ตรงกลางท้องพระโรง มีโครงกระดูกขนาดใหญ่นอนอยู่อย่างเงียบสงบ
กระดูกของมันใสแวววาวราวกับหยก เมื่อวางกองอยู่กับสมบัติพวกนี้ อาจจะทำให้เกิดการสับสนได้ ดังนั้นตอนแรกฉู่หลิวเยว่จึงไม่สามารถแยกแยะมันออกได้
แต่หากมองให้ละเอียด ก็ยังสามารถมองออกได้
เพราะแรงกดดันที่แผ่ขยายออกมา!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรงอย่างมาก
ทันใดนั้นอินทรีสามตาก็ส่งเสียงร้องออกมาทันที และลดปีกลง ก่อนจะก้มหน้าเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบตามองมันอยู่ครู่หนึ่ง สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันให้ความเคารพยำเกรงต่อไท่ซวีเฟิ่งหลงอย่างมาก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กระดูกเหล่านี้ต้องเป็นของไท่ซวีเฟิ่งหลงอย่างแน่นอน!
“เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?” ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
อินทรีสามตาส่ายหน้า
“ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล สายเลือดมีแรงกดดันมากเป็นธรรมดา ถ้าไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องเชื่อฟังเขา แต่ตอนนี้เหลือเพียงกระดูกข้าก็ต้องยอมรับ”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก
อินทรีสามตานับว่าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าไท่ซวีเฟิ่งหลง กลับเป็นฝ่ายที่ต้องทำความเคารพเขา
แต่นี่เป็นเพียงแค่โครงกระดูกของมันเท่านั้น แรงกดดันที่เหลือทิ้งไว้ยังน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้
ไม่รู้ว่าหากเป็นไท่ซวีหลงหยวนตัวจริงจะเป็นอย่างใดกันแน่?
“ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้ไท่ซวีเฟิ่งหลงแค่ปรายตามองมาทางเจ้า ก็สามารถทำลายร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าได้อย่างย่อยยับแล้ว!”
อินทรีสามตาพูดขึ้นเสียงเรียบ
ส่วนฉู่หลิวเยว่จะมีโอกาสได้เจอหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วอีกอย่าง ต่อให้มีโอกาสได้เจอกับไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวเป็นๆ ไม่รู้ว่าตอนนั้นนางจะอยู่ในอาณาจักรใด
“แล้วเหตุใดที่นี่มีเพียงครึ่งร่างเท่านั้นล่ะ?”
นางขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
อินทรีสามตาส่ายหน้า แสดงท่าทางว่าไม่รู้
“เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้น ให้ความสำคัญกับโครงกระดูกอย่างมาก ในเมื่อตายอยู่ด้านนอก ไม่ว่าไกลสักแค่ไหน พวกเขาจะไปตามกลับมา ไม่มีทางทิ้งเอาไว้ด้านนอกเช่นนี้แน่นอน แค่โครงกระดูกที่มีเพียงครึ่งร่างนี้นั้น…บางทีอาจจะเป็นเพราะเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นค้นหาไม่เจอ”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วคิดว่านี่ก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วน
“ถ้ามีเพียงครึ่งร่าง กายเนื้อของเจ้า… จะสามารถฟื้นคืนได้หรือไม่?”
อินทรีสามตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
“ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในบรรพกาล สายเลือดของมันสูงส่งกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป หากใช้พลังนี้ ต่อให้มีเพียงครึ่งร่าง ก็สามารถสร้างกายเนื้อได้ใหม่อย่างสมบูรณ์”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“งั้นก็ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็นำกระดูกเหล่านี้ออกไปกันเถอะ รอข้าหาของที่ต้องการใช้จนครบ แล้วค่อยช่วยเจ้า…มีอันใดหรือ?”
เมื่อเห็นว่าอินทรีสามตามองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ฉู่หลิวเยว่จึงกระแอมไอหนึ่งครั้ง
“เจ้าจะเอาโครงกระดูกนี้ออกไป?” อินทรีสามตาถามกลับ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างลังเล
“…แบบนั้น…ไม่เหมาะสมหรือ?”
สายตาของอินทรีสามตามีประกายความแปลกใจมากขึ้น
“เจ้าคิดว่าแหวนเฉียนคุนจะสามารถรับแรงกดดันของโครงกระดูกนี้ได้หรือ?”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
นางตบหน้าผากของตัวเองเบาๆ
“แปะ…”
นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างใดกัน?
“งั้นควรจะทำอย่างใดดี? หรือว่าต้องวางเอาไว้แบบนี้ต่อไป? พวกเราคงเข้ามาด้านในนี้ไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว…”
ตอนที่อินทรีสามตาพูด นางถึงได้พุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่สนใจอันใด ถ้าหากมาบอกนางตอนนี้ว่า ให้ดูแต่ตา ห้ามเอาไป…
“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์”
อินทรีสามตาพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
“เอาโครงกระดูกใส่ไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ สามารถนำออกไปด้านนอกได้ อีกนัยหนึ่งก็สามารถหลอมเอาพลังในเส้นเลือดที่หลงเหลืออยู่ของไท่ซวีเฟิ่งหลงออกมาได้อีกด้วย”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
นางขยับมือเพียงเล็กน้อย หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็มาอยู่ที่กลางฝ่ามือของนางแล้ว
เพลิงแห่งกรรมโปร่งใสก็เผาไหม้ขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
ฉู่หลิวเยว่ขยับมือของตัวเองเบาๆ หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...