงสาวตรงหน้า แต่หญิงสาวไม่ยอมพูด

"นี่คือพระชายาเสียน หากเจ้ามีอะไรที่อยากจะพูด สามารถพูดกับพระชายาเสียนได้เลย" พยาบาลอธิบายจากด้านข้าง ทันทีที่หญิงสาวคนนั้นได้ยินว่าเป็นอันหลิงหยุน นางก็ลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีไปทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน