“ใช่แล้ว หากท่านและภรรยาของท่านยินดี เราสามารถออกไปคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งได้ และสามารถเสนอข้อต่อรองอื่นๆ ได้ด้วย ดีหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่เสมอ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ก็จำต้องทิ้งความผยองที่มีเสีย
อีกฝ่ายดูเหมือนจะสนใจข้อเสนอนี้มาก พลันหัวเราะอย่างแผ่วเบา
“น่าสนใจ…”
ฉู่หลิวเยว่รีบชำเลืองมองกริชที่กำลังจะร่วงหล่นในใจนางกรีดร้องด้วยความวิตกกังวล พลันเอ่ยกระตุ้นอีกฝ่ายอย่างอดทนรอไม่ไหวอีกครั้ง
ทว่าสุดท้ายนางกลับยั้งปากไว้
ในสถานการณ์ที่ทางเสียเปรียบเช่นนี้ นางมีสิทธิจะไปพูดเร่งเขาได้ด้วยหรือ?
“ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่แตะต้องของสิ่งนั้น ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า”
ไม่นานชายคนนั้นก็เปล่งเสียงออกมา
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปทันที
“เถ้าแก่ใหญ่ ที่ท่านพูดนั่น…หมายความว่าอย่างใด?”
สิ่งใดคือแตะต้อง และอันใดคือห้ามแตะต้องกัน?
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนี้เจ้าสิ่งนี้จะก่อนอภินิหารอันใดขึ้นอีกหรือเปล่า?
นางแทบไม่กล้ารับปากคำสัญญานี้เลย
ทว่าทันใดนั้น ลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากหัวมังกรสีแดง และพุ่งใส่ฉู่หลิวเยว่โดยตรง
พอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังที่อยู่บนชั้นอากาศ หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เต้นรัว
เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวนี้แล้ว ทำให้รู้ว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้อยู่เหนือมู่ชิงเห่อเสียอีก
แม้ออกมาจากพรมแดนม่านฟ้า ความแข็งแกร่งของมู่ชิงเห่อจะถูกกักไว้ภายใต้ระดับขั้นของนักรบระดับเจ็ด แต่ทว่าลมปราณของผู้แข็งแกร่งเยี่ยงเขาจะไม่ลดลง
หากมู่ชิงเห่อต้องต่อสู้กับนักรบระดับหกที่ไม่เคยเข้าสู่พรมแดนม่านฟ้า แม้ว่าฝีมือของทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เขาก็สามารถโค่นอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายแน่นอน และชายผู้นี้…ก็ทำให้นางสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ
ไม่น่าแปลกใจคนที่เจินเป่าเก๋อจะดูหยิ่งผยองนัก เพราะได้รับการสนับสนุนจากชายผู้ทรงพลังอย่างเขานี่เอง
จักรพรรดิจยาเหวินเองก็ค่อนข้างเกรงกลัวทางเจินเป่าเก๋อเช่นกัน นั่นหมายความว่าเขาน่าจะรู้อันใดบางอย่าง…และแม้ว่ารังสีกดดันบนลำแสงสีดำจะมีพลังมหาศาล แต่เมื่อมันมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง ฉู่หลิวเยว่กลับตรวจหาภัยคุกคามจากลำแสงนั้นไม่พบ นางจึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย และรอนิ่งๆ อยู่ในที่ของนางเช่นเดิม
หากเถ้าแก่จะฆ่านางจริงๆ เขาคงทำไปตั้งนานแล้ว และไม่มานั่งปล่อยพลังปราณให้เสียเปล่าเช่นนี้?
ทันใดนั้นนางเห็นลำแสงสีดำบินมาที่มือของนาง และพุ่งทะลุเปลวไฟบนฝ่ามือเงียบๆ แล้วตกลงบนพีระมิดสีเงิน!
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดตัวเล็กลง
พลังของเปลวไฟนั้นมาจากหยดน้ำในจุดตันเถียนของนาง ซึ่งปกติแล้วมันจะครองตำแหน่งจอมบงการพลังในการนางมาตลอด แต่…เหตุใดวันนี้มันจึงไม่แผลงฤทธิ์เลยเล่า อีกทั้งยังปล่อยให้พลังของฝ่ายตรงข้ามผ่านเข้ามาโดยตรงอีก
เมื่อครู่นางคิดว่ามันจะปฏิเสธพลังฝ่ายนั้นทันที แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…
ทว่าทันใดนั้น พีระมิดสีเงินก็กลายเป็นสีดำสนิท
ลำแสงที่เจิดจ้าทั้งหมดถูกปกคลุมทั้งหมด และเมื่อปรายตามองดูมัน ก็เหมือนกับกำลังมองดีหินสีดำธรรมดาอย่างใดอย่างนั้น
แม้แต่พลังปราณ และการบีบบังคับภายในก็ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์
พลันเปลวไฟบนฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ ลดลง
พีระมิดหล่นลงบนฝ่ามือของนางเบาๆ พร้อมสัมผัสเย็นๆ ที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อย
แต่นอกจากสัมผัสนี้แล้ว ก็ไม่มีอันใดผิดปกติ
แม้แต่จิตอัญเชิญอันแรงกล้าก่อนหน้านี้ ก็สลายไปแทบจะในทันที
เหลือไว้เพียงพลังปราณแผ่วบางที่จะสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อแตะต้องมันเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงอยู่นาน
“ข้าปิดผนึกมันแล้ว นอกจากข้าก็ไม่มีผู้ใดเปิดมันได้ ด้วยวิธีนี้จะช่วยลดความปัญหาที่ตามมาได้”
คนผู้นั้นเอ่ยอย่างใจเย็น
ฉู่หลิวเยว่ “…”
วิธีนี้ช่วยลดปัญหาได้มาก แต่มันก็ขัดขวางการเล่นตุกติกของนางด้วยเหมือนกัน!
จากนี้ไปเจ้าสิ่งที่นางครอบครองอยู่นี่ ก็ไม่ต่างจากก้อนหินธรรมดาเลยน่ะสิ
“เมื่อมีค่ายกลชั้นบางๆ ห่อหุ้มไว้เช่นนี้ ต่อให้เจ้านำมันติดตัวไปด้วย ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นรอไว้เจอหน้าภรรยาของข้าก่อน ข้าถึงจะปลดผนึกมันให้เจ้า”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายราวกับเอ่ยถึงดินฟ้าอากาศที่สดใส ฉู่หลิวเยว่ก็แทบจะหมดความอดทนพร้อมกัดฟันพูดอย่างเหลืออด
“ขอบคุณเถ้าแก่ใหญ่”
ไหนว่าเขามาที่นี่เพื่อช่วยนาง เช่นนี้มันกดขี่นางชัดๆ
แต่นางกลับปฏิเสธเขาไม่ได้เลยสักคำ
ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงต่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...