เพียะ
ความปวดแสบปวดร้อนทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเวียนศีรษะ
นางล้มลงกับพื้นพร้อมศีรษะที่ส่งเสียงอื้ออึง
"พระชายา!"
แม้แต่เสียงตะโกนของแม่นมเติ้งก็ดังไกลออกไป
โทสะปะทุขึ้นในใจของลั่วชิงยวน นางมองบุรุษผู้นั้นด้วยสีหน้าหม่นคล้ำพร้อมดวงตาแดงฉาน
ฟู่เฉินหวนรู้สึกฝ่ามือชาหนึบและในขณะนั้นก็รู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้าง ไฉนเขาถึงได้หุนหันพลันแล่นเช่นนั้นเล่า?
เมื่อเห็นแววตาโกรธแค้นของลั่วชิงยวน ฟู่เฉินหวนรีบเบือนหน้าหนีไป
"ท่านอ๋อง… ฮือฮือฮือ..." เสียงร่ำไห้ของลั่วเยวี่ยอิงดังก้องโสตของฟู่เฉินหวน
เส้นโลหิตตรงหน้าผากของฟู่เฉินหวนกระตุกพลางหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปช่วยประคองลั่วเยวี่ยอิงให้ลุกขึ้นทันที
"ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ยกน้ำแกงโสมมาให้พี่สาว แต่ท่านพี่กลับคิดจะช่วงชิงข้าวของของหม่อมฉัน นี่เป็นสิ่งที่มารดาของหม่อมฉันหลงเหลือเอาไว้ให้นะเพคะ..." ลั่วเยวี่ยอิงปิดหน้าร้องไห้ด้วยความขมขื่นใจ เพราะรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง. .
ท่าทางแบบนั้นทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเขาก็อดมิได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง
การเคลื่อนไหวอันแสนอ่อนโยนเช่นนี้ทำให้ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง นางจึงเจตนาส่งเสียงร้องไห้ให้ดังขึ้น
ลั่วชิงยวนลุกขึ้นโดยมีแม่นมเติ้งช่วยประคอง พลางมองดูภาพตรงหน้าด้วยความโกรธแค้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขรึมเคร่ง
"ขอทีเถอะ ที่นี่เป็นที่ของข้า อย่ามาทำให้ข้าเสียสายตาดีกว่า!"
ท่าทางโกรธจัดทำให้แม่นมเติ้งรู้สึกหวาดกลัวจนต้องดึงแขนเสื้อของพระชายา
ฟู่เฉินหวนเองก็มองลั่วชิงยวนด้วยสีหน้าโกรธจัดเช่นกัน
"ลั่วชิงยวน! พึงระลึกถึงตัวตนและสถานะของเจ้าให้ดี! หัดเจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้างเถอะ!"
ฟู่เฉินหวนหน้าตาบูดบึ้ง เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่แผนการถูกทำลายลงในคราวนี้ เขาก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก
"หม่อมฉันเจียมเนื้อเจียมตัวมากแล้ว! หม่อมฉันไม่คู่ควรท่านอ๋อง ฉะนั้นท่านก็หย่ากับข้าเสียทีเถิด!" น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเฉียบขาดยิ่งนัก
จิตใจของฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
แน่ชัดแล้ว!
เป็นลั่วชิงยวนที่นำเรื่องไปทูลฟ้องไทเฮาอย่างที่คาดคิด!
เมื่อเห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของลั่วชิงยวน ฟู่เฉินหวนก็ถูกโทสะกัดกินจิตใจไปจนสิ้น ทว่าเขาได้แต่ข่มกลั้นเอาไว้
"ลั่วชิงยวน ในเมื่อเจ้าใส่ใจคนนอกนัก ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักอ๋องอีกต่อไปแล้ว! นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าถูกริบฐานันดรพระชายาและยึดทรัพย์แล้ว จงเก็บข้าวของแล้วไสหัวออกจากตำหนักไปนอกเมืองซะ!"
"หากไม่มีคำสั่งของข้า ไม่อนุญาตให้เจ้าก้าวเข้ามาในเมืองหลวงอีกเป็นอันขาด!"
วาจาดังกล่าวเยียบเย็นราวกับกริชเล่มหนึ่งชวนให้ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจ แม้จะยังไม่ถึงเหมันตฤดูอันหนาวเหน็บ แต่นางกลับรู้สึกราวกับตกอยู่ท่ามกลางหิมะและน้ำแข็งอันเยือกเย็นเสียดแทงถึงกระดูก
"ฟู่เฉินหวน ในเมื่อท่านกับข้าเกลียดชังกันถึงเพียงนั้นแล้ว ไยท่านจึงไม่ยอมมอบหนังสือหย่าให้ข้าเสียเลยเล่า?" ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่น
ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาว่า "เจ้าจะไม่มีวันได้รับหนังสือหย่าไปชั่วชีวิต"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...