ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 411

“ใช่แล้ว หากท่านและภรรยาของท่านยินดี เราสามารถออกไปคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งได้ และสามารถเสนอข้อต่อรองอื่นๆ ได้ด้วย ดีหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่ตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่เสมอ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ก็จำต้องทิ้งความผยองที่มีเสีย

อีกฝ่ายดูเหมือนจะสนใจข้อเสนอนี้มาก พลันหัวเราะอย่างแผ่วเบา

“น่าสนใจ…”

ฉู่หลิวเยว่รีบชำเลืองมองกริชที่กำลังจะร่วงหล่นในใจนางกรีดร้องด้วยความวิตกกังวล พลันเอ่ยกระตุ้นอีกฝ่ายอย่างอดทนรอไม่ไหวอีกครั้ง

ทว่าสุดท้ายนางกลับยั้งปากไว้

ในสถานการณ์ที่ทางเสียเปรียบเช่นนี้ นางมีสิทธิจะไปพูดเร่งเขาได้ด้วยหรือ?

“ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่แตะต้องของสิ่งนั้น ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า”

ไม่นานชายคนนั้นก็เปล่งเสียงออกมา

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปทันที

“เถ้าแก่ใหญ่ ที่ท่านพูดนั่น…หมายความว่าอย่างใด?”

สิ่งใดคือแตะต้อง และอันใดคือห้ามแตะต้องกัน?

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนี้เจ้าสิ่งนี้จะก่อนอภินิหารอันใดขึ้นอีกหรือเปล่า?

นางแทบไม่กล้ารับปากคำสัญญานี้เลย

ทว่าทันใดนั้น ลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากหัวมังกรสีแดง และพุ่งใส่ฉู่หลิวเยว่โดยตรง

พอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังที่อยู่บนชั้นอากาศ หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เต้นรัว

เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวนี้แล้ว ทำให้รู้ว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้อยู่เหนือมู่ชิงเห่อเสียอีก

แม้ออกมาจากพรมแดนม่านฟ้า ความแข็งแกร่งของมู่ชิงเห่อจะถูกกักไว้ภายใต้ระดับขั้นของนักรบระดับเจ็ด แต่ทว่าลมปราณของผู้แข็งแกร่งเยี่ยงเขาจะไม่ลดลง

หากมู่ชิงเห่อต้องต่อสู้กับนักรบระดับหกที่ไม่เคยเข้าสู่พรมแดนม่านฟ้า แม้ว่าฝีมือของทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เขาก็สามารถโค่นอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายแน่นอน และชายผู้นี้…ก็ทำให้นางสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ

ไม่น่าแปลกใจคนที่เจินเป่าเก๋อจะดูหยิ่งผยองนัก เพราะได้รับการสนับสนุนจากชายผู้ทรงพลังอย่างเขานี่เอง

จักรพรรดิจยาเหวินเองก็ค่อนข้างเกรงกลัวทางเจินเป่าเก๋อเช่นกัน นั่นหมายความว่าเขาน่าจะรู้อันใดบางอย่าง…และแม้ว่ารังสีกดดันบนลำแสงสีดำจะมีพลังมหาศาล แต่เมื่อมันมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง ฉู่หลิวเยว่กลับตรวจหาภัยคุกคามจากลำแสงนั้นไม่พบ นางจึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย และรอนิ่งๆ อยู่ในที่ของนางเช่นเดิม

หากเถ้าแก่จะฆ่านางจริงๆ เขาคงทำไปตั้งนานแล้ว และไม่มานั่งปล่อยพลังปราณให้เสียเปล่าเช่นนี้?

ทันใดนั้นนางเห็นลำแสงสีดำบินมาที่มือของนาง และพุ่งทะลุเปลวไฟบนฝ่ามือเงียบๆ แล้วตกลงบนพีระมิดสีเงิน!

รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดตัวเล็กลง

พลังของเปลวไฟนั้นมาจากหยดน้ำในจุดตันเถียนของนาง ซึ่งปกติแล้วมันจะครองตำแหน่งจอมบงการพลังในการนางมาตลอด แต่…เหตุใดวันนี้มันจึงไม่แผลงฤทธิ์เลยเล่า อีกทั้งยังปล่อยให้พลังของฝ่ายตรงข้ามผ่านเข้ามาโดยตรงอีก

เมื่อครู่นางคิดว่ามันจะปฏิเสธพลังฝ่ายนั้นทันที แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…

ทว่าทันใดนั้น พีระมิดสีเงินก็กลายเป็นสีดำสนิท

ลำแสงที่เจิดจ้าทั้งหมดถูกปกคลุมทั้งหมด และเมื่อปรายตามองดูมัน ก็เหมือนกับกำลังมองดีหินสีดำธรรมดาอย่างใดอย่างนั้น

แม้แต่พลังปราณ และการบีบบังคับภายในก็ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์

พลันเปลวไฟบนฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ ลดลง

พีระมิดหล่นลงบนฝ่ามือของนางเบาๆ พร้อมสัมผัสเย็นๆ ที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อย

แต่นอกจากสัมผัสนี้แล้ว ก็ไม่มีอันใดผิดปกติ

แม้แต่จิตอัญเชิญอันแรงกล้าก่อนหน้านี้ ก็สลายไปแทบจะในทันที

เหลือไว้เพียงพลังปราณแผ่วบางที่จะสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อแตะต้องมันเท่านั้น

ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงอยู่นาน

“ข้าปิดผนึกมันแล้ว นอกจากข้าก็ไม่มีผู้ใดเปิดมันได้ ด้วยวิธีนี้จะช่วยลดความปัญหาที่ตามมาได้”

คนผู้นั้นเอ่ยอย่างใจเย็น

ฉู่หลิวเยว่ “…”

วิธีนี้ช่วยลดปัญหาได้มาก แต่มันก็ขัดขวางการเล่นตุกติกของนางด้วยเหมือนกัน!

จากนี้ไปเจ้าสิ่งที่นางครอบครองอยู่นี่ ก็ไม่ต่างจากก้อนหินธรรมดาเลยน่ะสิ

“เมื่อมีค่ายกลชั้นบางๆ ห่อหุ้มไว้เช่นนี้ ต่อให้เจ้านำมันติดตัวไปด้วย ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นรอไว้เจอหน้าภรรยาของข้าก่อน ข้าถึงจะปลดผนึกมันให้เจ้า”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายราวกับเอ่ยถึงดินฟ้าอากาศที่สดใส ฉู่หลิวเยว่ก็แทบจะหมดความอดทนพร้อมกัดฟันพูดอย่างเหลืออด

“ขอบคุณเถ้าแก่ใหญ่”

ไหนว่าเขามาที่นี่เพื่อช่วยนาง เช่นนี้มันกดขี่นางชัดๆ

แต่นางกลับปฏิเสธเขาไม่ได้เลยสักคำ

ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงต่ำ

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์