จวนหลังนี้ว่างเปล่า ตรงกลางลานบ้านมีเพียงศพศพหนึ่งแขวนอยู่เท่านั้น
ดูจากเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง คนผู้นั้นน่าจะเป็นคนคนหนุ่ม เนื้อหนังซูบหายไปจนมองไม่เห็นรูปลักษณ์เดิม
บาดแผลทั่วทั้งร่างกาย ที่สาหัสที่สุดคือใบหน้า
เหมือนว่ามีใครใช้ขวานจามใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง เนื้อเละไปหมด ยากจะแยกใบหน้าออก ไม่มีทางดูออกเลยว่าคนผู้นั้นคือใคร
ด้านล่างของศพนั้นมีกระถางสีเขียวตั้งอยู่
ขอบของกระถางนั้นมีคราบเลือดที่แห้งกรังอยู่
พร้อมกลิ่นคาวเลือดแทงจมูก กระจายออกมา มันน่าขยะแขยงอย่างมาก!
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุด
เพราะว่าที่น่ากลัวกว่านั้นคือ รอบๆ ศพนั้นมีโครงกระดูกวางกองอยู่ ขอเพียงแค่มองดีๆ ก็จะรู้ว่ากระดูกเหล่านั้น เป็นโครงกระดูกมนุษย์!
ต่างจากศพที่ถูกแขวนเอาไว้ เพราะกระดูกสีขาวเหล่านั้นที่วางอยู่บนพื้นเหมือนจะตายมานานแล้ว
ฉากนี้ทำให้คนที่เข้ามาเห็นล้วนตกใจอย่างมาก
ตอนนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเหมือนหยุดนิ่งไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จักรพรรดิจยาเหวินถึงได้สติกลับคืนมา พร้อมตะโกนขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม
“ไปนำตัวฮองเฮามาให้เจิ้น”
โอรสสวรรค์กริ้วอย่างมาก แม้แต่หรงจิ้นที่เคยปกป้องฮองเฮาตอนนี้ก็ขวางไว้ไม่ได้ ร่างกายแข็งค้าง เขาช่วยพยุงฮองเฮาขึ้นมา
ฮองเฮาหลับตาแน่น ราวกับว่านางได้สลบไปจริงๆ
จักรพรรดิจยาเหวินจ้องมองโครงกระดูกสีขาวเหล่านั้น เส้นเลือดสีน้ำเงินปูดขึ้นที่หน้าผาก
“โบยนางซะ หากฮองเฮายังไม่ฟื้นก็โบยนางต่อไป”
ทุกคนต่างก็ตกใจ
จักรพรรดิจยาเหวินสั่งให้คนโบยฮองเฮาจริงๆ หรือ?
นี่มันบ้าไปแล้ว
หรงจิ้นจะปล่อยมือนางไปได้อย่างใด เขาไม่สามารถมองคนอื่นทำร้ายแม่ของตนเองได้ จึงรีบบังตัวฮองเฮาไว้ แล้วคุกเข่าพูดว่า
“เสด็จพ่อ ความจริงเป็นเช่นไร ยังไม่สืบหาให้ชัดเจนเลย หากท่านทำเช่นนี้กับเสด็จแม่ จะทำให้นางเสียใจนะพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิจยาเหวินเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้เท้าเตะที่ไหล่ของหรงจิ้นอย่างแรง
“ไสหัวไป”
หรงจิ้นไม่กล้าขัดขวาง จึงโดนถีบไปนั่งอยู่ด้านข้าง
จักรพรรดิจยาเหวินยกมือขึ้นตบใบหน้าของฮองเฮาด้วยตนเอง
ซือถูซิงเฉินยืนอยู่ด้านข้าง แม้ว่านางจะไม่คิดเข้าไปยุ่ง แต่ว่าตอนนี้นางก็สติหลุดลอยจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิจยาเหวินตบหน้าฮองเฮาด้วยมือข้างเดียว ในที่สุดซือถูซิงเฉินก็พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเพคะ ตอนนี้ยังไม่มีอันใดชัดเจน เช่นนั้นไม่รอให้สืบให้กระจ่างแล้วค่อยว่ากันใหม่ดีหรือไม่เพคะ? เมื่อถึงตอนนั้น หากฮองเฮาเหนียงเหนียงมีความผิดจริงยังไม่สายเกินไปที่ฝ่าบาทจะลงโทษฮองเฮาด้วยตนเอง”
จักรพรรดิจยาเหวินชะงักไป
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ฮองเฮาที่สลบได้ก็ได้สติขึ้นมา
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองเห็นใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินที่อยู่ใกล้ๆ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
“ฝ่าบาท…”
จากนั้นนางถึงได้รู้สึกตัวว่าคอเสื้อของนางถูกจักรพรรดิจยาเหวินดึงเอาไว้อยู่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
“ฝ่าบาท ท่านจะทำอันใดหรือเพคะ?”
จักรพรรดิจยาเหวินยิ้มเย็นๆ จากนั้นก็ผลักนางลงไปกองที่พื้น
“เจ้าทำเรื่องอันใดไว้ เจ้าไม่รู้ตนเองหรอกหรือ? ทางที่ดีพูดออกมาให้หมดเสียดีกว่า ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
ฮองเฮาคุกเข่าอยู่ที่พื้น มีเพียงน้ำตาที่ไหลริน นางร้องไห้ไม่หยุดในความไม่รู้ของนาง
“หม่อมฉันไม่รู้…ไม่รู้จริงๆ เพคะ…”
จักรพรรดิจยาเหวินหันไปมองที่หรงเจิน
“หรงเจิน เจ้าพูดมา!”
หรงเจินถอยหลังอย่างขลาดกลัว ริมฝีปากสั่นกึกๆ
“ฝ่าบาท มีบางอย่างแปลกๆ อยู่ในกระถางใบนี้เพคะ”
ฉู่หนิงเดินไปหยุดตรงหน้ากระถางสำริด แล้วมองอย่างละเอียด ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...