ในที่สุดต้วนจืออวี่ก็อดถามเสียงเบาขึ้นมาไม่ได้ว่า
“คุณหนูฉู่ ท่านคงไม่ได้คิดจะซื้อทุกอย่างที่ประมุขอวี้ฉือนำมาขายที่นี่หรอกใช่หรือไม่ขอรับ…”
คำพูดของต้วนจืออวี่ก็ได้เรียกสติของฉู่หลิวเยว่
ทันใดนั้นนางก็ได้สติคืนมา พร้อมยิ้มอย่างตกใจว่า
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใดเล่า? ข้าแค่คิดว่าในเมื่อเขามีฐานะเป็นประมุข น่าจะมีสมบัติไม่น้อยเลยทีเดียว จึงอยากจะขอดูสักหน่อย แต่ว่าตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน”
ต้วนจืออวี่ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก
หากซื้ออีกล่ะก็ เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดเรื่องนี้กับนายท่านอย่างใดดี!
นั่นจึงทำให้พนักงานทั้งสองผิดหวังแล้ว แต่วันนี้นางก็ซื้อของไปเยอะมาก พวกเขาก็พึงพอใจมากแล้ว
แล้วอีกอย่างนางพึ่งพาอาศัยตระกูลมู่ หรือว่าหลังจากนี้นางจะมาที่นี่อีกหรือ?
“ขอรับ คุณหนูฉู่เช่นนั้นพวกเราจะช่วยห่อของที่ท่านเลือกไว้เมื่อครู่นี้นะขอรับ ท่านจะให้พวกเราช่วยท่านขนของให้พร้อมกับท่านหรือว่าจะให้พวกเราไปส่งที่เรือนตระกูลมู่ในภายหลัง?”
เรื่องยุ่งยากแล้ว
ฉู่หลิวเยว่โบกมือขึ้น
“เดี๋ยวพวกเจ้าค่อยเอาไปส่งที่จวนตระกูลมู่ก็ได้”
“ขอรับ ที่ชั้นสองนี้ท่านได้ใช้จ่ายเงินเป็นมูลค่า หนึ่งแสนสามพันผนึกศิลา รวมกับชั้นหนึ่งมูลค่า สี่พันแปดร้อยผนึกศิลา รวมทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งแสนเจ็ดพันแปดร้อยผนึกศิลา หลังหักส่วนลดสิบห้าส่วนแล้ว จะเหลือเป็นเก้าหมื่นหนึ่งพันหกร้อยผนึกศิลา ในขณะเดียวกันบัตรสมาชิกของท่านจะเลื่อนขั้นเป็นทองคำดำ ท่านว่า…”
เมื่อพนักงานตัวน้อยพูดไปก็หันไปมองที่ต้วนจืออวี่ด้วย
เพื่อส่งสัญญาณให้เขาจ่ายเงิน
แม้ว่าจะไม่ได้ใช่เงินของตนเอง แต่ต้วนจืออวี่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก
เก้าหมื่นผนึกศิลาขาว!
ต่อให้สำหรับนายท่านแล้ว ก็ยังถือว่าไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อยอยู่ดี!
“ในเมื่อเลื่อนขั้นเป็นบัตรทองคำดำแล้ว ยังไม่มีสิทธิประโยชน์อย่างอื่นหรือ?” ต้วนจืออวี่ถามขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
ใบหน้าของพนักหน้าตัวน้อยก็ยิ้มให้อย่างจริงใจ
“แม้ว่าบัตรทองคำดำกับทองคำขาว จะมีค่าส่วนลดที่เท่ากัน แต่ความจริงแล้วมันต่างกันอย่างมาก แขกที่มีบัตรทองคำดำนั้น จะมีคุณสมบัติขึ้นไปที่ชั้นสามได้ หากมียอดใช้จ่ายมากกว่าหนึ่งล้านผนึกศิลาขาวขึ้นไป จะมีห้องรับรองของที่ชั้นสามเอาไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ”
หนึ่งแสนมีสิทธิที่จะขึ้นชั้นสาม หนึ่งล้านถึงจะสามารถเป็นแขกที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกได้!
มาตรฐานของเกณฑ์นี้มันจะสูงเกินไปแล้วหรือไม่?
ต้วนจืออวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบถุงเฉียนคุนออกมา
“ในนี้มีเงินหนึ่งหมื่นผนึกศิลา เอาไปเป็นมัดจำก่อน ส่วนที่เหลือข้าจะจ่ายให้หลังจากของมาถึงที่จวนตระกูลมู่แล้ว”
พนักงานตัวน้อยก็ยกมือทั้งสองข้างประสานกัน เพื่อทำความเคารพ ใบหน้ามีรอยยิ้มยินดีประดับอยู่
เขาไม่ห่วงว่าตระกูลมู่จะเบี้ยวเงินหรอกนะ!
เขาอยู่หอร้อยโอสถมาตั้งหลายปีแล้ว ผลงานยังไม่ดีเท่าวันนี้วันเดียวเลย!
ด้วยเงินก้อนหนึ่งเขาจะตั้งใจพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่!
“คุณหนูฉู่ หากต่อจากนี้ท่านต้องการสิ่งใด หอร้อยโอสถจะพยายามหามาให้ท่านอย่างสุดความสามารถ”
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางต้วนจืออวี่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“วันนี้ข้ายังมีธุระอีก เช่นนั้นขอตัวก่อนนะ”
ตอนที่ออกจากหอร้อยโอสถแล้ว พนักงานทั้งชั้นหนึ่งและสองก็รู้แล้วว่าฉู่หลิวเยว่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของหอร้อยโอสถแห่งนี้ พวกเขาจึงโค้งคำนับทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
พนักงานทั้งสองคนนั้นก็ลงมาพร้อมกันด้วย เขาคำนับและส่งฉู่หลิวเยว่ออกจากหอร้อยโอสถไป เมื่อร่างเงาของทั้งสามคนหายไปแล้ว เขาก็เดินกลับเข้าหอไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
…
หลังจากใช้เงินก้อนใหญ่ของมู่ชิงเห่อแล้ว นางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
หลังจากเพิ่งพาเชียงหว่านโจวเข้าจวนมาได้ไม่นาน เขาก็เห็นว่ามู่ชิงเห่อกำลังเดินตรงมาทางนี้
ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ฟ้าเพิ่งมืดได้ไม่นาน แต่เมื่อคิดดูแล้ว ก็พบว่าวันนี้เป็นวันที่มู่ชิงเห่อกลับจวนมาเร็วที่สุด
ไม่ได้เจอกันแค่ไม่นาน แต่มู่ชิงเห่อกลับผอมลงไปอีกแล้ว สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดี
แต่ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจอันใดออกมา นางเข้าไปทำความเคารพด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
“คารวะรองแม่ทัพมู่”
มู่ชิงเห่อมองฉู่หลิวเยว่นิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“ได้ยินมาว่าที่งานประลองรอบคัดเลือกวันนี้ เจ้าชนะเด็กผู้หญิงที่อยู่ในระดับห้าหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้แปลกใจที่เขารู้เรื่องนี้ จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าค่ะ เหมือนว่าข้าจะโชคดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...