จะด่าเจี่ยนเฟิงฉือก็ด่าไปสิ แต่มาด่านางร่วมไปด้วยได้หรือ นางไม่มีทางทนอยู่แล้ว!
เมื่อชายมีเคราเห็นสีหน้าของฉู่หลิวเยว่ เขาก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที และในใจก็รู้สึกตระหนกอย่างมาก
แต่ตอนนั้นเองก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา แค่พวกเราคนเดียวก็สามารถเอาชนะฉู่หลิวเยว่ได้อย่างง่ายดายแล้ว หากผสานพลังกันเล่า?
ฉู่หลิวเยว่ต้องสู้สามต่อหนึ่ง เดิมทีก็เป็นนางนั่นแหละที่หาเรื่องตาย!
ยิ่งไปกว่านั้นเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย มีอันใดที่พวกเขาต้องกลัวกัน!
เหมือนว่าหยางเซิ่นเอ๋อร์จะยังไม่ยอมแพ้ จึงกล่าวโน้มน้าวต่อว่า
“คุณหนูฉู่ พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าเพียงเท่านั้น…ศิษย์พี่ทั้งสองของข้าก็ได้รับบาดเจ็บ…”
“พวกเขาบาดเจ็บ แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า?”
ฉู่หลิวเยว่พูดตัดบทหยางเซิ่นเอ๋อร์อย่างหมดความอดทน
“หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองคนรุดหน้าไปเพื่อต้านทานปราณกระบี่ ส่วนเจ้า…กลับหลบอยู่!”
ใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์เปลี่ยนสีทันที คิดไม่ถึงว่าในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ก็มองเห็นด้วย!
“เจ้าเป็นศิษย์น้องของพวกเขา เจ้ายังไม่ช่วย แต่เรียกให้ข้าช่วยเนี่ยนะ? เห็นว่าข้า…โง่เง่าขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างช้าๆ ชัดๆ
ความเร็วในการพูดของนางช้าและราบเรียบอย่างมาก แต่เมื่อคนทั้งสามได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทันที
ใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์แดงก่ำ นัยน์ตามีหยาดน้ำตาไหลริน
“ข้า…ข้า…”
ท่าทางเช่นนั้นทำให้ผู้ชายทั้งสองคนมีความรู้สึกรักหยกถนอมบุปผาขึ้นมาทันที
ชายร่างผอมสูงจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็งแล้วตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า
“เจ้าจะไปรู้อันใด!? ตอนนั้นอยู่สถานการณ์วิกฤต พวกเราเป็นฝ่ายบอกให้นางถอยออกไปเอง นางถึงได้ถอย! ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งสามคนคงบาดเจ็บกันหมดแล้ว! ฉู่หลิวเยว่ เจ้าอย่ามาสร้างความบาดหมางให้พวกเรา!”
หยางเซิ่นเอ๋อร์รีบดึงเขากลับมา
“ศิษย์พี่ เป็นความผิดของข้าเอง…พวกท่านอย่าโกรธเลย…”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่
มีคนไม่เอาสมอง ไม่สนใจชีวิต เช่นนั้นนางก็ไม่เปลืองน้ำลายคุยด้วย
“อยากจะพูดอันใดก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็สาวเท้าขึ้น เพื่อเดินหลีกเลี่ยงพวกเขาออกมา
ชายมีเครามีสีหน้ามืดครึ้มอย่างมาก แล้วเดินมาขวางทางนางเอาไว้
“ใครให้เจ้าไป?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามอง เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสของชายผู้นั้น นางก็หัวเราะขึ้น
รอยยิ้มเหยียดหยามและดูถูกของนางค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะจ้องมองชายมีเคราผู้นั้นด้วยความโกรธ
เขาจับกระบี่ที่อยู่ในมือแทงไปทางฉู่หลิวเยว่ทันที
“วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า ว่ามีคนที่เจ้าไม่ควรไปยั่วโมโห!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ข้อมือของเขาก็เบนออกไปทันที คมกระบี่แทงไปที่มือซ้ายของฉู่หลิวเยว่อย่างกะทันหัน
…เห็นได้ชัดว่าเขาพุ่งเป้าไปที่พรมแดนไวฑูรยะ!
แววตาของฉู่หลิวเยว่เย็นชามากขึ้น ทันใดนั้นที่มือขวาของนางก็มีมีดสั้นเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ!
ได้ยินเพียงเสียงกระทบดังลั่น กระบี่เล่มนั้นถูกปัดป้องได้อย่างง่ายดาย!
แขนของชายมีเคราคนนั้นสั่นสะท้านอย่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะทำให้แขนทั้งแขนของเขาชาได้เช่นนี้!
“บังอาจ!”
ชายร่างผอมสูงเห็นดังนั้น ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วออกกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะไม่มีกระบี่แล้ว พลังการต่อสู้ของเขาจึงลดลงอย่างมาก แต่ด้วยวรยุทธ์ของเขาที่อยู่ในนักรบระดับหก เมื่อมาเทียบกับระดับสามเช่นนาง แค่นั้นมันก็เกินพอแล้ว
“หมัดแปดวิถี”
เสียงของเขาแหบพร่า เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกำหมัด พร้อมโจมตีไปที่ฉู่หลิวเยว่!
หมัดนี้มีความรุนแรงอย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่ฉวยโอกาสนี้ แกล้งก้าวผิดจังหวะ คาดไม่ถึงว่านางจะชนแล้วเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชายมีเครา!
แต่ตอนนั้นเขายังไม่ทันได้รู้ตัว นางก็คว้าแขนของเขาให้พลิกขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง!
ตอนนั้นเองชายมีเคราก็แทบจะกลายเป็นเกราะให้ฉู่หลิวเยว่อย่างสมบูรณ์แล้ว!
ชายรูปร่างชายผอมเห็นดังนั้น จึงคิดจะถอนการโจมตีทันที แต่ว่าหมัดของเขาถูกปล่อยออกไปแล้ว หากขืนดึงกลับมาจะทำให้เกิดการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง!
เขารู้สึกจนปัญญาอย่างมาก ชายมีเคราต้องบาดเจ็บเพราะหมัดนี้แล้ว!
มือขวาที่เขากำลังถือดาบอยู่นั้นชาอยู่ ขยับไม่ได้เลย มีเพียงมือซ้ายเท่านั้นที่สามารถโจมตีฉู่หลิวเยว่ได้ เขาจึงยื่นมือไปบีบคอของนาง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...