หรงซิวลืมตาขึ้น ภายใต้ดวงตาคมกริบ ราวกับรับรู้ว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้น
”เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่”
”เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน! ลู่หยุนพาคนไปค้นที่บ้านตระกูลฉู่ เแล้วเจอปิ่นปักผมขององค์หญิงสี่หรงเจินหนึ่งชิ้น เลยแน่ใจได้ว่าคุณหนูหลิวเยว่ได้พาตัวขององค์หญิงสี่ไปซ่อนเอาไว้ เป็นเพราะคุณหนูหลิวเยว่ยังไม่ได้กลับมา ฉะนั้นพวกเขาจึงพาใต้เท้าฉู่หนิงไป ตอนนี้…น่าจะถึงวังแล้ว”
อวี๋มั่วรีบรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วเหลือบมามองสีหน้าของหลีอ๋อง จากนั้นเอ่ยถามแบบหยั่งเชิงว่า
”หลีอ๋อง ตอนนี้ท่านมีความเห็นเช่นใดขอรับ?”
ริมฝีปากบางๆ สีออกแดงเข้มของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นโครงหน้ามนที่สวยงาม แฝงด้วยความเกียจคร้านเล็กน้อย
แต่สีหน้าที่แสดงออกมา มีแต่ความเยือกเย็นราวกับลมหนาวช่วงฤดูใบไม้ผลิทำให้รู้สึกหนาวเหน็บ
”พวกเขาช่างเลือกจังหวะเวลาได้ดีจริงๆ”
อวี๋มั่วนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็คิดบางอย่างได้
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่อยู่วังหลวง พวกเขาจะต้องสอบปากคำใต้เท้าฉู่หนิงอย่างแน่นอน
บวกกับ ’หลักฐาน’ ที่พวกเขาเอามาอ้าง จะยิ่งทำให้มีความกล้ามากขึ้น ไม่แน่ว่าใต้เท้าฉู่หนิงจะต้องถูกกลั่นแกล้งไม่น้อยเลย
ป่านนี้หากมู่ชิงเห่อยังอยู่วังหลวง ต่อให้ฉู่หลิวเยว่กลับไป พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรฉู่หลิวเยว่ได้ แต่หากเล่นงานใต้เท้าฉู่หนิง ก็จะทำให้นางทรมานได้เช่นกัน
”ความหมายของท่านคือ พวกเขาจะอาศัยโอกาสนี้เพื่อแก้แค้น”
หรงซิวเอ่ยเสียงเรียบต่อ
”หรงเจินหายตัวไป ซือเมิ้งเผยตัวออกมา จักรพรรดินีอยู่ในสถานการณ์ตกที่นั่งลำบาก แน่นอนว่าข้าจะไม่พลาดโอกาสนี้ไป”
สำหรับจักรพรรดินีแล้ว ตอนนี้เรื่องที่หาหรงเจินเจอหรือไม่ จะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญคือต้องหาคนที่เอาตัวหรงเจินไปซ่อนไว้ให้เจอ
ชัดเจนแล้วว่า บัดนี้พวกเขาต้องการจะผลักความผิดทั้งหมดไปที่ฉู่หลิวเยว่
หากเป็นเช่นนี้ ความโกรธบางส่วนของจักรพรรดิจยาเหวินจะเบี่ยงเบนไปที่ตัวฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่ชิงเห่อ จนทำให้จักรพรรดิจยาเหวินไม่กล้าทำอะไรบู่มบ่าม แต่หากเพื่อให้จักรพรรดินีพ้นจากความผิด ก็ยังคงมีประโยชน์บ้าง
อวี๋มั่วรู้สึกกังวลเล็กน้อยถามว่า
”หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่ใช่ต้องเล่นงานคุณหนูหลิวเยว่กับใต้เท้าฉู่ถึงตายหรอกหรือ?”
หรงซิวเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
”เพราะฉะนั้นแล้วจึงได้มีปิ่นปักผมชิ้นนั้นอย่างไรล่ะ”
อวี๋มั่วสูดลมหายใจด้วยความเยือกเย็น
”ท่านหมายความว่า…”
โฮกกก!
จู่ๆ เสียงคำรามด้วยความโกรธที่ทุ้มต่ำก็ลอยเข้ามา
อวี๋มั่วเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นสิงโตร่างใหญ่ปรากฏอยู่ต่อหน้า
เสวี่ยเสวี่ยนี่เอง
ดวงตาสีน้ำเงินที่เยือกเย็นของมัน เหมือนกำลังคุกรุ่นด้วยความรุ่มร้อน
หรงซิวมองมันแวบเดียว เสวี่ยเสวี่ยก็เดินเข้ามา แล้วนอนหมอบลงข้างเท้าเขา
”ในเมื่อจักรพรรดินีอยากจะอาละวาด ก็ให้นางอาละวาดต่อไป แต่ช่วงนี้องค์หญิงสี่น่าจะเหงาน่าดู เดี๋ยวเจ้าเข้าไปเล่นกับนางหน่อย”
เสียงของหรงซิวเยือกเย็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น หางเสียงลากยาว ผสมกับความรู้สึกเกียจคร้าน
แต่เมื่ออวี๋มั่วได้ยินแล้วก็รู้สึกใจสั่น
หลีอ๋องถึงกับจับตัวองค์หญิงสี่ไว้
ไม่สิ ดูจากท่าทาง น่าจะอยู่ในอุ้งมือของเสวี่ยเสวี่ย!
เสวี่ยเสวี่ยเลียเท้าของตนเองอย่างไม่ค่อยยินดี
หรงเจินทั้งเหม็นทั้งสกปรก แถมยังชอบกรีดร้อง ทำให้มันรำคาญมาก
แต่เพราะเป็นคำสั่งของนายท่าน มันจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง
โอ้… คิดถึงใครบางคนขึ้นมาแล้วสิ!
พอคิดได้ เสวี่ยเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองมาที่หรงซิว
หรงซิวเหลือบมองมันแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
”ไม่ได้”
หัวที่ใหญ่โตของเสวี่ยเสวี่ยส่ายไปมาและแนบใกล้ชิดมาอีก เหมือนกำลังออดอ้อน
หรงซิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”ครั้งก่อนนางเล่นกับเจ้านานมากสินะ ดูท่าทางดูเหมือนจะเยอะเกินไปสำหรับเจ้า?”
เสวี่ยเสวี่ยตัวแข็งทื่อ
ถูกจับได้จนได้!
มันก็แค่ให้ฉู่หลิวเยว่เล่นเป็นเพื่อนกับมันบนป่าเขานานไปหน่อยเท่านั้นเอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...